บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 934

บทที่ 934 รัศมีแห่งความชอบธรรม

บทที่ 934 รัศมีแห่งความชอบธรรม

บริเวณนอกเมืองหมอกสน

ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าสีม่วงเข้มและมีลักษณะท่าทางคล้ายปราชญ์ เดินเข้ามาโดยเอามือไพล่หลัง

ขณะที่ตาของเขากะพริบ ดูราวกับมีสายฟ้าพวยพุ่งอยู่ภายใน อีกทั้งยังแผ่กลิ่นอายอำนาจสูงสุดออกมาอย่างน่าเกรงขาม

พร้อมกับการมาถึงของเขา ท้องฟ้าเหนือเมืองหมอกสนพลันเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่กดดันอย่างมาก มันดูราวดวงอาทิตย์จะถูกกลืนหายไปและท้องฟ้าที่สดใสจะถูกปกคลุมไว้ด้วยเมฆหมอกหนาทึบ

วู้~ วู้~

สายลมเย็นเสียดแทงดุจใบมีดพัดผ่านฟ้าดิน และมันแฝงไปด้วยกลิ่นคาวโลหิต ซึ่งดูคล้ายกับวายุโลหิตในตำนานเป็นอย่างมาก

…สิ่งนี้ถือเป็นลางบอกเหตุของการเข่นฆ่าซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น

ทันใดนั้น ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์ร้าย ผู้บ่มเพาะ หรือปีศาจ ที่อยู่ทั่วทั้งเมืองหมอกสนต่างรู้สึกหนาวเยือก และความสะพรึงกลัวที่ไม่สามารถยับยั้งได้ก็เกาะกุมอยู่ในหัวใจของพวกเขา

ถนนที่จอแจและอึกทึก มายามนี้กลับกลายเป็นเงียบสนิทในพริบตา

ผู้คนต่างหยุดทุกสิ่งที่พวกเขากำลังอยู่ในขณะนี้ และพวกเขาก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยสัญชาตญาณ ทันใดนั้น สวรรค์และโลกก็ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันสีเลือดที่บีบคั้นพวกเขาทั้งหมดจนหายใจไม่ออก

แม้ว่าเมืองหมอกสนจะเป็นเมืองอันดับหนึ่งของดินแดนทางตอนใต้ แต่โดยพื้นฐานแล้วก็ยังเป็นเมืองขนาดเล็กในราชวงศ์เล็ก ๆ ที่อยู่ภายในโลกใบเล็ก ไม่ว่าจะเป็นชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในเมืองหรือผู้บ่มเพาะที่ผ่านทางมาที่นี่ พวกเขาจะเคยเห็นฉากที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?

หลังจากความเงียบอันแปลกประหลาดเข้าปกคลุม ความหวาดกลัวอย่างไร้ขอบเขตและความตื่นตระหนักพลันระเบิดออก

ภายใต้การกระตุ้นของกลิ่นอายที่กดดันและคุกคามถึงชีวิตในฟ้าดิน พวกเขาเริ่มกรีดร้องโหยหวนออกมา พลางวิ่งหนีโดยสัญชาตญาณ ทำให้ทั่วทั้งเมืองตกอยู่ในความยุ่งเหยิง

ถนนทุกสายเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังหลบหนี แต่หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าทุกคนในเมืองต่างพากันหลบหนีไปในทิศทางเดียวกันโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

ซึ่งปลายทางของทิศทางนั้นก็จวนของตระกูลเฉิน

พฤติกรรมโดยสัญชาตญาณนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าอำนาจและอิทธิพลของตระกูลเฉินได้ฝังรากลึกในหัวใจของชาวเมืองหมอกสน ซึ่งตระกูลเฉินในยามนี้ได้กลายเป็นทางเลือกเดียวในการหลบภัยของพวกเขา

ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าสีม่วงได้เดินเข้าไปในเมืองแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมอง เผยสายตาที่ราวกับสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งสวรรค์และโลก ทำให้เจ้าตัวสังเกตเห็นเหตุการณ์นี้ในทันที

“นึกไม่ถึงเลยว่าตระกูลเล็ก ๆ เช่นนี้จะมีกองกำลังและอิทธิพลที่ค่อนข้างสูง…” ชายวัยกลางคนมีท่าทางครุ่นคิด ความเร็วในเดินของเขาไม่รวดเร็วนัก แขนเสื้อสยายขณะเดินอย่างผ่อนคลาย เผยท่าทีอันสง่างาม

