บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 798

บทที่ 798 ฝูงสุนัขเฒ่า

บทที่ 798 ฝูงสุนัขเฒ่า

ครืน!

คลื่นน้ำพวยพุ่งขึ้นฟ้า เผยให้เห็นชั้นแสงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเหมือนคัมภีร์ภาพที่ปกคลุมไปทั่วท้องนภา มันแฝงไปด้วยกลิ่นอายปราณเซียน ทันทีที่มันปรากฏขึ้นก็ทำเอาสว่างไสวไปทั่วทั้งฟ้าดิน!

เมื่อมองดูดี ๆ แล้ว คัมภีร์ภาพนี้มีภาพร่างกระบี่อยู่ทั้งหมดแปดภาพ แต่ละภาพคือกระบี่เซียนพร้อมกับทิวทัศน์สูงส่งงดงาม

หนึ่งในกระบี่เซียนเป็นเหมือนกับเสาหลักเพลิง มันเชื่อมต่อกับชั้นฟ้า ล้อมรอบไปด้วยหินหลอมเหลวร้อนที่หลั่งไหลอย่างบ้าคลั่ง

อีกเล่มหนึ่งเหมือนมังกรเกรี้ยวกราดที่เหินร่างขึ้นจากวารี ก่อให้เกิดคลื่นน้ำรุนแรงกวาดไปทั่วท้องฟ้า

อีกเล่มเหมือนขุนเขาตั้งตระหง่าน คอยปกปักรักษาฟ้าดิน

อีกเล่มเหมือนวาโยผันเปลี่ยน ท่องเที่ยวไปทั่วทั้งจักรวาล

ภาพวาดกระบี่ทั้งแปดได้เผยภาพทิวทัศน์แปดอย่าง เมื่อนำมารวมกันแล้วก็เกิดเป็นแสงกระบี่พุ่งขึ้นฟ้าไปอย่างรุนแรง ถึงขั้นทำให้ฟ้าดินตกอยู่ในเงามืด!

ผู้บ่มเพาะโดยรอบแม่น้ำที่มีรูปร่างคล้ายตัวอักษร ‘เต้า’ พากันตกใจ

“นี่มัน!?”

“การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้วหรือ? เหมือนข้าจะเห็นเงาคนถูกดึงเข้าไปสู่ค่ายกลกระบี่เมื่อครู่นี้!”

“ดูเหมือนจะเป็นค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมารจากหนึ่งในสิบนิกายเซียน นิกายวิถีกระแสสวรรค์!”

เสียงร้องตกใจดังขึ้นเมื่อผู้บ่มเพาะใกล้เคียงคนหนึ่งเผยสีหน้าหนักอึ้งพลางมองไปยังภาพวาดกระบี่ทั้งแปดที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกับปราณเซียน ด้วยสีหน้าตกตะลึงยิ่ง

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

เป็นตอนนั้นเองที่มีเงาร่างทั้งสามดีดตัวขึ้นมาจากน้ำ เป็นหญิงสาว ชายวัยกลางคน และชายชราตามลำดับ

หญิงสาวอยู่ในชุดหรูหรา มีท่าทางสูงส่งงดงาม ร่างสูงโปร่ง ที่หว่างคิ้วมีรอยสีแดงแต้มอยู่ และนัยน์ตาสีน้ำเงินราวกับน้ำในมหาสมุทร นับเป็นความงามโดดเด่นไม่เหมือนใคร

ชายวัยกลางคนมีรูปร่างสูง ท่าทางสง่างาม ทั่วทั้งร่างแผ่ปราณเซียนออกมาอย่างต่อเนื่อง

ชายชราสวมชุดสีดำ มีร่างผอมแห้งเหมือนต้นไผ่ แต่ก็เป็นผู้ที่ดูลึกล้ำที่สุด ทำให้คนแค่มองจากไกล ๆ เกิดความรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่อาจอธิบายได้

คนทั้งสามคือเหลิ่งฉานเอ๋อร์ เวินเทียนซั่ว และผู้อาวุโสอวิ๋นจู ตัวตนน่าเกรงขามที่มีพลังบ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีระดับหก!

หลังจากเวินเทียนซั่วแปลงโฉมตนเองแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกของเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ตอนนี้จึงยังไม่มีผู้ใดมองออก ในขณะที่ตัวตนของเหลิ่งฉานเอ๋อร์และผู้อาวุโสอวิ๋นจูถูกคนมองออกอย่างรวดเร็ว

เพราะอย่างไรในหมู่คนทั้งสองนี้ คนหนึ่งเป็นถึงอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งนิกายวิถีกระแสสวรรค์ ส่วนอีกคนก็เป็นตัวตนน่าเกรงขามผู้อยู่ขอบเขตเซียนปฐพีระดับหก มีหรือคนอื่นจะมองข้ามไปได้?

