บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 935

บทที่ 935 สมรภูมิหนึ่งชุ่น

บทที่ 935 สมรภูมิหนึ่งชุ่น

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ท่าทางของลู่เป๋ยอวี่ก็เผยให้เห็นร่องรอยของความจริงจังขึ้นมาทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ซึ่งดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง “หากเราเริ่มการต่อสู้ที่นี่ ไม่ใช่แค่เมืองนี้ แต่ทั้งอาณาจักรจะต้องถูกทำลายล้าง เจ้าจะทนต่อผลลัพธ์ที่ตามมาได้หรือไม่?”

ชิวเสวียนซูขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าทนไม่ได้ แต่ข้ารับประกันได้ว่าแม้แต่ถนนเส้นนี้ก็จะไม่ถูกทำลาย”

ขณะที่กล่าว ชิวเสวียนซูก็ยกไม้บรรทัดสีดำสนิทในมือขึ้น และฟาดไปที่ความว่างเปล่าตรงหน้าเขาเบา ๆ

โอม!

ทันใดนั้น ท้องฟ้าเริ่มหมุนวนในบริเวณที่พวกเขายืนอยู่ มันดูเหมือนกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก เหมือนระลอกคลื่นนับไม่ถ้วนได้ซัดเข้าหากัน ก่อนจะกลับคืนสู่ความสงบในพริบตา

ถนนยังคงเป็นถนนสายเดิม

เมืองก็ยังเป็นเมืองเดิม

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ดูจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่ในสายตาของลู่เป๋ยอวี่ บริเวณที่เขายืนอยู่ได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคยโดยสิ้นเชิง และดูเหมือนว่าจะมีมิติซ้อนทับกันอยู่นับไม่ถ้วน ทำให้ขนาดของมันไม่มีที่สิ้นสุด

“ไม้บรรทัดปราชญ์ไตรภพ!” ทันใดนั้น ดวงตาของลู่เป๋ยอวี่สว่างวาบดุจประกายสายฟ้า และในที่สุดสีหน้าของเขาก็กลายเป็นสะพรึงกลัวเล็กน้อย

ว่ากันว่าไม้บรรทัดปราชญ์ไตรภพถูกสร้างโดยปราชญ์ในยุคบรรพกาล มันมีความสามารถที่สั่นคลอนไปทั่วทั้งฟ้าดิน ซึ่งปราชญ์คนนั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสัตว์ร้ายตี้เจียง*[1] และมันสามารถควบคุมมหาเต๋าแห่งมิติได้ตั้งแต่กำเนิด

ไม้บรรทัดปราชญ์ไตรภพเป็นสมบัติอมตะที่ได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยกลิ่นอายแห่งความชอบธรรมที่ปราชญ์ครอบครองและขัดเกลาโดยใช้กฎแห่งปริภูมิ

เมื่อสมบัติอมตะเชิงปริภูมิดังกล่าวถูกใช้งาน พื้นที่อันไร้ขอบเขตจะทับซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ภายในหนึ่งฟางชุ่น*[2] และมันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไร้ขอบเขต จึงทำให้มันมีขนาดใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดหรือเล็กลงจนเหมือนเม็ดทราย ด้วยเหตุนี้ หากมีใครติดอยู่ในนั้นโดยไม่ตั้งใจ ก็อาจติดอยู่ในนั้นตลอดไปและพบว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีออกมา!

“ประมุขลู่ช่างรอบรู้อย่างแท้จริง ข้ารู้สึกชื่นชมยิ่งนัก” ชิวเสวียนซูยิ้มอย่างถ่อมตน

โครม!

ลู่เป๋ยอวี่ไม่ได้กล่าวอันใดออกมา เขาพุ่งตัวไปข้างหน้า ในขณะที่ฝ่ามือมีเงาสีแดงชาดลุกโชน และมันก็เหมือนกับสายน้ำสีแดงชาดที่ซัดลงมายังชิวเสวียนซู

เขาถูกชิวเสวียนซูยั่วยุจนบังเกิดความโกรธเกรี้ยวอย่างไร้ขอบเขต ประมุขนิกายที่องอาจผ่าเผยของหนึ่งในสิบนิกายเซียนที่ยิ่งใหญ่ นิกายวิถีกระแสสวรรค์กลับถูกผู้เยาว์คนหนึ่งปั่นหัวถึงขนาดนี้ …หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป โลกภายนอกจะคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?

