บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 82

บทที่ 82 กระบี่วายุล่องหน
บทที่ 82 กระบี่วายุล่องหน

สายน้ำปรภพพุ่งขึ้นสูงก่อนจะม้วนเป็นเกลียวคลื่นผงาดราวมังกรยักษ์ดำทะมึนกำลังคำรามอย่างกราดเกรี้ยว ระลอกคลื่นโหมกระหน่ำ แผ่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าปานจะทำให้แตกสลายด้วยพลังบดขยี้และทำลายล้างทุกสิ่ง ในสายตาของทุกคน เฉินซีไม่ต่างอะไรกับฟางข้าวที่กำลังถูกสายน้ำดำมืดท่วมทับ เป็นดั่งใบไม้ที่ลอยล่องไปตามกระแสน้ำอย่างไม่รู้ทิศทางและมีแนวโน้มจะถูกคลื่นยักษ์ถาโถมจนพลิกคว่ำและทำลายไปได้ทุกเมื่อ

สถานการณ์ของชายหนุ่มเข้าขั้นวิกฤต!

“นึกแล้วเชียวว่าราชาคือผู้ไร้เทียมทาน! ความสามารถแค่นี้เข้าตำราคนโง่ย้ายภูเขาต้มน้ำทะเล*[1]นั่นเอง! เจ้าหนุ่มนั่นตายแน่!”

“แน่นอน ราชายึดครองหุบเขาจันทราโหยหวนมานานแสนนาน เจ้าเห็นหรือว่ามีใครเคยทำร้ายเขาได้แม้แต่เส้นขน ทันทีที่เจ้าหนุ่มมาปรากฏตัวข้าก็รู้แล้วว่าต่อให้ติดปีกก็ยากที่เขาจะหนีรอดหายนะแห่งความตาย!

เวลานั้นในรัศมีหนึ่งร้อยลี้ สัตว์อสูรทั้งหลายที่กำลังเฝ้าดูการต่อสู้บนท้องฟ้าต่างส่งเสียงโห่ร้องยินดีดังกระหึ่มอย่างต่อเนื่อง พวกมันมั่นใจเป็นที่สุดว่ามนุษย์ผู้นี้ไม่มีทางที่จะพลิกสถานการณ์ได้เมื่อเผชิญกับเต๋าแห่งสายน้ำของราชาอีกาทมิฬ

ทุกตนต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปในทำนองเดียวกันอยู่ภายในหุบเขา

สีหน้าของตู้ชิงซีและคนข้าง ๆ แสดงออกวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด หากไม่ใช่เพราะมาช่วยพวกเขา เฉินซีคงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

เขาไม่สมควรตาย!

“เขากำลังจะแพ้แล้วจริง ๆ อย่างนั้นหรือ มันน่าโมโหนัก! ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้สู้ไม่ต้องโผล่มาเสียจะดีกว่าไหม มาแล้วทำให้ข้ามีความหวังแต่สุดท้ายต้องผิดหวัง! พวกบุรุษชอบทำตัวเป็นคนกล้าหาญและมุทะลุแบบนี้ทุกคนหรือไร” เสียงมู่หลงเว่ยคร่ำครวญอย่างไม่รู้จักจบขณะใบหน้าที่เคยสวยงามกลับงอง้ำ

“น่าผิดหวังนัก ข้าเคยคิดว่าเขาจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ แต่ท้ายสุดเขามันก็แค่คนไม่เอาไหน อนิจจา” ฉางปินพูดสนับสนุนมู่หลงเว่ยเต็มที่ขณะที่เจ้าตัวถอนหายใจเฮือก

“พูดอะไร! เสียสติแล้วหรือไรขืนพูดอีกละก็!” ต้วนมู่เจ๋อเค้นเสียงคำรามด้วยความโกรธ เขาไม่คิดว่าจะพบคนไร้ยางอายอย่างสองคนนี้อยู่ในโลก

“อย่าเสียกำลังกับพวกนี้เลย จะโกรธพวกไร้ศีลธรรม ไร้ยางอายพวกนี้ไปเพื่ออะไร” ซ่งหลินเอ่ยปากเตือนเบา ๆ

ตู้ชิงซีหุบปากเงียบ แต่ในใจของนางคิดดูแคลนฉางปินและมู่หลงเว่ยเป็นอย่างยิ่ง และคิดได้ว่าไม่ควรใส่ใจกับคนพวกนี้มากเกินไป

“เอ๊ะ!”

