บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 89

บทที่ 89 กลับคืนสู่บ้าน
บทที่ 89 กลับคืนสู่บ้าน

วิ้งงง!

ทันทีที่มือของเฉินซีคว้าจับวัตถุที่ส่องประกายแสง พลังลึกลับที่ผสมผสานระหว่างความร้อนที่แผดเผากับความเย็นอันเยือกแข็งได้เจาะเนื้อหนังของเขาอย่างรุนแรงราวกับคมมีดอันแหลมคมโดยไม่คำนึงถึงปราณแท้อันหนาแน่นที่ปกคลุมอยู่บนฝ่ามือและต้องการทำลายฝ่ามือของเขาเพื่อหลบหนีออกไป

“มันไม่เพิกเฉยม่านปราณแท้ของข้าโดยสมบูรณ์!” เฉินซีเจ็บปวดจนใบหน้าบิดเบี้ยว หากเขาไม่ได้บ่มเพาะเคล็ดวิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพและขัดเกลาร่างกายจนถึงขอบเขตก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบ การจู่โจมนี้คงทำให้ฝ่ามือของเขาทะลุเป็นรู

ในที่สุด เฉินซีก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าวัตถุที่ส่องประกายแสงแวววาวอยู่ในฝ่ามือนั้นมีรูปลักษณ์คล้ายกับเศษกระดองเต่าที่มีรูปลักษณ์ผิดแปลก

มันมีขนาดเท่าฝ่ามือ พื้นผิวหยาบกร้านและสีดำสนิท ด้านบนมีการสลักลวดลายซับซ้อน ซึ่งไม่เพียงแต่ไม่เป็นระเบียบเท่านั้น แต่กลับมีกลิ่นอายอันเก่าแก่และลึกซึ้ง

‘ลวดลายนี้ดูคล้ายภาพวาดมหาสมุทรที่ไร้ขอบเขตและท้องฟ้าที่ประดับประดาไปด้วยดวงดารา คล้ายกับตอนที่สวรรค์และโลกอันกว้างใหญ่ก่อตัวขึ้น สรวงสวรรค์และยมโลกปรากฏขึ้น’

‘ช่างกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด เพียงแค่ชำเลืองมองก็ราวกับจะถูกดูดจิตวิญญาณเข้าไป!’

‘สิ่งนี้คือชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลาก?’

เฉินซีตกตะลึงจนอธิบายไม่ถูก เมื่อครู่นี้ราวกับดวงวิญญาณของเขาจะหลุดลอยหนีไป ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวและตื่นตระหนกอย่างยิ่ง

โอม!

ในขณะนี้เอง กระแสพลังอันรุนแรงไหลทะลักออกมาจากชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากเข้าสู่ฝ่ามือของเขาอีกครั้ง ราวกับหินหลอมเหลวจากใจกลางโลกและภูเขาน้ำแข็งที่เยือกเย็นหลอมรวมเข้าด้วยกัน ซึ่งแผดเผาผิวหนังและหนาวเย็นจนเสียดกระดูก

เกิดเสียงดังสนั่น มือของเฉินซีสะท้านจนเลือดทะลักออกมาจากมือขวาที่กำแน่น และเลือดได้สาดกระเซ็นขึ้นสู่อากาศ เผยให้เห็นกระดูกสีขาวที่น่าสยดสยองในมือของเขา

“อ๊าก!” ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้เฉินซีอดไม่ได้ที่จะโอดครวญ แต่เขายังคงกำชิ้นส่วนของแผ่นภาพวารีหลากจนแน่น แม้ว่าเนื้อหนังจะฉีกขาดหรือกระดูกจะแตกหักก็ตาม

เฉินซีไม่ทันได้สังเกตว่าหลังจากที่ชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากเปื้อนเลือดของเขา มันก็ยิ่งดิ้นรนมากขึ้น มันกระสับกระส่ายและกระวนกระวาย ราวกับสังเกตถึงพลังที่ทำให้มันรู้สึกหวาดกลัวกำลังคืบคลานใกล้เข้ามาอย่างเงียบ ๆ…

ฮึ่ม!

พลังที่ร้อนระอุและเย็นยะเยือกอีกสายหนึ่งได้ปะทุออกมาอีกครั้ง ในขณะที่ เฉินซีกัดฟันแน่นและตั้งใจจะใช้กำลังทั้งหมดในร่าง เพื่ออดทนต่อคลื่นแห่งความเจ็บปวดเช่นนี้

ทันใดนั้น รูปปั้นฝูซีซึ่งนั่งสมาธิอยู่ภายในทะเลจิตสำนึกของเฉินซีจู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้น ในชั่วพริบตานั้น ราวกับเป็นจุดเริ่มต้นของโลกบรรพกาลและเอกภพที่เพิ่งก่อตัวขึ้น มีสายฟ้าฟาดไปทั่วหล้า เหล่าดวงดาวโคจรอยู่ภายในดวงตา ฉากมากมายและแสงศักดิ์สิทธิ์แผ่กระจายออกปกคลุมไปทั่วทุกทิศ

“มานี่เสีย!” ราวกับเสียงโห่ร้องของเทพเจ้าโบราณ

รูปปั้นฝูซีได้ยื่นแขนออกแล้วเปลี่ยนท่วงท่าเป็นคว้าจับเบา ๆ ราวกับกำลังคร่ากุมโลกและจักรวาล นิ้วมือได้ฉีกท้องฟ้าเกิดเป็นรอยแยกสีดำอันมากมาย!

โอม!

