บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 815

บทที่ 815 แผ่นป้ายธรรมเทพ

บทที่ 815 แผ่นป้ายธรรมเทพ

ตามที่เหลียงปิงกล่าวไว้ สมบัติอมตะระดับจักรวาลสามารถบรรลุความเร็วได้อย่างน่าสะพรึง และเคลื่อนที่ได้ไกลถึงหนึ่งปีแสงในชั่วพริบตา!

แต่ภายใต้ความเร็วนี้ สัตว์อสูรจักรวาลกลับสามารถขัดขวางเส้นทางของพวกเขาได้ จึงเห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของมันน่ากลัวเพียงใด

เพียะ!

แต่ก่อนที่เฉินซีจะถอนหายใจหรือรู้สึกตกใจ แส้สีดำสนิทที่ยืดหยุ่น ยาวและบาง ได้ปรากฏขึ้นในมือขาวเรียวของเหลียงปิง และมันได้ฟาดออกไปราวกับสายฟ้าสีดำที่ทำลายความว่างเปล่าตรงหน้า จนเกิดเป็นเสียงที่บาดหูยิ่ง!

เพียะ!

ในช่วงเวลาต่อมา สัตว์อสูรจักรวาลซึ่งมีความสูงราวสองลี้ที่พุ่งเข้าหาพวกเขาก็ถูกแส้เฆี่ยนตีโดยตรง จนเนื้อหนังของมันปริแตกเป็นรอยนับไม่ถ้วน ทำให้มันไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องคร่ำครวญโหยหวน ก่อนที่มันจะถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น

“ฟาดแส้เพียงครั้งเดียวกลับมีอานุภาพที่น่ากลัวยิ่งนัก!”

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง ในขณะที่เขาจ้องมองหญิงสาวที่เต็มไปด้วยท่าทางอันน่าเกรงขามดุจราชินีคนนี้ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ!

เพราะเหตุการณ์นี้น่าตกใจเกินไป จากการประเมินของเขา ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรจักรวาลตัวนั้นอย่างน้อยก็ราว ๆ ขอบเขตเซียนสวรรค์ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเหลียงปิง มันก็เหมือนกระดาษแผ่นหนึ่งที่ไม่อาจทนการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้ ดังนั้นแล้วความแข็งแกร่งของนางจะน่ากลัวเพียงใด?

ใบหน้าของหญิงสาวยังคงเย็นชาดั่งเช่นเคย และเมื่อถูกเฉินซีจ้องมองเช่นนี้ นิ้วเรียวขาวของหญิงสาวก็เพียงลูบไล้แส้สีดำเส้นบางบนฝ่ามือของตนเองเบา ๆ ราวกับนางกำลังปัดเศษฝุ่นออก

เฉินซีพลันพบว่า แส้ในมือของเหลียงปิงนั้นไม่ธรรมดา มันหนาเหมือนนิ้วหัวแม่มือ มีสีดำสนิท ไร้ความมันเงา และพื้นผิวของมันก็ถูกปกคลุมด้วยลวดลายแปลกประหลาดอันหนาแน่นเหมือนกับลวดลายบนดอกไม้ มันช่างสวนทางกับกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมายิ่งนัก

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้มันดูเหมือนอสรพิษร้ายที่จ้องเขม็งหมายจะกลืนกิน!

“นั่นเป็นสัตว์อสูรจักรวาลชนิดหนึ่งที่เรียกว่าสัตว์อสูรสาละ ความแข็งแกร่งของมันเพียงพอที่จะฆ่าเซียนสวรรค์ แน่นอนว่าสัตว์ร้ายเช่นนี้ได้แต่ออกอาละวาดอยู่รอบ ๆ พิภพยันต์อักขระเท่านั้น แต่ไม่สามารถเข้าไปได้” เหลียงปิงกล่าว

“สัตว์อสูรสาละ? ฆ่าเซียนสวรรค์!?”

เฉินซีในขณะนี้ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ และความแข็งแกร่งที่เหลียงปิงได้เผยออกมา ก็ทำให้ชายหนุ่มไม่กล้าประเมินพลังของหญิงงามและเย็นชา ซึ่งมีกลิ่นอายสูงส่งคนนี้ต่ำไป

ท้องฟ้าของพิภพยันต์อักขระนั้นใสเหมือนสีของผลึกแก้ว อีกทั้งยังสะอาดหมดจดและโปร่งแสง

นี่คือเมืองที่ค่อนข้างเจริญรุ่งเรืองที่เรียกว่า ‘เมืองพยัคฆ์กระโจน’ ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา ผู้บ่มเพาะนับไม่ถ้วนต่างกำลังนั่งอยู่บนสมบัติวิเศษหรือเหาะทะยานเป็นริ้วแสง ในขณะที่พวกเขารีบมาจากทั่วทุกทิศทุกทาง โดยหมายมั่นที่จะเข้ามาในเมือง

เนื่องจากมีคนมากมายเกินไป พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องต่อแถวอยู่ที่นอกเมือง

พาหนะและสมบัติวิเศษต่าง ๆ เริ่มหมุนวนบนท้องฟ้า เรือเหาะสมบัติบางลำมีตราสัญลักษณ์ที่มีรูปร่างและขนาดต่าง ๆ แกะสลักไว้บนเรือ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกองกำลังที่ทรงอำนาจหรือมีความมั่งคั่งมหาศาล

