บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 80

บทที่ 80 ต่อสู้กับราชาอีกาทมิฬ
บทที่ 80 ต่อสู้กับราชาอีกาทมิฬ

ชายชุดดำผู้นี้มีใบหน้าซีดเซียว ร่างสูงตระหง่านและมีผมสีม่วงดำ ดวงตาของเขามีสีเขียวหยกส่องประกายราวกับมีมนต์สะกดที่สามารถดูดวิญญาณของผู้คนที่พบเห็น

ทันทีที่คนผู้นี้ปรากฏตัว ปราณอสูรได้ปกคลุมท้องฟ้าและแผ่นดินอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นหมอกสีดำที่ม้วนรอบร่างกายของเขาไว้

“ราชาอีกาทมิฬ!” ตู้ชิงซีร้องออกมาโดยไม่ตั้งใจ จากนั้นนางก็รีบตะโกนเตือน “เฉินซี เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้ดี ราชาอสูรตนนี้ได้ขัดเกลากายาและบ่มเพาะปราณจนบรรลุขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นสมบูรณ์แบบ ซึ่งทำให้ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำเลยแม้แต่น้อย!”

อะไรน่ะ ราชาอสูรตนนี้ฝึกฝนทั้งการขัดเกลากายาและบ่มเพาะปราณหรือ?

เมื่อมองไปยังราชาอีกาทมิฬผู้สวมชุดดำที่อยู่ห่างออกไปราวสิบสองจั้ง ในใจของเฉินซีก็แอบวิตก

อสูรตนนี้บ่มเพาะลมปราณและขัดเกลากายาเช่นเดียวกับข้า แต่การบ่มเพาะของมันกลับสูงล้ำกว่าข้านักในครั้งนี้ข้าอาจจะตกอยู่ในอันตราย

“ราชาอสรพิษอินทนิล เจ้าจงกลับไปที่ห้องกลั่นโอสถเพื่อดูแลหม้อกลั่นซะ ส่วนตรงนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง” ราชาอีกาทมิฬยืนขึ้นอย่างภาคภูมิใจในขณะที่เขาสั่งอย่างเฉยเมย

“พี่ใหญ่ คนผู้นี้เป็นคนฆ่าราชามังกรทมิฬ ท่านไม่อาจปล่อยเขาไปโดยเด็ดขาด!” ราชาอสรพิษอินทนิลจ้องมองเฉินซีอย่างเกลียดชังก่อนที่จะจากไป

“เจ้านับว่าไม่เลวนัก การบ่มเพาะเพียงแค่ขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นต้น แต่กลับบรรลุเต๋าแห่งการต่อสู้ขั้นเต๋ารู้แจ้ง นับว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะที่พบได้ยากในบรรดาผู้บ่มเพาะชาวมนุษย์”

สายตาของราชาอีกาทมิฬจ้องไปที่เฉินซี ราวกับมันจะประเมินขีดความสามารถของเฉินซีได้

จากนั้นมันก็กล่าวด้วยโทนเสียงต่ำ “แต่ฝีมือของเจ้าก็ยังอ่อนหัดและไม่คู่ควรที่จะเป็นคู่มือของข้า แม้ว่าความสามารถในการเข้าใจของสัตว์อสูรจะด้อยกว่าพวกมนุษย์ แต่ข้าก็บ่มเพาะมานานนับหมื่นปี ไม่ต้องคำนึงถึงการขัดเกลากายากับลมปราณ หรือการบ่มเพาะในเต๋าแห่งการต่อสู้ ระดับของพวกมันต่างลึกซึ้งกว่าของเจ้ามาก ดังนั้นข้าขอแนะนำให้เจ้ายอมแพ้ซะ มิฉะนั้น ไม่ว่าเจ้าจะดิ้นรนเยี่ยงไร จุดจบของเจ้ามีเพียงแค่ความตาย!”

อสูรตนนี้บ่มเพาะมานับหมื่นปี!

เฉินซีแอบผวาในใจอีกครั้ง เผ่าอีกาทมิฬเดิมทีเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวจากยุคบรรพกาล ตามตำนานเล่ากันว่า เมื่ออีกาทมิฬเติบโตเต็มวัยจะมีสายเลือดบริสุทธิ์หมุนเวียนอยู่ภายในกาย ยามที่พวกมันกางปีกจะสามารถปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า เพียงอ้าปากก็สามารถกลืนกินมหาสมุทรและหุบเขา ด้วยการกระพือปีกเพียงครั้งเดียวก็สามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างง่ายดาย!

