บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 953

บทที่ 953 มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลก

บทที่ 953 มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลก

ตั้งแต่เฉินซีได้เริ่มบ่มเพาะมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ เขามักจะสงสัยอยู่เสมอว่า มีคนเย่อหยิ่งจองหอง ยโสโอหัง และเจ้าบงการมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร?

ต่อมา ในที่สุดชายหนุ่มก็ค้นพบว่ามีความแตกต่างระหว่างผู้สูงศักดิ์และผู้ต่ำต้อยในโลกนี้ นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่ว่าผู้คนถูกแบ่งออกเป็นระดับความสำคัญต่าง ๆ และระบบลำดับชั้นที่เข้มงวดจนไม่สามารถเอาชนะได้ สิ่งเหล่านี้จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย

เช่นเดียวกับตอนนี้ ทั้งสามกลุ่มต่างรู้สึกว่าพวกเขามีพลังที่แข็งกล้าและภูมิหลังที่น่าเกรงขาม ดังนั้นพวกเขาจึงไร้ความกลัวโดยธรรมชาติ เมื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่อยู่เพียงลำพัง

นี่เป็นความล้มเหลวทั่วไปของคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าและมีอำนาจ ซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

แต่เมื่อเป็นตัวเขาเองที่ได้รับการปฏิบัติอันไม่เป็นธรรม เฉินซีมีหรือจะยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป?

ไม่ต้องกล่าวถึงว่าคนพวกนี้ไม่ได้แค่ต้องการปล้น ทว่าพวกเขายังตั้งใจจะฆ่าคนปิดปากอีกด้วย …สิ่งนี้ยิ่งทำให้ชายหนุ่มโกรธมาก

ปัง!

กลุ่มแรกที่พุ่งเข้าโจมตีนั้นน่าเกรงขามอย่างยิ่ง พวกเขาทั้งหมดล้วนมีการบ่มเพาะที่ขอบเขตเซียนปฐพีระดับสี่ และทุกคนต่างควักสมบัติล้ำค่าออกมา พร้อมกับบุกโจมตีด้วยท่าทางที่ก้าวร้าว หมายมั่นตั้งใจที่จะสังหารเฉินซีได้คราวเดียว

เพียงชั่วพริบตา แสงสมบัติมากมายได้สาดส่องปกคลุมไปทั่วทั้งแดนดิน ขณะที่เสียงของเต๋าดังก้องกังวานไปทั่วทุกทิศทาง ยิ่งกว่านั้น คลื่นพลังผันผวนอันน่าสะพรึงกลัว เสมือนกับม่านแห่งการทำลายล้างที่ปกคลุมท้องฟ้าถาโถมเข้าใส่เฉินซี!

ชายหนุ่มได้เห็นท่าทางที่ดุร้าย ละโมบ ตื่นเต้น และโหดเหี้ยมของอีกฝ่าย ราวกับว่าพวกเขาเห็นเฉินซีเป็นอาหารรสเลิศบนจาน และต้องการคร่าชีวิตเขาในครั้งเดียว…

สีหน้าของเฉินซีในเวลานี้ได้กลายเป็นน้ำแข็งเยียบเย็นไปแล้ว เขาไม่ลังเลอีกต่อไป ก่อนจะระเบิดแสงเจิดจรัสออกมานับไม่ถ้วน พร้อมกับท่วงทำนองเต๋าที่ดังก้องกังวาน ในขณะที่ปราณกระบี่ซึ่งหนาและใหญ่จนไม่มีใครเทียบได้ จะถูกฟันออกมาจากยันต์ศัสตรา ส่งอานุภาพอันยิ่งใหญ่กวาดไปทั่วทั้งนภา!

เฉินซีเดือดดาลสุดขีดแล้ว ดังนั้นเขาจึงทุ่มพลังออกไปทั้งหมดทันทีที่ลงมือ!

ตู้ม!

