บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 900

บทที่ 900 ทุบตี

บทที่ 900 ทุบตี

ใบหน้าของไป๋ทั่วบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวด เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ควบแน่นในรูปของอักขระยันต์ซึ่งเจาะเข้าไปในร่างกายอย่างรุนแรงเหมือนสว่าน และตัวเขาไม่สามารถกำจัดมันได้ในช่วงเวลาอันสั้นนี้ ทั้งที่ตัวเขามีการบ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีเท่านั้น!

ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดก็คือ ด้วยประสบการณ์ต่อสู้และสัญชาตญาณอันเฉียบแหลม ตัวเขาจะถูกลอบโจมตีจากด้านหน้าจริง ๆ

เหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ไป๋ทั่วโกรธจัด และแม้ว่าเฉินซีจะตกลงตามเงื่อนไขแล้ว เจ้าตัวก็ไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน!

“เจ้ากล้าดียังไงถึงลอบโจมตีข้า! ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!” ไป๋ทั่วคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะที่ปราณจ้าววิญญาณอมตะในร่างของเขาส่งเสียงดังก้อง จากนั้นหมัดของไป๋ทั่วก็ทุบลงไปที่เฉินซี โดยหมัดนี้ห่อหุ้มด้วยมหาเต๋าที่ล้ำลึกอย่างหนาแน่น มันหนักดุจขุนเขา ประดุจลำแสงที่ฉีกท้องฟ้าออกจากกัน ซึ่งหมายมั่นจะทำให้แดนดินแตกเป็นเสี่ยง ๆ

ทว่าเฉินซีมิได้หลบเลี่ยง เขาเพียงเอื้อมมือออกไปคว้าจับ ใช้วังวนพายุอัสนีซึ่งก่อตัวเป็นรูปร่างเข้าต้าน และสลายพลังหมัดนี้ไปสิ้น ก่อนจะเหวี่ยงแขนออกไปประหนึ่งมังกรสะบัดหาง ซัดไป๋ทั่วจนปลิวกระเด็น!

ตึง!

ความว่างเปล่าแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อร่างซึ่งใหญ่โตดุจเนินเขาของไป๋ทั่วถูกทุบครั้งแล้วครั้งเล่า จนพื้นดินเกิดเป็นหลุมรูปร่างมนุษย์ขนาดมหึมา ทำให้ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปในอากาศ

หากการโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวของเฉินซีก่อนหน้านี้ ไม่อาจกล่าวว่ามีเกียรติ เช่นนั้นแล้วการโจมตีปะทะซึ่งหน้านี่เล่า? และชายหนุ่มก็ยังคงสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย ราวกับทิ้งเศษขยะลงพื้น!

เสียงอุทานด้วยความประหลาดใจดังขึ้นจากสนามฝึก ดวงตาของบรรดาศิษย์ตระกูลไป๋เบิกกว้าง ในขณะที่พวกเขาจ้องมองด้วยความเหลือเชื่อ

…อาจารย์ไป๋ทั่วผู้น่าเกรงขามและร้ายกาจได้พ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว!

“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอันใดกัน!”

ริมฝีปากของไป๋กู้หนานกระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เพราะในตระกูลไป๋ …ไป๋ทั่วถือได้ว่าเป็นผู้มีฝีมือกล้าแกร่งในหมู่คนรุ่นเยาว์ เพราะคนผู้นี้มีร่างกายที่แข็งแกร่งยากหาใครเทียบ และเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีด้านการขัดเกลากายา แต่ตอนนี้เขากลับพ่ายแพ้ให้แก่เฉินซีในหนึ่งกระบวนท่า จึงทำให้ไป๋กู้หนานแทบไม่อาจยอมรับสิ่งนี้ได้!

แต่หลังจากนั้น ไป๋กู้หนานก็หัวเราะลั่นออกมา พลางจ้องมองอย่างดูถูกด้วยท่าทางที่หยิ่งยโสแล้วกล่าวว่า “ไป๋ทั่ว ข้าเคยบอกว่าเจ้ามันก็แค่วัวโง่ เป็นคนที่กล้าหาญแต่กลับโง่เขลา เจ้าสมควรถูกคนอื่นใช้งาน และในที่สุด เจ้าก็ได้ลิ้มรสความเจ็บปวดแล้วกระมัง?”

“ข้าไม่ยอมรับมัน! เข้ามาเลย!”

โครม!

พื้นดินแยกออกจากกัน แตกเป็นเสี่ยง ๆ ไป๋ทั่วได้ใช้เคล็ดวิชาร่างแปลงสวรรค์ ทำให้เขากลายร่างเป็นยักษ์สูงร้อยยี่สิบจั้งในบัดดล ตัวคนยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางใต้หล้า กล้ามเนื้อปูดโปนประหนึ่งเนินเขาลูกเล็ก ขณะแผ่ปราณจ้าววิญญาณอมตะสีดำที่รุนแรงออกมา ส่งผลให้เจ้าตัวดูเหมือนเทพอสูรที่มาจากตำนานผู้ครอบครองพลังมหาศาล!