แม้ว่าราชาอีกาทมิฬที่อยู่เบื้องหน้าเฉินซีจะไม่น่าสะพรึงกลัวเหมือนบรรพบุรุษ แต่การดำรงอยู่ของมันนับว่าทรงพลังมาก มันได้บ่มเพาะมานานนับหมื่นปี! แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่โง่เขลาก็อาจจะเติบโตเป็นผู้เชี่ยวชาญหลังจากผ่านช่วงเวลาอันยาวนาน

“อย่าไปฟังวาจาไร้สาระของมัน แม้ว่าพรสวรรค์โดยกำเนิดของเผ่าอีกาทมิฬจะไม่ธรรมดา แต่ขีดจำกัดในการก้าวหน้าของมันนั้นน่าสมเพชเป็นอย่างยิ่ง หลังจากผ่านพ้นไปหนึ่งหมื่นปี การบ่มเพาะของมันก็หยุดอยู่เพียงขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นสมบูรณ์แบบ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าหากเป็นสมัยบรรพกาล ราชาอสูรตนนี้คงเป็นได้แค่ทารกที่เพิ่งหัดเดินเท่านั้น” ซ่งหลินรีบกล่าวออกมา

ราชาอีกาทมิฬไม่ได้มีทีท่าโกรธเคืองแต่อย่างใด สีหน้าของเขายังคงมืดมนเช่นเคยและไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ขณะที่เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “ทุกสิ่งที่เจ้ากล่าวมานั้นถูกต้อง แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่มีความหมายอันใด”

มันไม่มีความหมายจริง ๆ และเฉินซีก็ยอมรับเรื่องนี้ เนื่องจากข้อเท็จจริงทั้งมวลที่อยู่เบื้องหน้าเขา ขณะนี้ราชาอีกาทมิฬยังเป็นผู้ที่มีการบ่มเพาะทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวที่สุด ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถปฏิเสธได้

“ที่ข้ากล่าวมามากมายนั้น เพียงเพราะข้าไม่อยากจะฆ่าเจ้า และรู้สึกเสียดายคนที่มีความสามารถเยี่ยงเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาและคอยเฝ้าติดตามข้าเพื่อแสวงหาเต๋าร่วมกัน และกู่ร้องนามของพวกเราภายในโลกใบนี้!”

ราชาอีกาทมิฬกล่าวอย่างจริงจัง “แต่หากเจ้าปฏิเสธ ข้าจะฆ่าเจ้า นั่นก็เพราะความเข้าใจของเจ้านั้นน่าอัศจรรย์เกินไป และหากเจ้าเติบโตขึ้นก็จะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ในอนาคตอย่างแน่นอน ดังนั้นข้าคงไม่อาจอยู่อย่างสงบสุข หากไม่ฆ่าเจ้าทิ้งซะ”

ตู้ชิงซีและคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง เนื่องจากพวกเขาไม่เคยคิดว่า ราชาอีกาทมิฬจะประเมินเฉินซีไว้สูงถึงเพียงนี้

“ไม่มีทาง!” เฉินซีตอบปฏิเสธแบบไม่คิดในทันที

“จะไม่ลองทบทวนดูอีกหน่อยหรือ” ราชาอีกาทมิฬย้ำถามอีกครั้ง

“ไม่จำเป็นต้องคิด หากข้าติดตามเจ้าย่อมเป็นการช่วยอสูรชั่วก่อกรรมและนำภัยพิบัติมาสู่โลก แม้ว่าข้าเฉินซี จะไม่ใช่นักบุญที่คอยช่วยเหลือมวลมนุษย์ แต่ข้าก็มีหัวใจเต๋าเป็นของตัวเอง เส้นทางที่เจ้ามอบให้ไม่เหมาะกับตัวข้าเลยสักนิด” เฉินซีเน้นคำต่อคำ

ในขณะนี้ เฉินซีก็รู้สึกว่าแรงกดดันที่ราชาอีกาทมิฬมีแก่เขาลดลงไปอย่างมาก ราวกับว่าคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ได้ส่งผลต่อหัวใจเต๋าของตัวเองให้มั่นคงและไม่หวันไหว