การต่อสู้ได้ปะทุขึ้นแล้ว!

เมื่อเผชิญกับการโจมตีของลู่เป๋ยอวี่ ใบหน้าของชิวเสวียนซูยังคงสงบเสงี่ยม อ่อนน้อมถ่อมตนและสุขุม ในขณะที่การโจมตีของเขาก็เหมือนกับตัวเขา มันทั้งเที่ยงตรงและเหนือชั้น

ไม้บรรทัดฟาดลงมาโดยตรงดุจโซ่เหล็กที่พาดผ่านแม่น้ำ และสลายการโจมตีของลู่เป๋ยอวี่จนเกิดเสียงโครมคราม

ก่อนที่กระบวนท่าจะจบลง เขาพลันพลิกข้อมือขึ้น ทำให้ไม้บรรทัดเคลื่อนตัวดุจมังกรทะยานออกจากรัง ในขณะที่มันกวาดตรงไปยังใบหน้าของลู่เป๋ยอวี่

ปัง!

ไม้บรรทัดเปล่งประกายสีเขียวและหมอกมากมาย มันเป็นรัศมีแห่งความชอบธรรมที่ทรงพลัง สูงส่ง และกว้างใหญ่ไพศาล มันบดขยี้ท้องฟ้าไปตลอดทาง พร้อมกับปลดปล่อยความรู้สึกที่ไม่สั่นคลอนออกมา

เปลือกตาของลู่เป๋ยอวี่กระตุกวูบ “พลังต่อสู้ของเจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ?”

เขาตะโกนเสียงดัง พร้อมกับตวัดฝ่ามือตะครุบภูเขา จากนั้นมันก็ควบแน่นเป็นผนึกที่ขดด้วยประกายสายฟ้าสีแดงชาด เผยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างที่น่าเกรงขาม ซึ่งซัดสาดลงมาโดยหมายมั่นที่จะระเบิดไม้บรรทัด

เพียะ!

แต่เขากลับต้องประหลาดใจ เพราะไม้บรรทัดเคลื่อนผ่านฝ่ามือของตัวเขาได้อย่างง่ายดายราวกับว่ามันเคลื่อนย้ายมิติได้ และฟาดไปยังหลังมือของเขาอย่างแรง มันให้ความรู้สึกเหมือนถูกก้อนเหล็กร้อนกระแทกมือ ทำให้ทั้งมือพองบวม ขณะที่ความเจ็บปวดจากความร้อนก็เจาะเข้าไปในหัวใจจนแผ่กระจายไปทั่วทั้งแขน

หากหลบไม่ทัน การโจมตีครั้งนี้ก็เกือบจะทำให้มือของเขาพิการ!

“การซ้อนทับของห้วงมิติถูกหลอมรวมในการโจมตีครั้งนี้! ความสำเร็จในมหาเต๋าแห่งมิติของเจ้าเด็กนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ…” ใบหน้าของลู่เป๋ยอวี่มืดมนลง และเขาไม่อาจใส่ใจกับความเจ็บปวดที่กำลังแผ่ซ่านได้อีกต่อไป จึงชักกระบี่สีครามออกมา ซึ่งชั่วพริบตาที่มันปรากฏตัว ก็ดูจะมีมหาสมุทรและคลื่นยักษ์ถาโถมออกมามหาศาล และลู่เป๋ยอวี่ไม่ได้ใช้ร่างกายต่อสู้อีกต่อไป

นี่คือสมบัติที่ทำให้ชื่อเสียงของเขาเลื่องลือ ‘กระบี่จรัสแสงดวงจิตมหาสมุทร!’

