ทุกประโยคที่พยาบาลพูดออกมานั้น ทำให้บรรยากาศรอบตัวของพวกเขาเต็มไปด้วยความกดดันอย่างไม่น่าเชื่อ
มาเดลีนยิ้มออกมาอย่างสุขุมและพูดว่า “ฉันคิดว่าคุณจะต้องพูดถึงมาเดลีนอยู่แน่ ๆ”
“นั่นเป็นเธอที่…”
เสียงอุทานที่แสดงถึงความตกใจของฌอน ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบกระทบเข้ามาในหูของเธอ
มาเดลีนหันหลังไปมองและในเวลาเดียวกันเธอเห็นใบหน้าที่เสียใจในเชิงขอโทษที่แสดงออกมาของฌอน
แม้ว่าฌอนจะมีอายุมากแต่หน้าตาที่ดูดีของเขาไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย
“ฉันไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนบริจาคเลือดให้เอลลี่ หนำซ้ำฉันยัง…”
ความคิดของเขาในตอนนั้นรู้สึกว่ามาเดลีนกำลังรังแกเมเรดิธ ทำให้เขาตะโกนเสียงดัง ใส่หน้ามาเดลีนอย่างโกรธเคือง
เขาเคยพูดกับเธอด้วยว่า “ไม่น่าแปลกใจเลยที่พ่อแม่แท้ ๆ ของเธอไม่ต้องการคนอย่างเธอ คนชั่วนิสัยเลวทรามแบบเธอไม่สมควรที่จะอยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ!”
ฌอนอยู่ในอาการอึ้ง เขาเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างสำนึกผิด
มาเดลีนเคยบริจาคเลือดมากมายให้กับเอโลอิสและแจ็คสันโดยปิดเป็นความลับ
แต่ทว่า เธอไม่ได้พูดโต้ตอบอะไรออกมา ผู้หญิงคนนั้นทำเพียงยอมรับและอดทนต่อคำพูดเลวร้ายและการดุด่าทั้งหมดจากพวกเขาเท่านั้น
ในตอนนี้ ทุกสิ่งที่ได้รับรู้นั้น ทำให้ฌอนรู้สึกเหมือนได้ทำบาปร้ายแรงที่สุดลงไป
แม้ว่าตอนนี้ เขาเองอยากจะเอ่ยปากขอโทษเธอ แต่เขาไม่มีโอกาสนั่นอีกแล้ว
มาเดลีนได้เสียชีวิตไปแล้ว
“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ นายท่านมอนต์โกเมอรี” มาเดลีนสังเกตได้ถึงความวิตกกังวลและสีหน้าที่แสดงออกมาเป็นคำขอโทษของฌอน ทำให้เธอเอ่ยถามเขาขึ้นเบา ๆ
ฌอนดึงสติของตัวเองกลับมาและยิ้มเพื่อซ่อนความไม่สบายใจเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ “ไม่มีอะไร ทุกอย่างปกติดี ขอบคุณที่บริจาคเลือดกับภรรยาของฉันนะ คุณควินน์”
“การช่วยชีวิตคนก็เหมือนการต่อสู้กับไฟ ฉันไม่สามารถละทิ้งคนที่ตกอยู่ในอันตรายได้” มาเดลีนยิ้ม ในขณะที่เธอหันหลังกลับมา เธอก็ได้เห็นเจเรมี่ที่กำลังแสดงสีหน้าหดหู่ใจ
ความเศร้าในดวงตาของเขารุนแรงยิ่งกว่าของฌอนเสียอีก
มาเดลีนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
เธอคิดไม่ถึงว่าจะได้รับคำขอบคุณหรือการตอบแทนในสิ่งที่พวกเขากำลังแสดงออกมา ทว่า เธอยังคิดไม่ถึงอีกว่าพวกเขาจะแสดงความเจ็บปวดเมื่อได้ทำเรื่องเลวร้ายกับเธอไว้ในอดีต
คำพูดเหล่านั้นที่เธอถูกพูดใส่หน้าเป็นเหมือนกับคมมีดที่มองไม่เห็น พวกเขาเข้ามาเชือดเฉือนผิวหนังเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เธอยังคงจำความรู้สึกที่แสนเจ็บปวดเหล่านั้นได้จนถึงตอนนี้