ไม่ว่าการโจมตีใดหรือสมบัติวิเศษที่ซัดสาดจนปกคลุมทั้งฟ้าดิน พวกมันต่างถูกฟันจนแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ซึ่งแม้แต่ท้องฟ้าก็ยังมีรอยแยกสีดำสนิทที่ทั้งแคบและยาวปรากฏขึ้น

ฟู่ว~ ฟู่ว~ ฟู่ว~

รอยแยกขยายตัวออกไปราวกับหลุมดำ และพัดโหมกระหน่ำราวพายุอยู่ชั่วขณะ ซึ่งผู้บ่มเพาะหลายคนที่ไม่ทันระวังสิ่งนี้ ได้ถูกหลุมดำดังกล่าวกลืนกินโดยตรง ทำให้พวกเขาส่งเสียงร้องโหยหวนอันน่าสยดสยองขณะที่ชีวิตของพวกเขาจบสิ้นลง

“สวรรค์! นี่มันคืออันใดกัน?” ทุกคนตกตะลึงและรู้สึกหนังศีรษะด้านชา

โครม!

ปราณกระบี่ที่เฉิดฉายซึ่งเฉินซีได้ตวัดฟันออกไปนั้นไม่ได้หายไปไหน หลังจากทำลายการโจมตีพวกนั้นแล้ว มันก็ไม่ได้สูญเสียพลังเลยแม้แต่น้อย มันฟันลงมาราวกับกระบี่ที่สามารถบดขยี้ท้องฟ้าได้ และถาโถมเข้าใส่ผู้คนจำนวนมากจากโถงน้ำพุยมโลก

“ไม่!” พวกเขากรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก ก่อนที่ร่างของทุกคนจะสว่างวาบ เพราะรีบโคจรการบ่มเพาะ เพื่อที่จะใช้เคล็ดวิชาอันทรงอานุภาพที่สุดออกมา ทว่ามันกลับไม่มีประโยชน์ใด ๆ เพราะในเวลาต่อมา พวกเขาได้ถูกบดขยี้ด้วยปราณกระบี่ของเฉินซี ทำให้ร่างถูกฟันจนขาดเป็นชิ้น ๆ กลายเป็นเศษเนื้อกองหนึ่ง และสิ้นชีพไป

ในขณะนี้ ทุกคนได้ตระหนักถึงข้อผิดพลาดของพวกเขาแล้ว

…ว่าพวกเขาสะดุดเข้ากับแผ่นเหล็กเข้าให้แล้ว!

แม้จะเป็นเพียงชายหนุ่มรูปงาม และกลิ่นอายที่อีกฝ่ายเผยออกมาจะอยู่เพียงขอบเขตเซียนปฐพีระดับหนึ่งเท่านั้น แต่พลังอันไม่ธรรมดานี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีธรรมดาทั่วไปจะมีได้!

อันที่จริง พวกเขาไม่รู้สึกหวาดกลัวกับแค่อำนาจร้ายกาจนี้ของชายหนุ่มหรอก เพราะอย่างไรแล้วภูมิหลังของพวกเขาก็ใช่ว่าจะธรรมดา แต่ทว่า…

ภาพที่ปรากฏต่อหน้าต่อตาพวกเขา ทำให้พวกเขาตกตะลึงและหวาดกลัว เพราะชายหนุ่มรู้ภูมิหลังของพวกเขาอย่างชัดเจน แต่อีกฝ่ายก็ยังกล้าเข่นฆ่าอย่างไม่เกรงกลัว! การฆ่าอย่างเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ พิสูจน์ให้เห็นเป็นประจักษ์ว่าชายหนุ่มคนนี้จะต้องมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาและไม่สนใจกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาเลยแม้แต่น้อย หรือไม่ก็… คนคนนี้เสียสติไปแล้ว!

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เสียสติ!