กระบี่อมตะเล่มนี้ถูกหลอมขึ้นมาจากโลหะดวงจิตมหาสมุทรโบราณ ซึ่งรวบรวมมาจากมหาสมุทรแอ่งหยก และมันถูกหลอมรวมเข้ากับสมบัติของฟ้าดิน ‘แสงเทวะวิหคหยินอมตะ’ มันมีอำนาจในการเข่นฆ่า มิติ ภาพลวงตา และการโจมตีที่ชั่วร้าย

“ช่างเป็นกระบี่ที่ยอดเยี่ยมเสียจริง! ข้าจะดูแลมันอย่างดีหลังจากที่ท่านประมุขได้สิ้นอายุขัย เพื่อไม่ให้มันถูกฝุ่นผงในโลกเกาะ และทำให้สมบัติที่สวรรค์ประทานมาให้เสียของไปเปล่า ๆ” ดวงตาของชิวเสวียนซูเป็นประกาย ขณะที่เขาชื่นชม

ใบหน้าของลู่เป๋ยอวี่กระตุกอย่างรุนแรง ก่อนที่เขาจะกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำและเย็นยะเยือกว่า “เจ้าช่างเป็นคนหน้าซื่อใจคดที่กล่าวถึงเรื่องเลวทรามต่ำช้าอย่างการฆ่าคนชิงสมบัติได้อย่างสุภาพนัก …เจ้าสมควรตายอย่างแท้จริง!”

ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็ฟันปราณกระบี่ที่ล้ำลึกออกมา คลื่นรุนแรงนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา มันเปี่ยมล้นด้วยประกายกระบี่ที่ละเอียดดุจขนวัว และแฝงไปด้วยแรงผลักดันที่น่ากลัว เมื่อกวาดไปทางชิวเสวียนซู

โครม!

ปราณกระบี่เป็นเหมือนกระแสน้ำ ทุกที่ที่มันผ่านไป ท้องฟ้าจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ในขณะที่เสียงกึกก้องของมหาเต๋าดังขึ้น และจิตสังหารแผ่ปกคลุมทั่วทั้งฟ้าดิน!

…หากนี่คือโลกภายนอก การโจมตีครั้งนี้ก็เพียงพอจะบดขยี้เมืองหมอนสนให้ราบนับสิบครั้งแล้ว

“ห้วงมิติไหลเวียนอย่างไร้ขอบเขต ดาราเคลื่อนคล้อยไม่มีสิ้นสุด!” ชิวเสวียนซูฟาดด้วยไม้บรรทัดของเขา ประหนึ่งชายหนุ่มกำลังตัดผ่านหยินหยาง จากนั้นปราณกระบี่อันพลุ่งพล่านก็เป็นดุจมังกรน้ำที่ถูกจูงจมูก มันหันกลับมาและส่งเสียงคำรามไปทางลู่เป๋ยอวี่

โครม!

ดวงตาของลู่เป๋ยอวี่จดจ่อ ในขณะที่เขาทำลายการโจมตีนี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หยิบยืมพลังของคู่ต่อเป็นของตนเอง? ดูเหมือนว่าความสำเร็จในมหาเต๋าแห่งมิติของเจ้าจะบรรลุความสมบูรณ์แบบแล้ว!”

“ประมุขลู่ กรุณาเกินไปแล้ว” ชิวเสวียนซูยิ้มอย่างถ่อมตน จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “ต่อไปเป็นตาข้าโต้กลับบ้าง!”

ขณะกล่าว เจ้าตัวก็หายวับไปในทันที

ในเวลาเดียวกัน บริเวณโดยรอบทั้งหมดพลันถาโถมเข้ามาด้วยบทกวีแผ่นแล้วแผ่นเล่า ซึ่งทุก ๆ คำถูกเขียนอย่างสละสลวย และเปล่งความชอบธรรมอันไร้ขอบเขตออกมา

“ท้องฟ้ามืดมิด แผ่นดินเป็นสีเหลือง และจักรวาลอยู่ในสภาวะโกลาหล พระอาทิตย์ขึ้นตรงแต่กลับเอนเอียง พระจันทร์กลมมนแต่ไร้แสง ดวงดาวปกคลุมทั่วท้องฟ้าอันไร้ขอบเขต…”

“มหาเต๋าแห่งฟ้าดินก็เสมือนกับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลทั้งสี่และการเคลื่อนคล้อยของดวงดารา ซึ่งล้ำลึกไม่อาจหยั่งถึง ในขณะที่เราต่างแสวงหาความจริง…”

“กว้างใหญ่และน่าประทับใจดุจความรู้สูงสุดของปราชญ์ ซึ่งเปิดหัวใจของโลกและสร้างสันติภาพ…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]