วิ้งงง!
ทันทีที่มือของเฉินซีคว้าจับวัตถุที่ส่องประกายแสง พลังลึกลับที่ผสมผสานระหว่างความร้อนที่แผดเผากับความเย็นอันเยือกแข็งได้เจาะเนื้อหนังของเขาอย่างรุนแรงราวกับคมมีดอันแหลมคมโดยไม่คำนึงถึงปราณแท้อันหนาแน่นที่ปกคลุมอยู่บนฝ่ามือและต้องการทำลายฝ่ามือของเขาเพื่อหลบหนีออกไป
“มันไม่เพิกเฉยม่านปราณแท้ของข้าโดยสมบูรณ์!” เฉินซีเจ็บปวดจนใบหน้าบิดเบี้ยว หากเขาไม่ได้บ่มเพาะเคล็ดวิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพและขัดเกลาร่างกายจนถึงขอบเขตก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบ การจู่โจมนี้คงทำให้ฝ่ามือของเขาทะลุเป็นรู
ในที่สุด เฉินซีก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าวัตถุที่ส่องประกายแสงแวววาวอยู่ในฝ่ามือนั้นมีรูปลักษณ์คล้ายกับเศษกระดองเต่าที่มีรูปลักษณ์ผิดแปลก
มันมีขนาดเท่าฝ่ามือ พื้นผิวหยาบกร้านและสีดำสนิท ด้านบนมีการสลักลวดลายซับซ้อน ซึ่งไม่เพียงแต่ไม่เป็นระเบียบเท่านั้น แต่กลับมีกลิ่นอายอันเก่าแก่และลึกซึ้ง
‘ลวดลายนี้ดูคล้ายภาพวาดมหาสมุทรที่ไร้ขอบเขตและท้องฟ้าที่ประดับประดาไปด้วยดวงดารา คล้ายกับตอนที่สวรรค์และโลกอันกว้างใหญ่ก่อตัวขึ้น สรวงสวรรค์และยมโลกปรากฏขึ้น’
‘ช่างกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด เพียงแค่ชำเลืองมองก็ราวกับจะถูกดูดจิตวิญญาณเข้าไป!’
‘สิ่งนี้คือชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลาก?’
เฉินซีตกตะลึงจนอธิบายไม่ถูก เมื่อครู่นี้ราวกับดวงวิญญาณของเขาจะหลุดลอยหนีไป ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวและตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
โอม!
ในขณะนี้เอง กระแสพลังอันรุนแรงไหลทะลักออกมาจากชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากเข้าสู่ฝ่ามือของเขาอีกครั้ง ราวกับหินหลอมเหลวจากใจกลางโลกและภูเขาน้ำแข็งที่เยือกเย็นหลอมรวมเข้าด้วยกัน ซึ่งแผดเผาผิวหนังและหนาวเย็นจนเสียดกระดูก
เกิดเสียงดังสนั่น มือของเฉินซีสะท้านจนเลือดทะลักออกมาจากมือขวาที่กำแน่น และเลือดได้สาดกระเซ็นขึ้นสู่อากาศ เผยให้เห็นกระดูกสีขาวที่น่าสยดสยองในมือของเขา
“อ๊าก!” ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้เฉินซีอดไม่ได้ที่จะโอดครวญ แต่เขายังคงกำชิ้นส่วนของแผ่นภาพวารีหลากจนแน่น แม้ว่าเนื้อหนังจะฉีกขาดหรือกระดูกจะแตกหักก็ตาม
เฉินซีไม่ทันได้สังเกตว่าหลังจากที่ชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากเปื้อนเลือดของเขา มันก็ยิ่งดิ้นรนมากขึ้น มันกระสับกระส่ายและกระวนกระวาย ราวกับสังเกตถึงพลังที่ทำให้มันรู้สึกหวาดกลัวกำลังคืบคลานใกล้เข้ามาอย่างเงียบ ๆ…
ฮึ่ม!
พลังที่ร้อนระอุและเย็นยะเยือกอีกสายหนึ่งได้ปะทุออกมาอีกครั้ง ในขณะที่ เฉินซีกัดฟันแน่นและตั้งใจจะใช้กำลังทั้งหมดในร่าง เพื่ออดทนต่อคลื่นแห่งความเจ็บปวดเช่นนี้
ทันใดนั้น รูปปั้นฝูซีซึ่งนั่งสมาธิอยู่ภายในทะเลจิตสำนึกของเฉินซีจู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้น ในชั่วพริบตานั้น ราวกับเป็นจุดเริ่มต้นของโลกบรรพกาลและเอกภพที่เพิ่งก่อตัวขึ้น มีสายฟ้าฟาดไปทั่วหล้า เหล่าดวงดาวโคจรอยู่ภายในดวงตา ฉากมากมายและแสงศักดิ์สิทธิ์แผ่กระจายออกปกคลุมไปทั่วทุกทิศ
“มานี่เสีย!” ราวกับเสียงโห่ร้องของเทพเจ้าโบราณ
รูปปั้นฝูซีได้ยื่นแขนออกแล้วเปลี่ยนท่วงท่าเป็นคว้าจับเบา ๆ ราวกับกำลังคร่ากุมโลกและจักรวาล นิ้วมือได้ฉีกท้องฟ้าเกิดเป็นรอยแยกสีดำอันมากมาย!
โอม!
