บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 842

บทที่ 842 สมบัติศักดิ์สิทธิ์โกลาหล

บทที่ 842 สมบัติศักดิ์สิทธิ์โกลาหล

แสงแรกของรุ่งอรุณในวันรุ่งขึ้น เฉินซีตื่นจากการทำสมาธิ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองแสงแรกที่ส่องผ่านหน้าต่าง เขาเงียบไปนานก่อนจะรวบรวมสติ จากนั้นจึงอาบน้ำและออกจากห้องไป

วันใหม่คือการเริ่มต้นใหม่ เวิ่นเทียนเซี่ยวได้จากไปแล้ว ดังนั้นบางสิ่งก็ควรเก็บไว้ในใจ และไม่ควรปล่อยให้มันเป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า

เถิงหลานรออยู่ข้างนอกก่อนแล้ว และเจ้าตัวพยักหน้าเมื่อเห็นเฉินซีออกมา “ถ้าไม่มีเรื่องใดแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ” คุณหนูใหญ่ได้จัดการทุกอย่างในมณฑลจักรพรรดิตะวันออกเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

เฉินซีพยักหน้า

ฟิ้ว!

หลังจากนั้นไม่นาน รถม้าสมบัติรูปทรงกระสวยก็พุ่งออกจากเมืองนกนางแอ่นแดง และแหวกผ่านชั้นเมฆ ขณะที่มันพุ่งทะลุท้องฟ้า

พื้นที่ภายในรถม้าสมบัตินั้นค่อนข้างใหญ่ มั่นคง และสะดวกสบาย มีแม้กระทั่งโต๊ะอาหาร โต๊ะทำงาน หรือห้องที่เงียบสงบสำหรับบ่มเพาะในรถม้าสมบัติ ทำให้มันดูเหมือนป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็ก

เฉินซีนอนอยู่บนม้านั่งบุนวมในขณะที่พินิจแผ่นหยกในมือด้วยสายตาที่หรี่เล็กลง

เถิงหลานได้มอบแผ่นหยกให้กับชายหนุ่ม มันได้บันทึกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสี่ตระกูลใหญ่และเจดีย์ต้าเหยี่ยนอย่างละเอียด

นับตั้งแต่มีการสร้างพิภพยันต์อักขระขึ้นมา เงื่อนไขของมันก็ถูกกำหนดขึ้น โดยมีตระกูลเหลียง ตระกูลกู่ ตระกูลอิน และตระกูลหลัว ครอบครองอำนาจควบคุมสูงสุด

กองกำลังของสี่ตระกูลใหญ่เหล่านี้ก็ได้ปกป้องพิภพยันต์อักขระมาตลอดเช่นกัน

ซึ่งตระกูลทั้งสี่นี้ได้ตั้งอยู่ในมณฑลจักรพรรดิตะวันออก มณฑลจักรพรรดิแห่งความมืด มณฑลราชินีวิหคอมตะและมณฑลบรรพบุรุษอสูรตามลำดับ โดยมณฑลทั้งสี่ตั้งอยู่บนตำแหน่งของสี่สัญลักษณ์ และพวกเขาคอยปกป้องบริเวณโดยรอบของนครหลวง

ประวัติศาสตร์การสืบทอดของทุกตระกูลนั้นเก่าแก่มาก กองกำลังของพวกเขามีมากมายมหาศาล ทรัพยากรที่ซ่อนอยู่และทุนสำรองของพวกเขาก็ลึกล้ำ ชนิดที่ว่าเหนือกว่าขุมพลังที่ไม่ธรรมดาทั่วไปจนมิอาจเทียบ

ตัวอย่างเช่น แผ่นหยกระบุว่ามีเพียงตระกูลหลัวเท่านั้นที่มีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีมากกว่าร้อยคน ผู้เป็นเซียนสวรรค์มากกว่าสิบคน อีกทั้งยังมีผู้อาวุโสบางคนที่บ่มเพาะอย่างปลีกวิเวก และคอยปกป้องตระกูลหลัวอย่างลับ ๆ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงยิ่ง!

แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ บรรดาตระกูลใหญ่ทั้งสี่เหล่านี้จะมีสมบัติประจำตระกูล ซึ่งเป็นรากฐานในการก่อตั้งตระกูลของพวกเขา อันเป็นที่พึ่งพิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทำให้ทั้งสี่ตระกูลสามารถยืนหยัดได้อย่างปลอดภัยผ่านยุคสมัยอันไร้ขอบเขต

สมบัติเหล่านี้ได้แก่ ไม้บรรทัดหยั่งรู้สวรรค์ของตระกูลเหลียง ตราประทับเทพปฐพีของตระกูลกู่ เจดีย์สยบพิภพของตระกูลอิน และกระบี่สะบั้นเต๋าของตระกูลหลัว!

