บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 794

บทที่ 794 ทาสรับใช้ผู้ไร้มารยาท

บทที่ 794 ทาสรับใช้ผู้ไร้มารยาท

ดวงดาวส่องแสงระยิบระยับท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี

ภายในห้องสำหรับแขกผู้มีเกียรติในตำหนักอ๋องเวิน

เฉินซีนั่งขัดสมาธิ ขณะที่ร่างกายของชายหนุ่มเปล่งแสงสีทองที่แผ่ออกไปในรัศมีสิบสองจั้งโดยรอบ ถึงแม้มันไม่จะแพรวพราว แต่กลับนุ่มนวลและอ่อนโยน ทำให้อากาศรอบข้างดูเหมือนกำลังโห่ร้องและกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี เพราะถูกอาบไล้ด้วยรัศมีศักดิ์สิทธิ์นี้

นี่คือแสงทองแห่งคุณธรรม ซึ่งมีกลิ่นอายที่สอดคล้องกับฟ้าดิน และเป็นที่โปรดปรานของสรรพสิ่งในโลก

ในขณะเดียวกัน วัตถุจำนวนมากที่เต็มไปด้วยแสงสีเลือดและขดตัวด้วยบาปถูกวางอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่ม อีกทั้งยังมีสมบัติล้ำค่าที่หลากหลาย และวัตถุชั่วร้ายที่สุดแสนจะชั่วร้ายหลายอย่าง เช่น โครงกระดูก แก่นโลหิตของวิญญาณพยาบาท และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย

สิ่งของทั้งหมดนี้ต่างได้รับมาจากหลวงจีนจื่ออวิ๋นและคนอื่น ๆ หลังจากที่เขาตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว และเห็นว่าพวกมันไม่ได้มีประโยชน์มากนัก ชายหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะขัดเกลาพวกมันทั้งหมดทันที เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันเล็ดลอดไปสู่โลกภายนอกและนำพาหายนะมาสู่โลกหล้า

นอกจากนี้ ชายหนุ่มยังได้รับแสงทองแห่งคุณธรรมจำนวนหนึ่งจากการขัดเกลาพวกมัน ซึ่งมันได้หลอมรวมและควบแน่นกับการบ่มเพาะดวงจิตแห่งเต๋าของเขา ดังนั้นสิ่งนี้จึงกลายเป็นผลกำไรที่ได้มาอย่างคาดไม่ถึงแทน

ฟิ้ว!

บาปจากวัตถุชั่วร้ายจำนวนมากได้รับการขจัดและชำระให้บริสุทธิ์ ในขณะที่แดนฮุ่นตุ้นของเฉินซีถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองแห่งคุณธรรม มันเหมือนกับสายฝนสีทองที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ซึ่งย้อมสวรรค์และโลกด้วยม่านน้ำที่ทั้งบริสุทธิ์และใสกระจ่าง อีกทั้งยังเงางามอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในแดนฮุ่นตุ้นของเขาเงียบสงบ ราวกับเป็นสรวงสวรรค์ที่สานุศิษย์ของนิกายพุทธล้วนแต่ใฝ่ฝันถึง

ในเวลาเดียวกัน พลังที่อยู่ภายในจิตวิญญาณของเขาก็เริ่มควบแน่นทีละน้อย และชัดเจนมากขึ้น

เมื่อเฉินซีขัดเกลาธงเทพโลหิตผสานเสร็จเรียบร้อย พลังดวงจิตแห่งเต๋าของเขาก็ได้ควบแน่นจนมีขนาดเท่ากับไข่ไก่แล้ว มันเป็นวัตถุแกนกลางที่มีรูปทรงกลมและบริสุทธิ์!

นี่คือแก่นทองคำแห่งคุณธรรมที่เรียกว่าแก่นดวงใจ มันเปล่งประกายแสงสีทองอันแรงกล้าที่สาดส่องอวัยวะภายในทั้งหมดภายในร่างกายของเฉินซี อีกทั้งยังดูเหมือนพวกมันจะถูกเคลือบด้วยชั้นของผลึกศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเปล่งประกายแวววาวที่ทั้งบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ออกมา

ณ ตอนนี้ ชายหนุ่มได้รู้แล้วว่า สิ่งที่เรียกว่าแก่นหัวใจถูกควบแน่นจากพลังงานลึกลับที่มาจากดวงจิตแห่งเต๋าของเขา พลังงานประเภทนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก และดูจะไม่มีเคล็ดวิชาใดบ่มเพาะมันได้ อีกทั้งยังทำความเข้าใจได้ยาก

อย่างน้อยที่สุด เฉินซีก็ยังไม่มีความสามารถในการทำความเข้าใจมันด้วยการบ่มเพาะในปัจจุบัน

แต่หากเฉินซีต้องการขัดเกลาและบ่มเพาะพลังดวงใจ ก็มีวิธีมากมายให้ค้นหา เช่นการสังหารคนบาปผู้ยิ่งใหญ่ก็เป็นวิธีที่ตรงที่สุดและชัดเจนที่สุด

เมื่อมองดูในตอนนี้ ผลประโยชน์ที่เฉินซีได้รับจากพลังดวงใจยังคงน่าอัศจรรย์

พลังงานประเภทนี้สามารถทำให้เขาต่อสู้ได้นานขึ้น และไม่ต้องทนทุกข์เหมือนเมื่อก่อน เพราะถึงแม้จะมีต้นอ่อนเงาทมิฬที่เสริมปราณแท้ให้อย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนแรงอยู่ดี