ชนพื้นเมืองของพิภพยันต์อักขระคิดเป็นเพียงสองส่วนของผู้คนที่อยู่ที่นี่ และคนอื่น ๆ ล้วนเป็นผู้บ่มเพาะจากโลกทั้งสามพันแห่ง ยิ่งไปกว่านั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่ใครก็ตามซึ่งสามารถมาถึงพิภพที่แปลกประหลาดเช่นพิภพยันต์อักขระ จะเป็นผู้มีพลังระดับธรรมดา

หากผู้ใดต้องการไปถึงพิภพยันต์อักขระ การเดินทางในจักรวาลก็จำต้องใช้เวลายาวนาน อีกทั้งยังต้องประสบกับกำแพงมิตินับไม่ถ้วนและการไหลเวียนของกาลเวลาในห้วงอวกาศที่แสนวุ่นวาย ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่สามารถมาถึงที่นี่ได้อย่างปลอดภัยจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?

เช่นเดียวกับที่เหลียงปิงได้กล่าวไว้ พิภพยันต์อักขระเป็นสถานที่บ่มเพาะที่ไม่เหมือนใคร และสุดยอดกองกำลังของทั้งสามพันโลก มักจะส่งศิษย์ของพวกเขามายังที่นี่เพื่อหาประสบการณ์และบ่มเพาะ

เมืองพยัคฆ์กระโจนถือได้ว่าเป็นเมืองขนาดกลางในพื้นที่รอบนอกของพิภพยันต์อักขระเท่านั้น และมันยังห่างไกลที่จะเทียบกับมณฑลขนาดใหญ่ได้ แต่เนื่องจากสาขาของโถงอันดับที่เก้าได้ตั้งอยู่ในเมืองพยัคฆ์กระโจน จึงทำให้มันคับคั่งไปด้วยผู้คนและเจริญรุ่งเรืองมากด้วยเหตุนี้

ในเวลานี้ของทุกปี เมืองพยัคฆ์กระโจนจะดึงดูดชายหนุ่มและหญิงสาวหลายพันคนจากทั่วทุกสารทิศ ซึ่งมีทั้งชนพื้นเมืองและผู้บ่มเพาะที่มาจากโลกอื่น

ยิ่งกว่านั้น จำนวนคนที่มาถึงเมืองพยัคฆ์กระโจนในปีนี้ยังมีจำนวนมากเป็นพิเศษ และย่อมไม่ขาดแคลนศิษย์จากกองกำลังชั้นยอดที่มีความหยิ่งยโสอย่างมาก ซึ่งแต่ละคนก็มีเหตุผลต่าง ๆ นานา แต่ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับกลียุคของภพทั้งสามที่กำลังจะเกิดขึ้น

แม้จะเป็นเวลาเช้าตรู่ แต่ด้านนอกเมืองพยัคฆ์กระโจนก็เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายประเภท โดยส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาวที่เปี่ยมล้นด้วยพละกำลังและจิตวิญญาณที่กล้าหาญ

ฟิ้ว!

ประกายแสงสีเงินแวบผ่านโดยไม่สนใจแถวยาวเหยียดที่ด้านนอกประตูเมืองเลยแม้แต่น้อย และพุ่งเข้าไปในเมืองพยัคฆ์กระโจนจนเกิดเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว

“มารดามันเถอะ! ผู้ใดกัน? เหตุใดถึงบุกเข้าไปในเมืองด้วยท่าทางหยิ่งยโสเช่นนั้น? นี่มันไม่เกรงกลัวทหารยามของโถงอันดับที่เก้าเลยหรือ?”

“ไม่เคารพกฎและกล้าเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต คนผู้นั้นหยิ่งยโสมากกว่านายน้อยผู้นี้เสียอีก ดังนั้นให้ข้าดูเสียหน่อยว่าคนผู้นี้จะตายอย่างไร!”

“ใช่แล้ว พิภพยันต์อักขระไม่เหมือนกับที่อื่น และมีกฎในการเข้าเมือง หากแผ่นป้ายธรรมเทพที่อยู่ในความครอบครองมีคุณสมบัติไม่เพียงพอ คนผู้นั้นจะถูกจับในทันทีและได้รับการลงโทษอย่างหนัก สำหรับผู้ที่กล้าบุกเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต จะต้องถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน!”

ที่บริเวณนอกประตูเมือง ผู้คนที่อยู่ในแถวล้วนระเบิดความโกลาหล เมื่อพวกเขาเห็นใครบางคนไม่ยอมหยุดและพุ่งเข้าสู่เมืองพยัคฆ์กระโจนโดยตรง ซึ่งพวกเขาบ้างก็เย้ยหยัน บ้างก็มีความสุขในความโชคร้ายของคนผู้นั้น หรือเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจ!

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจก็คือ ทหารยามของโถงอันดับที่เก้าที่อยู่รอบ ๆ ประตูเมืองดูจะตาบอดไปในทันที ทุกคนต่างไม่ได้เคลื่อนไหวแม้แต่น้อยและไม่ได้ดำเนินการใด ๆ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]