ไป๋ทั่วคำรามอย่างเกรี้ยวกราด จนเกิดเป็นคลื่นกระแทกที่รุนแรงส่งผลให้ก้อนหินบนภูเขาแตกกระจุย ชั้นเมฆบนท้องฟ้ากระจายตัวจนเกิดเสียงดังก้อง สายลมและมวลเมฆในบริเวณโดยรอบสั่นไหว ยิ่งกว่านั้น เสียงของเขายังแฝงด้วยความพิโรธและจิตสังหารอันเข้มข้น

“ท่านอาจารย์ไป๋ทั่วโกรธสุดขีดแล้ว!” ดวงตาของเหล่าศิษย์ตระกูลไป๋ในสนามฝึกฉายแววกระสับกระส่าย เนื่องจากพวกเขาล้วนตระหนักดีว่า เมื่อใดที่ไป๋ทั่วโกรธถึงขีดสุด เขาก็จะเป็นเหมือนกระทิงดุที่หลุดพ้นจากพันธนาการ กลายเป็นคนเอาแต่ใจและน่ากลัวอย่างยิ่ง

แต่ในขณะนี้ เงามืดได้ปกคลุมท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว และห่อหุ้มร่างของทุกคนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเอาไว้ พวกเขาทั้งหมดต่างแหงนหน้าขึ้น ก่อนที่ดวงตาของทุกคนจะเกือบถลนออกมาด้วยความตกใจ

พวกเขาเห็นหมีตัวมหึมาที่มีความสูงเกือบสองลี้ได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน และทั่วทั้งร่างของมันก็อาบไล้ไปด้วยแสงสวรรค์สีทองที่ส่องสว่างไปทั่วทั้งแดนดิน เงาที่บดบังฟ้าดินมาจากหมีขนาดมหึมาตัวนี้นี่เอง

มันใหญ่โตมโหฬารเสียจนทำให้ไป๋ทั่วที่แปลงร่างเป็นยักษ์ที่มีความสูงร้อยยี่สิบจั้งดูจะกลายเป็นเด็กน้อยตัวจ้อย ถึงขนาดที่ว่าไป๋ทั่วสูงไม่ถึงหัวเข่าของหมีตัวนั้นเลยด้วยซ้ำ

“หมีตัวมหึมานี้คือสิ่งอันใดกัน?”

มันปกคลุมด้วยแสงสีทอง ซึ่งดูเหมือนกับสามารถบดบังท้องฟ้าเพียงแค่เหยียดอุ้งเท้าออกไป และขาของมันก็ยืนตระหง่านประหนึ่งเสาค้ำยันสวรรค์

แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ กลิ่นอายที่มันแผ่ออกมานั้นน่าสะพรึงกลัวมาก จนทำให้อากาศสั่นสะเทือนและเกิดเสียงคร่ำครวญ อีกทั้งยังบีบคั้นจนแม้แต่เหล่าศิษย์ในสนามฝึกก็แทบจะหายใจไม่ออก

“นี่มันอันใดกัน?” ความโกรธบนใบหน้าของไป๋ทั่วถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจ เขาจ้องมองไปยังหมีร่างมหึมาอย่างว่างเปล่าเหมือนคนเขลา คล้ายไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งตนจะต้องแหงนหน้ามองสัตว์ร้ายด้วยท่าทางเช่นนี้

หมีที่มีขนาดมหึมาตัวนี้ย่อมคืออาหมาน

แม้ว่าอาหมานจะดูไร้เดียงสาและมึนงงอยู่เสมอ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าอาหมานจะไม่รู้สึกโกรธ

ฉากที่ถูกจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซูกดขี่ก่อนหน้านี้ ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก เจ้าตัวทั้งขุ่นเคืองและโกรธเกรี้ยวเป็นที่สุด และที่สำคัญก็คือ เขารู้สึกว่าตนเองทำให้อาซิ่วผิดหวัง เพราะอาซิ่วให้อาหารเลิศรสมากมายแก่ตัวเขาอยู่เสมอ แต่เขากลับไม่สามารถช่วยอะไรนางได้…

นี่คือความรู้สึกของอาหมาน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขามีไฟโทสะอัดแน่นอยู่เต็มท้อง และไม่มีที่ระบาย

ดังนั้น เมื่อได้เห็นไป๋ทั่วยั่วยุเฉินซีซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันจึงไม่อาจระงับโทสะในใจได้อีกต่อไป และก้มมองไปยังมนุษย์ผู้โง่เขลาและบุ่มบ่ามตรงหน้าจากที่สูง ขณะที่ในใจกำลังคิดจะใช้ไป๋ทั่วเป็นที่ระบายโทสะ

“สั่นกลัวหรือ? เจ้ามนุษย์โง่!” อาหมานคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า จนบังเกิดเป็นคลื่นเสียงไร้รูปร่างที่ดังก้องไปทั่วบริเวณโดยรอบ กระทั่งสั่นคลอนเหล่าศิษย์ของตระกูลไป๋ที่อยู่ในสนามฝึกจนร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านด้วยความกลัว

น่าแปลกที่แม้จะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นในที่แห่งนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครในหุบเขาวีรบุรุษให้ความสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ และมันยังคงเงียบสงัดเหมือนเคย

ทุกคนในตระกูลไป๋รู้ถึงการมาของเฉินซีอย่างชัดเจน และรู้ว่ามันคือการทดสอบความแข็งแกร่งและไหวพริบของเฉินซี มิใช่การโจมตีจากศัตรูต่างพิภพ

ทันใดนั้น ไป๋ทั่วแทบจะคลั่งด้วยความเดือดดาลจากการถูกสัตว์ร้ายยั่วยุเช่นนี้ จากนั้นเจ้าตัวจึงคำรามลั่น ก่อนจะกระโจนพร้อมกับชกไปที่เข่าของอาหมาน…

สาเหตุที่เขาเลือกโจมตีไปยังหัวเข่าของอาหมาน เพราะด้วยความสูงที่ต่างกันเกินไป ตำแหน่งเข่าจึงนับเป็นจุดที่โจมตีได้ง่ายที่สุด จนเกิดเป็นฉากที่ดูพิลึกพิกลในขณะนี้ขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]