หากกล่าวว่าปราณแท้และปราณจ้าววิญญาณเป็นแหล่งพลังงานในการต่อสู้ จิตสัมผัสเทพก็คือวิธีการควบคุมความแข็งแกร่งประเภทหนึ่ง และพลังดวงใจนี้ก็เป็นพลังงานประเภทหนึ่งที่เพิ่มความอดทนในการต่อสู้แทน

แม้มันจะดูไม่โดดเด่นนัก แต่เมื่อเกิดการต่อสู้ขึ้นจริง ๆ ภายใต้สถานการณ์ที่การบ่มเพาะและพลังต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายเท่ากัน ผลลัพธ์สุดท้ายก็จะขึ้นอยู่กับพลังดวงใจเพื่อตัดสินผู้ชนะคนสุดท้าย

ดั่งคำกล่าวที่ว่า สงครามที่ยืดเยื้อจะวัดกันที่ ‘เสบียง’ ส่วนการต่อสู้วัดกันที่ ‘พลังใจ’!

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงประโยชน์เดียวของมันที่ชายหนุ่มค้นพบในตอนนี้ บางที มีแต่ต้องขัดเกลาการบ่มเพาะของเขาอย่างไม่หยุดยั้งเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าการใช้พลังดวงใจมีประโยชน์ที่ลึกล้ำอันใดบ้าง

หลังจากชำระวัตถุเหล่านี้ที่มีพลังงานแห่งบาปทั้งหมดแล้ว เฉินซีก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก และเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก ยามนึกถึงการต่อสู้ในตอนกลางวัน

ทั้งการบ่มเพาะและความเข้าใจในเต๋าของเฉินได้บรรลุถึง ‘ขอบเขตขีดสุด’ แล้ว เมื่อเทียบกับในหมู่คนรุ่นราวคราวเดียวกัน อีกทั้งเขายังครอบครองสุดยอดพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว

ทั้งศาสตร์เต๋าและพลังอิทธิฤทธิ์ทั้งหมดที่เฉินซีทำความเข้าใจนั้น เป็นมรดกสูงสุดของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ในขณะที่เต๋ารู้แจ้งแห่งกระบี่รังสรรค์ที่เขาเข้าใจนั้นได้รับมาจากจักรพรรดิมดผู้สูงส่งจากยุคบรรพกาล นอกจากนั้น พลังอิทธิฤทธิ์อื่น ๆ ของเขา เช่น เนตรเทวะแห่งความจริงและปีกกำราบผกผันต่างก็เป็นสุดยอดพลังอิทธิฤทธิ์ในภพทั้งสามทั้งสิ้น!

ส่วนศัสตรานั้น เฉินซีมีชุดเกราะขนนกหมอกใต้พิภพซึ่งเป็นสมบัติอมตะเพื่อปกป้องตัวเอง ยันต์ศัสตราที่มีคุณสมบัติในฐานะอาวุธสังหารเทียบเท่ากับสมบัติอมตะที่แท้จริง อีกทั้งเขายังครอบครองระเบียนแดนมรณะ และพู่กันพิพากษามาร

ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ การสังหารหลวงจีนจื่ออวิ๋นและผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีอีกเจ็ดคน ย่อมเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และคงจะน่าแปลกใจ หากชายหนุ่มไม่อาจฆ่าพวกเขาได้

นอกจากนี้ ร่างอวตารของเขายังอยู่ในการปิดด่านบ่มเพาะในโลกแห่งดาราอยู่ในขณะนี้ และมันกำลังทะลวงเข้าสู่ขอบเขตสถิตกายาด้วยความช่วยเหลือจากผลึกโลหิตที่ควบแน่นจากวิญญาณอัสนีและควบคู่ไปกับกฎแห่งเวลาที่ไม่เหมือนใครในโลกแห่งดารา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่า ร่างอวตารของเฉินซีจะไม่สามารถบรรลุสู่ขอบเขตสถิตกายาได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

ในเวลานั้น ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกสักเท่าใด เมื่อร่างอวตารได้หลอมรวมกับร่างหลักแล้ว?

เฉินซีตั้งตารอการมาถึงของวันนั้นจริง ๆ

“ด้วยพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของข้า ข้าแทบจะไม่สามารถเอาชนะผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับสี่ที่มากด้วยพรสวรรค์ได้ และแม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับห้าก็อาจขัดขวางจนข้าไม่อาจหลบหนีได้…” เฉินซีกำลังครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง เขาตระหนักดีว่า หากเผชิญหน้ากับตัวตนในขอบเขตเซียนปฐพีซึ่งมีพรสวรรค์อันไร้เทียมทาน ชายหนุ่มอาจทำได้เพียงหลบหนีเท่านั้น

เพราะถึงอย่างไร มันก็ยังมีความห่างชั้นขนาดใหญ่ระหว่างขอบเขตสถิตกายากับขอบเขตเซียนปฐพีอยู่ และมันก็เหมือนความแตกต่างระหว่างฟ้ากับเหว ดังนั้นไม่ว่าพลังต่อสู้ของเฉินซีจะทรงพลังเพียงใด ชายหนุ่มก็สามารถจัดการกับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั่วไปได้เท่านั้น

“หืม?” ในขณะนี้ เฉินซีดูจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เขาจึงเงยหน้ามองออกไปทางด้านนอกหน้าต่าง

ภายใต้ม่านราตรีกาล เสิ่นเหยียนเดินไปที่ห้องของเฉินซีอย่างเงียบ ๆ จากนั้นตรวจสอบสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อพบว่าไม่มีใครเฝ้าอยู่ที่นี่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]