สมบัติศักดิ์สิทธิ์โกลาหลทั้งสี่ชิ้นนี้ที่มาจากยุคบรรพกาล ไม่ได้เป็นเพียงอาวุธสังหารที่ยอดเยี่ยมที่สร้างความสั่นสะเทือนในยุคบรรพกาลเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในการสร้างพิภพยันต์อักขระอย่างมาก

ตัวอย่างเช่น ไม้บรรทัดหยั่งรู้สวรรค์ได้แบ่งพลังธรรมเทพ กำหนดกฎ และข้อบังคับของพิภพยันต์อักขระ

ตราประทับเทพปฐพี สร้างภูเขา แม่น้ำ และเมืองในพิภพยันต์อักขระ

เจดีย์สยบพิภพสร้างม่านมิติของพิภพยันต์อักขระ

กระบี่สะบั้นเต๋าได้สกัดส่วนหนึ่งของกฎแห่งเต๋าสวรรค์ เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังหมุนเวียนที่ไม่เหมือนใครของเต๋าแห่งสวรรค์ในพิภพยันต์อักขระ

สรุปก็คือ การมีอยู่ของสมบัติศักดิ์สิทธิ์โกลาหลทั้งสี่นี้ต่อพิภพยันต์อักขระทั้งหมด เป็นดั่งสมบัติเทวะสร้างโลก และเป็นการดำรงอยู่ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งสมบัติอมตะทั่วไปไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลย

ในทางกลับกัน เจดีย์ต้าเหยี่ยนที่อยู่ใจกลางนครหลวงเปรียบดั่งหัวใจของพิภพยันต์อักขระ และเป็นแหล่งพลังงานของฟ้าดินภายในพิภพยันต์อักขระ!

เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า พลังฟ้าดินที่อยู่ภายในพิภพยันต์อักขระไม่ใช่ปราณวิญญาณ ปราณจ้าววิญญาณ หรือปราณเซียน มันคือพลังธรรมเทพ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การมีอยู่ของเจดีย์ต้าเหยี่ยน ทำให้พิภพยันต์อักขระที่ครอบครองพลังธรรมเทพสามารถแผ่ขยายให้แก่ทุกคนได้

การสูญเสียเจดีย์ต้าเหยี่ยนจะทำให้พิภพยันต์อักขระทั้งหมดกลายเป็นเปลือกที่ว่างเปล่า …ความสำคัญของมันจึงยิ่งใหญ่กว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์โกลาหลทั้งสี่!

หลังจากอ่านแผ่นหยกในมืออย่างระมัดระวัง เฉินซีก็ถอนหายใจยาว จากนั้นเขาจึงหลับตาเป็นเวลานาน เพื่อทำความเข้าใจข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียดนี้

จนกระทั่งตอนนี้ ชายหนุ่มจึงมีความรู้ความเข้าใจต่อพิภพยันต์อักขระทั้งหมด และในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าตระกูลทั้งสี่นั้นยิ่งใหญ่เพียงใด

หลังจากนั้นชายหนุ่มก็คล้ายนึกอะไรบางอย่างออกและเอ่ยถามออกไปว่า “หากบรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์แล้ว ไม่จำเป็นต้องขึ้นไปสู่ภพเซียนหรอกหรือ? เหตุใดตระกูลใหญ่ทั้งสี่ยังคงมีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์มากมายนักเล่า?”

เถิงหลานดูจะไม่แปลกใจกับคำถามของเฉินซี และตอบกลับไปว่า “เจ้าสัมผัสได้ถึงการจุติของทัณฑ์สวรรค์ในพิภพยันต์อักขระหรือไม่”

เฉินซีเข้าใจในทันที เป็นเพราะกฎแห่งเต๋าสวรรค์ในพิภพยันต์อักขระมีความแตกต่างกัน จนแม้แต่เขาที่ถูกกฎแห่งเต๋าสวรรค์มองว่าเป็น ‘สิ่งแปลกปลอม’ ก็ยังสามารถอยู่ในพิภพยันต์อักขระได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลานาน โดยไม่ต้องกังวลว่าจะชักนำสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งการพิพากษา แล้วจะนับประสาอะไรกับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์เหล่านั้น?

“พิภพยันต์อักขระเป็นการดำรงอยู่ที่ผิดปกติอย่างยิ่ง และไม่เหมือนกับภพมนุษย์ ภพเซียน หรือยมโลก มันสร้างระบบของมันเอง ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว มันอ่อนแอที่สุดในบรรดาโลกต่าง ๆ แต่เหตุผลที่มันยืนหยัดอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ และไม่ถูกโลกอื่นกลืนกินก็เป็นเพราะเจดีย์ต้าเหยี่ยน!” เถิงหลานกล่าวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และสายตาที่สงบเสมอของเขาก็อดไม่ได้ที่จะเผยความชื่นชมออกมาเล็กน้อย “ตราบเท่าที่เจดีย์ต้าเหยี่ยนยังคงอยู่ จะไม่มีผู้ใดในจักรวาลที่สามารถสั่นคลอนการดำรงอยู่ของพิภพยันต์อักขระได้ ข้าไม่แน่ใจเกี่ยวกับเหตุผลที่แน่ชัดเช่นกัน แต่นี่เป็นมุมมองทั่วไปของผู้คนในพิภพยันต์อักขระ และทุกคนก็เชื่อมั่นอย่างสุดซึ้ง”

เฉินซีตกตะลึงและอดสงสัยไม่ได้ “เจดีย์ต้าเหยี่ยนคือสิ่งใดกันแน่? เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันน่าเกรงขามยิ่งกว่าเทพ อสูร หรือผู้ปกครองโลกใบอื่น?”

เขาถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “แล้วเหตุใดการเปิดของเจดีย์ต้าเหยี่ยนในครั้งนี้ จึงดึงดูดผู้เยี่ยมยุทธ์จำนวนมากมากัน?”

เถิงหลานกล่าวอย่างใจเย็น “เคล็ดวิชาบ่มเพาะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]