เมื่อตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ เฉินเส้าหลิงผู้สง่างามก็ไม่อาจหักห้ามใจได้อีก เจ้าตัวส่งเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกออกมา ในขณะที่ใบหน้าซีดเผือดเพราะความกลัว แม้แต่วิญญาณของเขาก็แทบจะหลุดออกจากร่าง ก่อนที่เฉินเส้าหลิงผู้นี้จะหันหลังและรีบหลบหนีไป

แต่เขากลับไม่สามารถขยับได้ เพราะเฉินซีได้ตามมาทัน และกระทืบเขาจนล้มกองกับพื้น

“หึ นี่เจ้ายังคิดหลบหนี ทั้งที่ตั้งใจจะแย่งชิงของจากข้าอีกหรือ? กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังเจ้ารู้หรือไม่ว่า เจ้าช่างหยิ่งผยองยิ่งนัก!”

เฉินซีย่ำเท้าไปที่ใบหน้าของเฉินเส้าหลิงอย่างแรง ขณะที่จ้องมองอีกสองกลุ่มอย่างเย็นชา

หัวใจทั้งหมดของพวกเขาพลันตกไปที่ตาตุ่ม เมื่อสายตาเย็นชาของเฉินซีกวาดผ่านตัวไป

“สหาย มันเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด! อย่าได้ลงไม้ลงมือกันเลย เราสามารถพูดคุยกันได้ เรายินดีที่จะชดใช้ให้เจ้าด้วยของกำนัลมากมาย” ท่าทางของศิษย์พี่ใหญ่เฉียนจากโถงน้ำพุยมโลกไม่น่าดูอย่างยิ่ง

“มอบผลปารมิตามาซะ แล้วข้าจะปลิดชีพเจ้าอย่างไม่ทรมาน” เฉินซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ซึ่งในขณะที่กล่าว ชายหนุ่มได้ขยี้ด้วยเท้าอย่างแรง ทำให้หัวของเฉินเส้าหลิงระเบิดดังโผละเหมือนแตงโมที่ถูกตีจนแตก

ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกใจจนตัวสั่นสะท้าน

สีหน้าของหญิงสาวจากโถงยายเฒ่าเมิ่งนั้นซีดเผือดจนแทบโปร่งใสและหวาดกลัวจนวิญญาณแทบออกจากร่าง ทว่านางก็ยังลังเลที่จะยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง และเอาร้องโพล่งออกมาว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเรามาจากโถงยายเฒ่าเมิ่ง? เจ้าไม่สามารถทำร้ายเราได้! มิฉะนั้น เจ้าจะนำหายนะครั้งใหญ่มาสู่นิกายที่อยู่เบื้องหลังเจ้า!”

เพียะ!

ทันใดนั้น เฉินซีก็ทะยานไปหานางด้วยเคล็ดปีกกำราบผกผัน จากนั้นเงื้อมือตบหญิงสาวจนตัวปลิว ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “หึ! ช่างน่าขันเสียจริง! โถงยายเฒ่าเมิ่งนั่นจะน่าเกรงขามสักแค่ไหนเชียว? ข้าเกลียดเศษสวะที่เหมือนสุนัขคอยพึ่งพาเจ้านายอย่างพวกเจ้าที่สุด!”

ใบหน้าของหญิงสาวปูดบวมจนเหมือนหัวหมูสุก จากนั้นนางก็ร้องออกมาด้วยเสียงแหลมสูง “เจ้าทำเช่นนี้เท่ากับรนหาที่ตาย! โถงยายเฒ่าเมิ่งมีหน้าที่ในการชำระวิญญาณและนำพาพวกเขาไปสู่การเกิดใหม่ หากเจ้ากล้าทำให้เราขุ่นเคือง ผู้คนของกองกำลังที่อยู่เบื้องเจ้า จะไม่มีวันพักผ่อนได้อย่างสงบสุข หลังจากที่พวกเขาเสียชีวิต!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]