จู่ ๆ ชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากในมือของเฉินซีก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ดูเหมือนจะไม่ยินยอมและต้องการดิ้นรนขัดขืน แต่สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์ จากนั้นมันก็หายไปในพริบตา

ภายในทะเลจิตสำนึกอันไร้ที่สิ้นสุดของเฉินซี

ทันใดนั้น ดวงแสงแวววาวหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ภายในดวงแสงนั้นคือวัตถุคล้ายกระดองเต่าขนาดเท่าฝ่ามือกำลังหมุนวนรอบรูปปั้นฝูซีอย่างต่อเนื่อง

“ข้ารู้สึกว่ามันกำลังเชื่อมโยงกับเศษเสี้ยวแก่นแท้แผนภาพวารีหลากภายในรูปปั้นฝูซี ซึ่งได้สำแดงพลังจนทำให้มันยอมสยบอย่างสมบูรณ์” เฉินซีถอนสายตาออกจากทะเลจิตสำนึก และถอนลมหายใจออกยาว

ฟู่ว!

ในทันทีที่จิตใจของเขาผ่อนคลาย ความเจ็บปวดสาหัสพลันแผ่กระจายไปทั่วมือขวาราวกับถูกแทงด้วยมีดนับหมื่นเล่ม ในตอนนี้เองเขาตระหนักได้ว่าทั้งมือขวาเหลือแต่เพียงกระดูกสีขาวที่น่าสยดสยองเท่านั้น

“ในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะร่างกายของข้าอยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้น จึงไม่อาจงอกแขนขาเหมือนกับขอบเขตตำหนักอินทนิล ข้าควรจะทำเช่นไรดี?” เมื่อเฉินซีนึกถึงน้องชายของเขาที่สูญเสียมือขวาไปในทำนองเดียวกัน หัวใจของเขาก็รู้สึกถูกบีบคั้น ชั่วขณะหนึ่ง ความรู้สึกต่าง ๆ ได้ผุดขึ้นในใจเขา

ฮึ่ม!

ทันใดนั้นความรู้สึกเย็นสบายและสดชื่นหลั่งไหลเข้าสู่ฝ่ามือขวาของเขา กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และผิวหนังฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับต้นไม้แห้งที่ถูกรดด้วยสายน้ำแห่งชีวิตจนฟื้นคืนสภาพเดิมด้วยความเร็วที่รับรู้ได้ด้วยตาเปล่า

ฉากมหัศจรรย์นี้เป็นผลงานของจี้อวี๋นั่นเอง ซึ่งขณะนี้เขากลายร่างกลับมาเป็นชายชราเหมือนเดิมแล้ว เพียงสะบัดแขนเสื้อก็สามารถรักษามือขวาของเฉินซีได้อย่างน่าอัศจรรย์

ทว่าชายหนุ่มก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นสีหน้าของจี้อวี๋

สีหน้าของชายชราซีดขาวราวกับกระดาษ แววตาคู่นั้นหม่นลงราวกับแสงเทียนที่ใกล้จะมอดดับ แม้แต่ร่างสูงโปร่งก็ดูพร่ามัว ราวกับว่าใกล้จะพังทลายและสลายหายไป

“เจ้าไม่ต้องกังวลไป ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพลังของข้าถูกใช้ไปหมดแล้ว” เสียงของจี้อวี๋แหบแห้งและแผ่วเบาเผยให้เห็นความอ่อนล้า

เฉินซีรู้สึกเจ็บปวดในใจ ถ้าไม่ใช่เพื่อเอาภูเขากำราบธาตุและชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากมาให้เขา จี้อวี๋จะกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร

ทว่าอีกฝ่ายกลับแย้มยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขาดูเหมือนดอกเบญจมาศที่เหี่ยวเฉา ในขณะที่เขากล่าวว่า “ข้าได้เก็บภูเขากำราบธาตุเข้าไปในที่เคหาแล้ว เมื่อเจ้าแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้ ข้าจะสอนวิธีทำพันธสัญญากับมันให้

ส่วนแผนภาพวารีหลาก ข้าคิดว่ามันได้หลอมรวมเข้ากับทะเลจิตสำนึกของเจ้าแล้ว แต่อย่าได้พยายามทำความเข้าใจมันในตอนนี้เพราะมันเป็นเพียงแค่เศษส่วนหนึ่งเท่านั้น การทำความเข้าใจต่อสิ่งที่ไม่สมบูรณ์รังแต่จะทำให้เจ้าได้ผลลัพธ์ที่ด้อยกว่า”

“ข้าจำได้ว่าแผนภาพวารีหลากที่สมบูรณ์แบบ มีขนาดเท่ากับพัดใบธูปฤาษี ข้าคิดว่ายังมีชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอีกแปดหรือเก้าชิ้นที่กระจัดกระจายอยู่ในที่อื่น เจ้าต้องรวบรวมพวกมันให้ครบ ตลอดหลายปีก่อน เจ้านายของข้าอาศัยมันเพื่อทำความเข้าใจวัฏจักรเต๋าของสวรรค์ และก้าวเดินไปสู่ปลายทางของมหาเต๋า ในท้ายที่สุด ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถเข้าใจในเต๋าที่เป็นของตัวเจ้าเองได้”

“นอกจากนี้ จงดูแลตัวเองดี ๆ ในอนาคต บุรุษต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้าและอดทนกับสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวคนเดียวได้จึงจะเรียกได้ว่าตนเองเป็นผู้บ่มเพาะที่แท้จริง อืม ข้ายืดเยื้อไปมากแล้ว เมื่อเจ้าผ่านบททดสอบสรวงสวรรค์ เรายังคงพบกันได้อีกครั้ง การกล่าววาจาพร่ำเพรื่อเช่นนี้ไม่จำเป็นเลย…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]