“สหายเต๋าทุกท่านในที่นี้ นิกายวิถีกระแสสวรรค์ได้ตั้งค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมารขึ้นเพื่อสังหารผู้ชั่วร้าย ต้องขออภัยในความไม่สะดวกทั้งหลายด้วย หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจ” เหลิ่งฉานเอ๋อร์ยืนด้วยท่วงท่าสง่างามอยู่ที่ริมแม่น้ำ ชุดผ้าพลิ้วไหวไปตามแรงลม เรือนผมเงางามไหวตามไปดั่งสายน้ำไหล ทุกท่วงท่าแฝงไว้ด้วยความสุขุมของผู้มีตำแหน่งสูงส่ง

เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็ตกใจยิ่ง ด้านหนึ่งก็มั่นใจถึงตัวตนของเหลิ่งฉานเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ด้วยรู้ว่าพวกเขาล้วนเป็นตัวตนสูงส่งจากนิกายวิถีกระแสสวรรค์ แต่อีกด้านหนึ่งก็ตกตะลึงเรื่อง ‘ผู้ชั่วร้าย’ ที่นางพูดถึง

ผู้ชั่วร้าย?

เขาเป็นใครกันแน่ถึงได้ทำให้ตัวตนสูงส่งทั้งหลายในนิกายวิถีกระแสสวรรค์ต้องลงมือ และใช้ไพ่ตายอันทรงพลังอย่างค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมารเช่นนี้ด้วย?

ค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมารนี้มีชื่อเสียงมาก! …เป็นเลื่องลือเกี่ยวกับความโหดเหี้ยมยิ่ง ภาพกระบี่ทุกเล่มล้วนเป็นสมบัติอมตะ และเมื่อภาพกระบี่ทั้งแปดเข้ามาควบรวมกัน มันก็จะกลายเป็นค่ายกลเซียนอันแข็งแกร่ง!

มันมีข่าวลือที่ว่า ค่ายกลนี้เป็นของประมุขนิกายกระแสสวรรค์ และได้รับการตกทอดมานับหมื่นปี ด้วยอำนาจของค่ายกลใหญ่นี้ พวกเขาจึงได้สยบมารอสูรมากฝีมือมานักต่อนักแล้ว

อีกทั้งเงื่อนไขในการใช้ค่ายกลนี้ก็ค่อนข้างเข้มงวด โดยต้องใช้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีแปดคนขึ้นไปในการติดตั้งค่ายกล แต่ละคนคุมภาพกระบี่หนึ่งภาพ เมื่อศัตรูตกอยู่ในค่ายกลแล้วก็เหมือนถูกกักขังอยู่ในโลกที่ตัดขาดจากโลกภายนอก ถูกกดดันด้วยจิตสังหาร ทำให้การตกอยู่ภายในค่ายกลเป็นผลลัพธ์ที่ไม่สามารถจินตนาการได้

แต่ตอนนี้นิกายวิถีกระแสสวรรค์กลับนำอาวุธลับเช่นนี้ออกมาใช้ ‘ผู้ชั่วร้าย’ ที่ว่าต้องมีพลังสูงส่งเพียงไหนกัน?

อย่างน้อย… ก็อยู่ขอบเขตเซียนปฐพีกระมัง?

“สหายเต๋า พวกท่านคงเคยได้ยินมาแล้วว่าค่ายกลกระบี่นี้ปิดฟ้าคลุมดิน สร้างโลกขึ้นมาเป็นของตนเองได้ ฉะนั้นหากศัตรูยังไม่ถูกกำจัด ค่ายกลนี้ก็จะคงอยู่ต่อไป อีกทั้งหากเข้าใกล้ก็จะถูกดูดเข้าไปในทันที ดังนั้นทุกคนยืนอยู่ที่เดิมเพื่อไม่ให้ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยจะดีกว่า” ในตอนที่ทุกคนกำลังตื่นตะลึงอยู่นั่นเอง เหลิ่งฉานเอ๋อร์ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแฝงด้วยการข่มขู่

“ไม่ใช่เฉินซีกระมัง?” มีคนคิดแล้วร้องขึ้นมา

ทันทีที่มีคนพูดเช่นนั้นขึ้นมา ทุกคนก็ตกตะลึง พวกเขาพลันนึกถึงเฉินซีที่ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักอ๋องเวิน เมืองวารีเมฆาเมื่อเช้านี้ และจัดการผู้ครองบาปมหันต์ขอบเขตเซียนปฐพีและขอบเขตสถิตกายาทั้งแปดไปได้!

แม้วันเวลาจะยังไม่ทันผ่านไป แต่โลกแห่งการบ่มเพาะก็ตกตะลึงเพราะเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]