บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 938

บทที่ 938 เก้าวิญญาณแบกโลง

บทที่ 938 เก้าวิญญาณแบกโลง

จันทราสีเลือดลอยเด่นอยู่บนนภา แสงจันทร์สีโลหิตสาดส่องเหมือนคลื่นน้ำ เกิดเป็นบรรยากาศน่าหวาดผวาปกคลุมไปทั่วทั้งสวรรค์และโลก

ภายในชั่วพริบตาเดียว ทั่วทุกพื้นที่ล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความทุกข์ระทม เดือดร้อนใจ และกดดัน ทำให้ใจสะท้านเป็นระลอก

สีหน้าของกู่เทียนและผู้คุ้มกันคนอื่นดูหนักอึ้ง พวกเขาถือสมบัติไว้ และเข้าปกป้องชุยชิงหนิงไว้ตรงกลาง กลั้นใจตั้งสมาธิเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูมือฉกาจอย่างไรอย่างนั้น

ไม่มีใครส่งเสียงใด ทุกการเคลื่อนไหวเงียบสนิท เห็นได้ชัดว่าเคยผ่านอะไรเช่นนี้ในการเดินทางมานับไม่ถ้วน ดูท่าจะมีประสบการณ์อยู่พอสมควร

เมื่อเห็นดังนั้นเฉินซีจึงย่นปากและเงียบต่อไป ระแวดระวังภัยเช่นเดียวกัน

ถึงพลังบ่มเพาะของเขาจะยังไม่ฟื้นกลับมา แต่จิตวิญญาณของเขายังอยู่ ดังนั้นญาณเทวะอมตะอันเฉียบคมจึงสามารถสัมผัสได้ทันทีที่จันทราสีเลือดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ายามราตรี …มันเป็นกลิ่นชั่วร้ายอันน่าเกลียดชัง ตามมาด้วยปราณยมโลกที่กระจายฟุ้งไปในอากาศอย่างรุนแรง

พลังที่บีบคั้นจิตวิญญาณของพวกเขาสายนี้…มาจากจันทราสีเลือดนั่น!

‘ช่างเป็นกลิ่นอายแห่งความเกลียดชังและน่าหวาดกลัวที่หนาแน่นยิ่งนัก เหตุใดจันทราสีเลือดนี้ปรากฏขึ้นแล้วจึงส่งกลิ่นอายน่าผวาเช่นนี้ออกมาได้ทันที? ราวกับประตูนรกถูกเปิดออก…’ เฉินซีขมวดคิ้ว ขณะสงสัยอยู่ในใจ

ตอนนี้เขาอยู่ในป่าทึบ แต่กลับสามารถมองผ่านแมกไม้ชั้นแล้วชั้นเล่า และสัมผัสแสงจันทร์จากจันทราสีเลือดที่ส่องผ่านฟ้ามืดลงมาปกคลุมแดนดินได้ ราวกับม่านสีโลหิตได้โอบล้อมรอบทิศ …ดูงดงามและน่าหวาดกลัวไปพร้อมกัน!

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

ยิ่งเข้าสู่ช่วงดึก จันทราสีเลือดก็ยิ่งสว่างขึ้น ทันใดนั้นเงาร่างเก้าสายพลันปรากฏขึ้นใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน ทุกคนใส่ชุดคลุมสีแดงดั่งโลหิต ใบหน้าเย็นชาเผยให้เห็นโทนสีเขียวจาง ดวงตาและปากเป็นสีแดงเลือด

เมื่อได้เห็นเงาร่างทั้งเก้าแล้ว เฉินซีก็นึกออกอยู่เพียงคำเดียว…วิญญาณ!

อีกทั้งยังไม่ใช่วิญญาณธรรมดา แต่เป็นวิญญาณอาฆาตอีกต่างหาก!

พวกมันมีกลิ่นอายแปลกประหลาด ขุ่นมัว ไร้ซึ่งพลังชีวิต ทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยปราณวิญญาณชั่วร้ายอันน่าสยดสยอง

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือทั้งเก้าเงาร่างนั้นกำลังยกโลงศพสีดำสนิทซึ่งมีความยาวราวยี่สิบเจ็ดจั้งอยู่ มันเต็มไปด้วยลวดลายที่เข้าใจยาก แต่ก็ดูหรูหรางดงาม เผยกลิ่นอายความสูงส่งออกมา

จันทราสีเลือดอันงามตา!

เก้าวิญญาณแบกโลง!