หลังจากที่ได้รับเลือดที่บริจาคไปแล้ว เอโลอิสก็ได้พ้นขีดอันตรายแล้ว
มาเดลีนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ถึงยังไง เธอก็เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของ จะเป็นการโกหกถ้าเธอจะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นไม่มีความสำคัญอะไรกับเธอ
ฌอนเอ่ยขอบคุณเธออีกครั้งและถามว่า “คุณควินน์ แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าภรรยาของฉันมีเลือดกรุ๊ปเดียวกันกับเธอ”
มาเดลีนยิ้มและกล่าวว่า “หลังจากที่ฉันย้ายมาที่เกลนเดล ฉันนเห็นทุกสื่อทางออนไลน์ออกข่าวเกี่ยวกับข้อมูลของมาเดลีนและเมเรดิธ ดังนั้นทำให้ฉันรู้ว่าพวกเขามีกรุ๊ปเลือดเดียวกันกับฉัน และในข่าวพวกนั้นยังมีเขียนอีกว่าทายาทของมอนต์โกเมอรีเป็นคนให้เลือดบุพการีของตัวเองให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปได้ และแน่นอน แค่นี้ก็ทำให้ฉันเดาได้ว่ากรุ๊ปเลือดของฉันจะต้องใช้ได้กับคุณนายมอนต์โกเมอรีด้วยเหมือนกัน”
ฌอนอึ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ฌอนยังจำสิ่งที่พยาบาลพูดได้ในขณะนี้ นางพยาบาลกล่าวว่าเมเรดิธปฏิเสธที่จะให้เลือดในตอนนั้นและที่เอโลอิสปลอดภัยก็เป็นเพราะได้รับความช่วยเหลือจากมาเดลีนเท่านั้น
เมเรดิธปฏิเสธ
เธอปฏิเสธที่จะให้เลือด
ซึ่งหมายความว่าเธอไม่เคยบริจาคเลือดให้เอโลอิส อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ไปแล้ว สิ่งที่เขาจำได้ดีในตอนนั้นคือเมเรดิธบอกเขาว่าเธอเป็นคนบริจาคเลือดให้เอโลอิส
นี่มันดูเหมือนว่าเมเรดิธกำลังโกหก
ลูกสาวที่แสนใจดีและดูอบอุ่นของเขากำลังพูดเรื่องโกหก และในอีกทางหนึ่งเธอยังพูดใส่ร้าย มาเดลีนอีก
ฌอนในตอนนี้รู้สึกหมดหวังและพ่ายแพ้อย่างเห็นได้ชัด เมื่อมาเดลีนได้บอกกับเขาว่าเธอต้องขอตัวกลับก่อน แต่เขาก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมในห้วงของความตกใจ
เจเรมี่ขับรถพามาเดลีนกลับไปที่บ้านของตัวเอง ในระหว่างทาง มาเดลีนปรับเบาะนั่งของตัวเองและเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกที มันกลายเป็นช่วงเวลาเช้าแล้ว
เธอที่กำลังลืมตาขึ้นมาได้สังเกตเห็นว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงเก่าของตัวเอง เสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดพวกนั้นถูกเปลี่ยนออกเป็นชุดนอนตัวเก่าที่เธอเคยใส่เมื่อสามปีก่อน
มาเดลีนจับชุดนอนที่สวมใส่อย่างกังวลใจ โชคดี เธอยังมีเสื้อกล้ามที่ใส่ไว้ข้างในอีกชั้นหนึ่งอยู่ เว้นแต่ว่าเจเรมี่จะถกเสื้อกล้ามออก หากเขายังไม่ทำเช่นนั้นเขาก็ไม่มีทางเห็นไฝที่หน้าอกของเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