“เกิดอะไรสักอย่างขึ้นที่นั่น!”

ท่ามกลางสายตาของผู้ที่กำลังจับจ้องอยู่ในบริเวณนั้น เฉินซีกำลังถูกคลื่นยักษ์ดำทะมึนโอบล้อมไว้ทุกทิศทาง ทันใดนั้นชายหนุ่มก็หยุดเคลื่อนไหวกะทันหัน และเขาก็ไม่ได้แสดงอาการต่อสู้ดิ้นรนต่อไป!

“เจ้าหนุ่มนั่นจะทำอะไร” ราชาจิ้งจอกเก้าหางนิ่วหน้าพลางเขม้นมอง เมื่อเห็นชัดว่าขณะนี้เฉินซีไม่เพียงหยุดการต่อต้านทั้งหมด แต่กลับหลับตาลงด้วย

ถัดออกไปไม่ไกล ราชาเต่าเฒ่าผู้มีสายตาลึกล้ำยังคงนิ่งเงียบมิได้เอ่ยอะไร เขามองดูเฉินซีด้วยสายตาแน่วนิ่ง หากมีร่องรอยความตื่นเต้นเผยให้เห็นเด่นชัดบนใบหน้าซูบตอบซึ่งเต็มไปด้วยรอยย่น ทั้งปรากฏริ้วรอยแห่งความคาดหวังแฝงมากับความกังวลใจ

ฟิ้วววว!

ทันใดนั้น ราชาอีกาทมิฬในชุดสีดำล้วนก็ปรากฏตัวขึ้นในเกลียวคลื่นดำสนิทและกำลังจ้องมองไปยังเฉินซี ซึ่งจะถูกแม่น้ำปรภพของตนกลืนกินในอีกไม่ช้า ดวงตาแวววาวของเขามิได้ฉายความยินดีแห่งชัยชนะที่ใกล้จะมาถึง แต่กลับมีความฉงนสนเท่ห์ออกมาแทน

‘มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้ เจ้านั่นมันมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะต่อสู้กับข้า นิสัยดื้อรั้นและใจเพชรของเขากลับไม่ต่อสู้ดิ้นรนได้อย่างไร’ ในหัวใจของราชาอีกาทมิฬเกิดความสงสัยเป็นที่สุด ขณะมองดูคนตรงข้ามพลันส่ายหน้าด้วยความงุนงงไม่หาย ‘เป็นไปได้หรือว่าก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจผิดไปเอง เจ้าหนุ่มนั่นมันแกล้งทำอย่างนั้นหรือ’

เปรี้ยง!

ขณะต่อมาปรากฏระลอกคลื่นใหญ่กว่าร้อยจั้งซัดเข้าใส่เฉินซีจนเขากระเด็นไปไกลกว่ายี่สิบจั้งราวมดปลวกทันที อวัยวะภายในบาดเจ็บจนปรากฏโลหิตทะลักออกมาจากทวารทั้งห้า

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง

ก่อนที่ร่างของเฉินซีจะตกลงกระแทกพื้น คลื่นอีกสองสามระลอกก็ซัดเข้ามาซ้ำอีก กระทั่งเนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลเลือดอาบร่างเต็มไปหมด สภาพของเขาก่อให้เกิดความรู้สึกน่าสังเวชแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก

แต่ดวงตาสองข้างของชายหนุ่มกลับยังคงปิดสนิทเช่นเดิม อีกทั้งท่าทีที่สงบนิ่งอย่างไร้สาเหตุก็ดูน่าแปลกใจมากเช่นกัน