เมื่อได้เห็นภาพนี้ท่ามกลางความเงียบสงัดในค่ำคืนมืดสนิท มันก็ทำให้เฉินซีสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจนไม่กล้าเสียสมาธิ

เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าโลงศพสีดำอันเยือกเย็น ปกคลุมไปด้วยปราณอันน่าหวาดกลัวของตัวตนที่บางทีอาจสูงล้ำยิ่งกว่าขอบเขตเซียนปฐพี มันทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความลึกลับ เยือกเย็น และชั่วร้ายอย่างยากจะอธิบาย

ตึ้ง!

เสียงกระแทกดังก้อง

โลงศพเปิดฝาโลงออกมาเอง ก่อนที่มือเรียวยาวสีขาวคู่หนึ่งจะยื่นออกมา นิ้วมือทั้งหมดแนบชิดติดกัน ผสานกันจนเกิดเป็นผนึกรูปร่างประหลาด

ฟึ่บ!

เมื่อสร้างผนึกนั่นขึ้นมาแล้ว จันทราสีเลือดพลันเปล่งแสงจ้ายิ่งขึ้นจนเกิดเป็นระลอก เป็นเหมือนน้ำตกไหลรินจากฟ้าลงมาสู่โลงศพ

เห็นได้ชัดว่าตัวตนภายในโลงใช้วิชาลับบางอย่างเพื่อดูดกลืนพลังจากจันทราสีเลือด

“ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า ‘วิญญาณร้ายกลืนจันทร์’ ดูท่ากฎระเบียบในยมโลกคงตกอยู่ในความโกลาหล ส่วนต้นเหตุก็คงมาจากธารโลหิตยมโลก หรือไม่ก็วิถีนรกกับวิถีวิญญาณจากหกวิถีสังสารวัฏ หรือถ้าอย่างนั้นก็เป็นการเปลี่ยนแปลงกะทันหันในเมืองผู้หลงผิด…” หม้อใบจิ๋วเอ่ยผ่านกระแสปราณ

เฉินซีตกตะลึงทันที กฎเกณฑ์ของยมโลกกำลังตกอยู่ในความโกลาหลหรือ? หรือนี่จะเป็นตัวชี้ให้เห็นถึงกลียุคของสามภพเช่นเดียวกัน? ดูท่าจะไม่ใช่เพียงภพมนุษย์เสียแล้ว แต่สถานการณ์ในยมโลกเองก็กำลังตกอยู่ในความวุ่นวายเช่นกัน!

“แต่นับเป็นโอกาสของเจ้านะ” หม้อใบจิ๋วว่า “ยามเจ้าฟื้นคืนความแข็งแกร่งกลับมาเมื่อไร เจ้าย่อมสามารถสังหารวิญญาณเหล่านี้และเติมพลังให้กับระเบียนแดนมรณะได้”

เฉินซีอึ้งไป จากนั้นเขาก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์ความคิด

ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าจันทราสีเลือดเต็มไปด้วยปราณยมโลกอันรุนแรง แต่มันสกปรกแล้วก็มีกลิ่นอายที่ทั้งชั่วร้าย ดุร้าย และความเกลียดชังเป็นอย่างมาก ทำให้ไม่ควรดูดกลืนพลังนั้นเข้าไปได้

แต่ก็ดูไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเหล่าวิญญาณเลย พวกมันดูดกลืนพลังจากจันทราสีเลือดได้ด้วยวิธีที่ดีที่สุด ด้วยเหตุนี้ หากเขาสามารถสังหารวิญญาณเหล่านี้และชิงพลังภายในร่างของพวกมันมาได้ …เขาก็อาจจะซ่อมแซมระเบียนแดนมรณะได้!

เมื่อได้รับคำยืนยันจากหม้อใบจิ๋วในตอนนี้ เฉินซีจึงรู้สึกมั่นใจในความคิดของตนเอง

“แน่สิ! หากเจ้ามีพลังของจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สาม เช่นนั้นเจ้าก็สามารถพุ่งขึ้นสู่ท้องนภาแล้วดูดซับปราณยมโลกทั้งหมดในดวงจันทร์นั่นได้ เช่นนั้นทุกสิ่งมีชีวิตในยมโลกคงได้รู้สึกซาบซึ้งต่อเจ้ามาก” หม้อใบจิ๋วทำทีเป็นพูดตลกซึ่งหาได้ยาก

เฉินซีชะงักไป เขาเงียบไปครู่หนึ่งก็ถามขึ้นว่า “หากข้ามีโอกาสจะลองดู”

ช่วงเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]