ฝูงชนจำนวนมากได้เคลื่อนตัวไปยังจวนตระกูลเฉิน และทุกที่ที่สายตามองเห็นก็จะเต็มไปด้วยผู้คนที่เบียดเสียดกันอย่างหนาแน่น

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์นี้ ตระกูลเฉินได้เปิดใช้ค่ายกลใหญ่ที่ปกป้องตระกูล ในขณะที่เหล่าศิษย์ของตระกูลเฉินซึ่งได้รับการบ่มเพาะมาอย่างดีเดินผ่านฝูงชนและคอยจัดแจงให้ทุกคนเข้ามายังค่ายกลใหญ่เพื่อหลบภัย พวกเขาทำอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำให้ไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้นเลย

ณ กลางอากาศ

เฉินฮ่าวจ้องมองไปยังระยะไกล และสีหน้าของเขาก็ค่อย ๆ หนักอึ้งขึ้น

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เมืองหมอกสนถูกล้อมรอบด้วยสนามพลังอันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัว อีกทั้งมันยังปกคลุมท้องฟ้า บดบังดวงอาทิตย์ จึงดูน่ากลัวอย่างยิ่ง

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมืองหมอกสนทั้งหมดในขณะนี้ดูจะมีกรงขังล้อมรอบอยู่ และเว้นแต่จะมีใครฆ่าเจ้าของกรง มิฉะนั้นก็ไม่มีทางหลบหนีออกไปได้

‘เป็นผู้ใดกัน?’ เฉินฮ่าวครุ่นคิดในใจ

“ณ ปัจจุบัน จักรพรรดิซ่งได้กุมอำนาจในแผ่นดินซ่งทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ามองตระกูลเฉินของข้าเป็นศัตรู เว้นแต่ว่าศัตรูในครั้งนี้จะไม่ได้มาจากแผ่นดินซ่ง!”

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เปลือกตาของเฉินฮ่าวพลันกระตุก “อาจเป็นตระกูลจั่วชิวหรือไม่?”

“คนผู้นี้มีพลังน่ากลัวยิ่งนัก และอย่างน้อยก็น่าจะอยู่ในขอบเขตเซียนปฐพี การจัดการกับศัตรูเช่นนี้คงจะยากพอดู แม้พี่ใหญ่เป่ยเหิงจะอยู่ที่นี่ก็ตาม” เฟยเหลิ่งชุ่ยยืนอยู่ข้าง ๆ เฉินฮ่าว นางขมวดคิ้วงามเข้าหากันแน่น ในขณะที่ความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม ข้าทำได้เพียงต่อสู้ในศึกนองเลือดจนถึงที่สุด เพื่อประโยชน์ของตระกูลเฉินเท่านั้น” เฉินฮ่าวสูดหายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “เหลิ่งชุ่ย เจ้าจงมุ่งหน้าไปยังเกาะกลางทะเลสาบทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น จากนั้นพาอวี่เอ๋อร์กับอันเอ๋อร์ไปพร้อมกับผู้อาวุโสจี้อวี๋!”

เฟยเหลิ่งชุ่ยตกตะลึง และเมื่อนางเห็นสีหน้าหนักแน่นของสามี กำปั้นของนางพลันกำแน่นโดยไม่รู้ตัว ก่อนฝืนยิ้มพร้อมกับกล่าวออกมาว่า “สถานการณ์น่าจะไม่ร้ายแรงนักกระมัง?”

เฉินฮ่าวอ้าปากเพื่อจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้น สายตาของเขาก็สังเกตเห็นชายวัยกลางคนในชุดนักพรตสีม่วง ซึ่งกำลังเดินไปตามท้องถนนที่รกร้างและว่างเปล่าโดยเอามือไพล่หลังไว้ผู้นั้น!

เพียงแค่มองจากระยะไกล ก็ทำให้เฉินฮ่าวรู้สึกเจ็บแปลบที่ดวงตา และหัวใจของเจ้าตัวก็จมดิ่งทันที เพราะคนผู้นี้มีพลังที่แข็งแกร่งยิ่ง และไม่มีทางที่เขาจะต่อกรได้!

“มอบบุตรชายของเฉินซีมาซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้าทุกคน มิฉะนั้น ทั้งเมืองนี้จะถูกฝังไปพร้อมกับพวกเจ้าทุกคน” ชายวัยกลางคนยืนอยู่ที่นั่น ในขณะที่มองไปยังจวนตระกูลเฉินจากระยะไกล และกล่าวอย่างเฉยเมยด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ แต่มันกลับเหมือนเสียงฟ้าผ่าที่สั่นสะเทือนทุกคนที่อยู่ที่นั่นจนแก้วหูของพวกเขาแทบแตก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]