จู่ ๆ ชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากในมือของเฉินซีก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ดูเหมือนจะไม่ยินยอมและต้องการดิ้นรนขัดขืน แต่สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์ จากนั้นมันก็หายไปในพริบตา
ภายในทะเลจิตสำนึกอันไร้ที่สิ้นสุดของเฉินซี
ทันใดนั้น ดวงแสงแวววาวหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ภายในดวงแสงนั้นคือวัตถุคล้ายกระดองเต่าขนาดเท่าฝ่ามือกำลังหมุนวนรอบรูปปั้นฝูซีอย่างต่อเนื่อง
“ข้ารู้สึกว่ามันกำลังเชื่อมโยงกับเศษเสี้ยวแก่นแท้แผนภาพวารีหลากภายในรูปปั้นฝูซี ซึ่งได้สำแดงพลังจนทำให้มันยอมสยบอย่างสมบูรณ์” เฉินซีถอนสายตาออกจากทะเลจิตสำนึก และถอนลมหายใจออกยาว
ฟู่ว!
ในทันทีที่จิตใจของเขาผ่อนคลาย ความเจ็บปวดสาหัสพลันแผ่กระจายไปทั่วมือขวาราวกับถูกแทงด้วยมีดนับหมื่นเล่ม ในตอนนี้เองเขาตระหนักได้ว่าทั้งมือขวาเหลือแต่เพียงกระดูกสีขาวที่น่าสยดสยองเท่านั้น
“ในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะร่างกายของข้าอยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้น จึงไม่อาจงอกแขนขาเหมือนกับขอบเขตตำหนักอินทนิล ข้าควรจะทำเช่นไรดี?” เมื่อเฉินซีนึกถึงน้องชายของเขาที่สูญเสียมือขวาไปในทำนองเดียวกัน หัวใจของเขาก็รู้สึกถูกบีบคั้น ชั่วขณะหนึ่ง ความรู้สึกต่าง ๆ ได้ผุดขึ้นในใจเขา
ฮึ่ม!
ทันใดนั้นความรู้สึกเย็นสบายและสดชื่นหลั่งไหลเข้าสู่ฝ่ามือขวาของเขา กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และผิวหนังฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับต้นไม้แห้งที่ถูกรดด้วยสายน้ำแห่งชีวิตจนฟื้นคืนสภาพเดิมด้วยความเร็วที่รับรู้ได้ด้วยตาเปล่า
ฉากมหัศจรรย์นี้เป็นผลงานของจี้อวี๋นั่นเอง ซึ่งขณะนี้เขากลายร่างกลับมาเป็นชายชราเหมือนเดิมแล้ว เพียงสะบัดแขนเสื้อก็สามารถรักษามือขวาของเฉินซีได้อย่างน่าอัศจรรย์
ทว่าชายหนุ่มก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นสีหน้าของจี้อวี๋
สีหน้าของชายชราซีดขาวราวกับกระดาษ แววตาคู่นั้นหม่นลงราวกับแสงเทียนที่ใกล้จะมอดดับ แม้แต่ร่างสูงโปร่งก็ดูพร่ามัว ราวกับว่าใกล้จะพังทลายและสลายหายไป
“เจ้าไม่ต้องกังวลไป ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพลังของข้าถูกใช้ไปหมดแล้ว” เสียงของจี้อวี๋แหบแห้งและแผ่วเบาเผยให้เห็นความอ่อนล้า
เฉินซีรู้สึกเจ็บปวดในใจ ถ้าไม่ใช่เพื่อเอาภูเขากำราบธาตุและชิ้นส่วนของแผนภาพวารีหลากมาให้เขา จี้อวี๋จะกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
ทว่าอีกฝ่ายกลับแย้มยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขาดูเหมือนดอกเบญจมาศที่เหี่ยวเฉา ในขณะที่เขากล่าวว่า “ข้าได้เก็บภูเขากำราบธาตุเข้าไปในที่เคหาแล้ว เมื่อเจ้าแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้ ข้าจะสอนวิธีทำพันธสัญญากับมันให้
ส่วนแผนภาพวารีหลาก ข้าคิดว่ามันได้หลอมรวมเข้ากับทะเลจิตสำนึกของเจ้าแล้ว แต่อย่าได้พยายามทำความเข้าใจมันในตอนนี้เพราะมันเป็นเพียงแค่เศษส่วนหนึ่งเท่านั้น การทำความเข้าใจต่อสิ่งที่ไม่สมบูรณ์รังแต่จะทำให้เจ้าได้ผลลัพธ์ที่ด้อยกว่า”
“ข้าจำได้ว่าแผนภาพวารีหลากที่สมบูรณ์แบบ มีขนาดเท่ากับพัดใบธูปฤาษี ข้าคิดว่ายังมีชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอีกแปดหรือเก้าชิ้นที่กระจัดกระจายอยู่ในที่อื่น เจ้าต้องรวบรวมพวกมันให้ครบ ตลอดหลายปีก่อน เจ้านายของข้าอาศัยมันเพื่อทำความเข้าใจวัฏจักรเต๋าของสวรรค์ และก้าวเดินไปสู่ปลายทางของมหาเต๋า ในท้ายที่สุด ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถเข้าใจในเต๋าที่เป็นของตัวเจ้าเองได้”
“นอกจากนี้ จงดูแลตัวเองดี ๆ ในอนาคต บุรุษต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้าและอดทนกับสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวคนเดียวได้จึงจะเรียกได้ว่าตนเองเป็นผู้บ่มเพาะที่แท้จริง อืม ข้ายืดเยื้อไปมากแล้ว เมื่อเจ้าผ่านบททดสอบสรวงสวรรค์ เรายังคงพบกันได้อีกครั้ง การกล่าววาจาพร่ำเพรื่อเช่นนี้ไม่จำเป็นเลย…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...
ไม่ลงต่อแล้วหรือครับ ผมยังรออยู่นะครับ...