บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 937

บทที่ 937 พระจันทร์สีเลือด

บทที่ 937 พระจันทร์สีเลือด

นี่เป็นช่องเขาที่แห้งแล้งยิ่ง

เห็นได้ชัดว่ามันเพิ่งจะมีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้นที่นี่ หินถล่ม พื้นดินแยกออกจากกัน และมีซากศพจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วพื้น ทำให้พื้นที่แห่งนี้ย้อมไปด้วยเลือด

ในตอนนี้ ผู้คุ้มกันชุดดำกว่าสิบคนได้ล้อมรอบคุ้มกันสตรีผู้หนึ่ง

เด็กสาวผู้นี้อายุประมาณสิบเอ็ดหรือสิบสองปี นางมีรูปร่างหน้าตาที่ใสซื่อและดูอ่อนเยาว์ เสื้อผ้าค่อนข้างงดงาม กิริยาท่าทางสง่างามแฝงกลิ่นอายของความเป็นผู้ดี เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาตั้งแต่มองแวบแรก

ในทางกลับกัน ผู้คุ้มกันทุกคนที่อยู่ข้าง ๆ นางได้เผยท่าทีจริงจัง เชี่ยวชาญ และมากประสบการณ์ ดูแล้วไม่ได้อ่อนแออย่างแน่นอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คุ้มกันที่เป็นหัวหน้า เขามีรูปร่างผอมบาง ใบหน้าเย็นชาเคร่งขรึม ร่างกายเต็มไปด้วยจิตสังหาร ขณะที่ดาบซึ่งถืออยู่ในมือยังคงมีเลือดไหลหยดอยู่

นอกจากนี้ มีรถม้าสีดำคันหนึ่งจอดห่างออกไปจากช่องเขา มันถูกลากโดยเสือดำที่ดูน่าเกรงขามยิ่ง

“ถูฟาง พาคนไปเก็บกวาด อย่าได้เหลือทิ้งร่องรอยไว้”

ผู้คุ้มกันร่างผอมออกคำสั่ง ก่อนที่เขาจะหันกลับมาและพูดกับเด็กสาว “คุณหนู ท่านไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกไป เราอยู่ไม่ไกลจากเมืองผาทมิฬแล้ว ตราบใดที่เราไปถึงที่นั่น เราก็จะปลอดภัยอย่างแน่นอน”

เด็กสาวพยักหน้าและพูดเสียงเบาว่า “รบกวนท่านอากู่เทียนแล้ว”

“ไม่ใช่ปัญหา มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว” กู่เทียนส่ายหัวด้วยท่าทางเย็นชาและเข้มงวด เมื่อพูดถึงตรงนี้ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง และดวงตาของเจ้าตัวพลันหรี่ลงในขณะที่ตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ใครกัน? ออกมาซะ!”

เคร้ง!

เมื่อพูดจบ เขาก็ดึงกระบี่ของตนออกมา ปราณกระบี่สั่นไหวและไหลวนเป็นแสงเย็นเยียบ ในขณะที่ชี้ปลายคมของมันออกไปในระยะไกล

ผู้คุ้มกันที่อยู่ทางด้านข้างของเด็กสาวดูราวกับว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจในทันที และพากันดึงอาวุธของตนเองออกมาทีละคน

เฉินซีเดินออกมาจากด้านหลังก้อนหินตรงจุดที่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนักด้วยสีหน้าตรงไปตรงมา เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะปกปิดร่องรอยของตนเองตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นการแอบดูต่อไปมีแต่จะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดได้ง่ายขึ้น

“สหาย ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย” เฉินซีก้าวเข้ามาช้า ๆ และหยุดห่างจากพวกเขาประมาณพันจั้ง เพราะชายหนุ่มรู้ว่าหากตนเองเข้าไปใกล้กว่านี้ มันจะกระตุ้นความหวาดระแวดและทำให้อีกฝ่ายโต้กลับอย่างแน่นอน

จากการสังเกตเขาพบว่า คนกลุ่มนี้ดูเหมือนจะกำลังถูกตามล่า พวกเขาทุกคนล้วนเต็มไปด้วยจิตสังหารที่หนาแน่นและระวังตัวกันอย่างมาก

ถึงเขาจะไม่มีเจตนาร้าย แต่หากถูกอีกฝ่ายข้าใจผิดในทางใดทางหนึ่ง พวกเขาก็อาจจะเข้าสู่การต่อสู้ในทันที และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เฉินซีต้องการให้เกิดขึ้น

เมื่อผู้คุ้มกันเห็นว่า อีกฝ่ายเป็นเพียงชายหนุ่มรูปงาม ท่าทางของพวกเขาก็ผ่อนคลายลง และมีเพียงกู่เทียนที่เป็นผู้นำเท่านั้นที่ยังคงมีสีหน้าเข้มงวด ขณะที่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “สหาย ที่นี่ไม่ได้ต้อนรับเจ้า โปรดรีบจากไปเสีย!”

เฉินซีชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า “ย่อมได้ ทว่า…”

“ทว่าอะไร?” กู่เทียนขมวดคิ้วขณะที่กล่าวขัดจังหวะเฉินซี และท่าทางของเจ้าตัวเต็มไปด้วยความระมัดระวัง

ผู้คุ้มกันทั้งหมดงุนงงเล็กน้อย เพราะพวกเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า กลิ่นอายที่อยู่รอบ ๆ ตัวของเฉินซีนั้นเป็นเพียงระดับขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง และด้วยระดับเท่านี้ เพียงคนใดคนหนึ่งในพวกเขาก็สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายแล้ว

แต่ท่าทางของหัวหน้ากู่เทียนดูราวกับเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ ซึ่งดูค่อนข้างผิดปกติ

“ก่อนจะจากไป ข้าขอแผนที่สักหน่อยได้หรือไม่ ข้าสามารถแลกเปลี่ยนมันกับสิ่งอื่นได้” เฉินซีพูดอย่างจริงจังด้วยสีหน้าที่ยังคงอ่อนโยน

‘แผนที่?’ ทุกคนตกตะลึงและหนึ่งในนั้นอดไม่ได้ที่จะถาม “นี่ เจ้าคงไม่ได้หลงทางอยู่หรอกใช่หรือไม่?”

เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และรู้สึกว่าการหลงทางไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่แย่ ดังนั้นเขาจึงแสดงท่าทางเขินอายในขณะที่พูดว่า “หากว่ากันตามตรง …ข้าก็หลงทางจริง ๆ”

จู่ ๆ ทุกคนก็รู้สึกขบขันขึ้นมา เขาอายุตั้งเท่าไรแล้ว ยังหลงทางอยู่อีกหรือ? ชายผู้นี้ช่างแปลกคนจริง ๆ

บรรยากาศผ่อนคลายขึ้นโดยไม่รู้ตัว

กู่เทียนรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศได้อย่างดี และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ในขณะที่ความระแวดระวังในดวงตาของเขาเพิ่มขึ้นแทนที่จะลดลง กู่เทียนจับจ้องเฉินซีอย่างแน่วแน่ราวกับกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามที่ยุ่งยาก

“อากู่เทียน เขาน่าสงสารมากที่ต้องหลงทางอยู่คนเดียวในดินแดนอ่างโลหิต ทำไมเราไม่พาเขาไปด้วยล่ะเจ้าคะ” เด็กสาวพูดเสียงเบา

“คุณหนู เขา…” กู่เทียนกำลังจะปฏิเสธ แต่เขาอดไม่ได้ที่จะอ่อนข้อลง เมื่อพบกับสายตาที่คาดหวังของเด็กสาว ดังนั้นจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าในที่สุด “ก็ได้”

เด็กสาวยิ้มอย่างมีความสุข และพูดกับเฉินซีซึ่งอยู่ไกลออกไปว่า “พี่ใหญ่ ไปกับพวกเราเถิด ที่นี่คือดินแดนอ่างโลหิต ดังนั้นมันย่อมไม่มีแผนที่ใดที่สามารถนำทางได้อยู่แล้ว”

ความประทับใจของเฉินซีที่มีต่อเด็กสาวดีขึ้นในทันที และเขายิ้มขณะที่ป้องมือ “ขอบคุณ คุณหนู”

เด็กสาวยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในรถม้าสีดำ และหายไปจากสายตา

“สหาย ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ตราบใดที่เจ้ากล้าคิดร้ายต่อคุณหนูของตระกูลข้า ก็อย่าได้ตำหนิข้าที่ไร้ความปรานี!” ดวงตาของกู่เทียนคมดุจใบมีดกวาดมองไปที่เฉินซีอย่างเย็นชา น้ำเสียงหนักแน่นของเขาให้ความรู้สึกถึงคำเตือนที่รุนแรง

“ข้าจะจำมันไว้” เฉินซีพยักหน้า และเขาก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญใจกับเรื่องนี้

คิ้วของกู่เทียนขมวดแน่นยิ่งขึ้น เมื่อเขาเห็นเฉินซีไม่ไหวติง ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงทุ้ม “ดูเหมือนว่าข้าจะไม่สามารถขับไล่เจ้าไปได้ …ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็มีบางอย่างที่ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเตือนเจ้าเอาไว้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]