“ดูไม่ชอบมาพากล เจ้าหนุ่มคนนั้นมีบางอย่างแปลกไปเสียแล้ว” เสียงราชาจิ้งจอกเก้าหางพึมพำด้วยความประหลาดใจ เท่าที่ตนเห็นกับตา กล่าวได้ว่าเฉินซีตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน อีกเพียงพริบตาเดียวเขาอาจตายหรือย่อยยับได้ทุกเมื่อ แต่หลังจากที่พิจารณาให้ดีแล้ว เขาจึงสังเกตว่ามีไอระเหยพลังหนืดไร้รูปร่างอยู่รอบตัวของเฉินซีอย่างน่าประหลาด และไม่ว่าคลื่นยักษ์จะซัดมากระทบกระแทกฝ่ายนั้นจากทุกทิศทางเพียงใด พลังหนืดไร้รูปรอยได้ทำให้มันสลายหายไปกว่าครึ่งหนึ่งเหลือไม่ถึงสองในสิบเข้าโจมตีเฉินซีเท่านั้น!

‘แปลกมาก!’

แววตาสงสัยใคร่รู้ฉายประกายวาบออกมาจากนัยน์ตาดอกท้อมีเสน่ห์ของราชาจิ้งจอกเก้าหาง

ไม่ใช่แค่เขาไม่เคยเผชิญหน้ากับผู้ฝึกบ่มเพาะพลังรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถพิเศษติดตัวมาแต่กำเนิดมาก่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบคนอย่างเฉินซี ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายยังใช้ระยะเวลาในการฝึกฝนเพียงไม่นานและเป็นคนหนุ่มอายุน้อยมาก มิหนำซ้ำหนุ่มน้อยคนนี้สามารถยืนหยัดต้านทานพลังเต๋าแห่งสายน้ำของราชาอีกาทมิฬได้จนถึงเดี๋ยวนี้ เฉินซีเป็นตัวประหลาดสำหรับเขาโดยแท้

“เจ้าเห็นไหม” ยามนี้แววตาของราชาเต่าเฒ่าลุกโพลง เสียงของเขากล่าวกับอีกฝ่ายฟังดูแปลกจนยากจะเข้าใจ พลางชี้ไปที่ท้องฟ้าไกลโพ้นพร้อมตะโกนเสียงดัง “ดูนั่นเร็ว…!”

ในจิตใต้สำนึกอันรางเลือนของเฉินซี เขากำลังฝันถึงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวพราวกระจ่าง

บนท้องฟ้าปลอดโปร่งของยามค่ำคืน พร่างพราวไปด้วยดาราสุกสกาวระยิบระยับมากมายนับไม่ถ้วน ขณะที่เปล่งแสงสีเงินยวงเย็นเยือก ดาวทุกดวงมีวิถีอย่างแน่นแฟ้นขณะที่โคจรไปรอบ ๆ ดุจกำลังเต้นรำอยู่บนท้องฟ้า สายลมเย็นพัดผ่านทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ต้นหญ้าอ่อนนุ่มและละเอียดเอนลู่ราวกับคลื่นที่ซัดไปมาท่ามกลางเสียงลมดังหวีดหวิวแผ่วเบา

ยามนั้นจิตของเขาบริสุทธิ์และสะอาด

เวลานั้นในสายตาของเขามีเพียงดวงดาวจำนวนมากมายมหาศาล ประหนึ่งฝ่ามือขนาดใหญ่ที่ใช้ฟ้าดินต่างแผ่นยันต์ ดวงดาราต่างพู่กันวาดเป็นลวดลายวิถีลี้ลับและลึกซึ้งแห่งวงโคจรของดวงดาว

ครู่ต่อมาเขาก็มองเห็นดวงดาวดารดาษเรียงรายบนท้องฟ้าอีกครั้ง ลมหายใจแห่งบรรพกาลและยิ่งใหญ่ดังเข้ามาในหูของเขาอีกครั้ง

ภาพความทรงจำในอดีตมากมาย ความเศร้าโศก ความไม่พึงปรารถนา ความทุกข์ยาก เย้ยหยันและการกระทำที่สูญเปล่าสุดท้ายก็เหลือเพียงเถ้าถ่าน เมื่อเผชิญหน้ากับดาวนับล้านดวงเช่นนี้ ความโกรธแค้นแสนสาหัสและความซับซ้อนทั้งหลายที่เคยมีบนโลกมนุษย์ รวมทั้งเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้เขาเกิดความแค้นและไม่พอใจ ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งสลักสำคัญ ไม่ควรค่าแม้การจะกล่าวถึง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]