“ช่างมันเถอะ! ในแก่นแท้แห่งเต๋าทั้งสามพันวิถี ทุกสรรพชีวิตล้วนมีเส้นทางเป็นของตัวเอง น่าเสียดายที่วันนี้เจ้าจะต้องตายอยู่บนเส้นทางของตัวเองแล้ว” ราชาอีกาทมิฬทอดถอนหายใจ “ตามข้ามาหากเจ้ากลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อสหายของเจ้า ไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะมันคือการต่อสู้อย่างเป็นธรรม ข้าจะลงมืออย่างเปิดเผย อีกทั้งจะทำให้เจ้ารู้ว่าตายอย่างไรและจะไม่ลอบโจมตีอย่างแน่นอน”

ทันทีที่กล่าวจบ ราชาอีกาทมิฬสะบัดเสื้อคลุมดำก่อนจะหายไป และพริบตาถัดมาเขาก็ปรากฏกายอยู่ที่ด้านนอกของภูเขาโดยไม่ได้ชายตามองเฉินซีเลยด้วยซ้ำ ราวกับไม่ได้กังวลว่าเฉินซีจะไม่ตามเขาไป

“เฉินซี เจ้าอย่าได้ไป จงรีบหนีไปซะ ไม่ต้องสนใจพวกเรา!” ตู้ชิงซีกล่าวอย่างเร่งรีบในทันทีเมื่อราชาอีกาทมิฬจากไป ดวงตาที่ใสกระจ่างของนางเต็มไปด้วยความวิตกกังวล อีกทั้งนางยังกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ

“ใช่แล้ว! จงหนีไปซะ! ไว้แก้แค้นให้พวกเราในภายหลัง! พวกเรานั้นจบสิ้นแล้ว เจ้าไม่ควรทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อพวกเรา!”

“ตู้ชิงซีกล่าวถูกแล้ว ความแข็งแกร่งของเจ้ายังห่างไกลเกินกว่าจะเป็นคู่มือของราชาอีกาทมิฬ เจ้าควรรีบหนีไปโดยเร็ว!”

ต้วนมู่เจ๋อกับซ่งหลินกล่าวออกมาพร้อมกัน การแสดงออกของพวกเขาแน่วแน่และจริงจัง

“พวกเจ้า…เหตุใดพวกเจ้าถึงคิดเยี่ยงนี้? หากไม่ลองลงมือจะรู้ผลลัพธ์ได้อย่างไร?”

“ทันทีที่เฉินซีจากไป พวกข้าจะไม่ถูกกลั่นเป็นโอสถหรอกหรือ? แม้พวกเจ้าเต็มใจ แต่ข้าไม่ยินยอม!” มู่หลงเว่ยที่อยู่ด้านข้างและไม่เคยกล่าววาจาใด ๆ กรีดร้องออกมา นางมาจากสำนักพฤกษาครามแห่งเมืองทะเลสาบมังกร มีรูปลักษณ์ที่งดงามและมีสเน่ห์ ทว่าในตอนนี้ หน้าของนางได้แปรเปลี่ยนไปมาและแววตาของนางก็มีร่องรอยความโกรธเกรี้ยว

เฉินซีจำได้ว่ามู่หลงเว่ย อวี้ฮ่าวไป๋ ฝาแฝดตู้เฉวี่ยนและตู้ขุย เป็นคนประเภทเดียวกัน พวกเขาเพียงแต่เดินตามไฉ่เล่อเทียน และเชื่อฟังทุกสิ่งที่นายน้อยตระกูลไฉ่คนนั้นสั่ง ยามที่อยู่ในดินแดนรกร้างใต้พิภพ แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่เคยสร้างปัญหาให้กับเขา แต่เวลาที่ไฉ่เล่อเทียนกลั่นแกล้งเขานางกลับเติมเชื้อไฟจากด้านข้าง ราวกับเป็นคนรับใช้ที่รู้วิธีกระดิกหางเอาใจเจ้านาย

ตอนนี้ ฝาแฝดตู้เฉวี่ยนและตู้ขุยได้เสียชีวิตไปในที่พำนักของเซียนกระบี่ ไฉ่เล่อเทียนและอวี้ฮ่าวไป๋เองก็ต่างเสียชีวิตด้วยน้ำมือของข้า มีเพียงมู่หลงเว่ยเท่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่

เดิมทีเฉินซีรู้สึกเห็นใจกับประสบการณ์อันขมขื่นของนาง แต่เมื่อเขาได้ยินถ้อยคำของนางในตอนนี้ คลื่นแห่งความไม่สบายใจได้ก่อขึ้นในใจของเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]