แทนเนอร์คิดหาวิถีทางด้วยความวิตกกังวลในขณะที่เดินไปยังประตูเหล็กด้านหน้า
เขาได้ยินเสียงบทสนทนาระหว่างเมเดลีนและเจเรมี่ด้านใน เจเรมี่รู้แล้วว่าเขาเป็นคนร้ายที่ลักพาตัวเมเดลีนมา
“ให้ตายสิ ฉันคิดออกแล้วว่าจะต้องทำอะไร!” แทนเนอร์ระงับความขุ่นเคืองที่อยู่ภายใน
เขาชำเลืองมองถังน้ำมันตรงประตู กัดฟันกรอด และส่ายหน้า
เจเรมี่เจอของที่ใช้พังกลอนประตูและกำลังจะลงมือ ทันใดนั้นประสาทที่เฉียบคมของเมเดลีนก็ได้กลิ่นแปลก ๆ โชยมา “นี่มันกลิ่นน้ำมันรถ”
เจเรมี่หันไปมอง “น้ำมันรถ อย่างนั้นเหรอ?
“กลิ่นมันเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ” เมเดลีนพยักหน้าและทันใดแสงสีแดงลุกโชนขึ้นรอบกาย “มีบางคนกำลังวางเพลิงเรา”
เมื่อเสียงของเมเดลีนดังขึ้น เปลวไฟก็ได้ลุกลามไปตามทางที่น้ำมันไหลไป และในพริบตา ไฟก็ได้ลุกลามไปทั่วทั้งโรงงานร้างแห่งนี้!
พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมาพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้
เจเรมี่หยิบของที่จะใช้พังประตูขึ้นมาและทุบกลอนประตูอย่างแรง “ลินนี่ ไม่ต้องกลัวไปนะ ผมจะช่วยคุณให้ออกจากที่นี่อย่างปลอดภัยแน่นอน”
เขาเอ่ยคำสัญญา และกระแทกกลอนประตูแรงขึ้น
เมเดลีนมองเห็นความกังวลที่แฝงอยู่ด้านในดวงตาของเขาและนั่นทำให้เธอมึนงงเล็กน้อย เธอใช้เวลาอยู่สักพักกว่าจะกลับมาครองสติได้ “เจเรมี่ นายทิ้งฉันไปเถอะ”
“พูดอะไรโง่ ๆ แบบนั้น? ผมจะทิ้งคุณไปได้ยังไง?!” น้ำเสียงของเจเรมี่แฝงมากับความโกรธเกรี้ยว หลังจากพูดจบ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเขาควบคุมสติตัวเองไม่ได้นิดหน่อย จากนั้นเขากลับมาพูดกับเธออย่างอ่อนโยนอีกครั้ง “ลินนี่ จะให้ผมปิดหูปิดตาแล้วดูคุณทุกข์ทรมาน ผมทำไม่ได้ ถ้าอะไรไม่ดีจะเกิดขึ้นกับพวกเราคนใดคนหนึ่ง ขอให้มันเป็นผมดีกว่า”
น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความแน่วแน่ และความรักที่เขามีให้แก่เธอไม่ใช่เรื่องแสแสร้ง
แต่อย่างไรก็ตาม ไฟลุกลามไปเร็วมาก จากนั้นควันไฟจึงตลบอบอวลไปหมด เมเดลีนเริ่มหายใจลำบากขึ้นทุกที
เธอไอออกมาสองครั้ง และเจเรมี่สังเกตเห็นว่าเมเดลีนเริ่มหายใจติดขัดขึ้นเรื่อย ๆ เขากำหมัดแน่นและฟาดสิ่วในมือลงที่กลอนประตูอย่างแรง
เจเรมี่เห็นมือของเมเดลีนที่ยื่นลงมา แต่ไม่สามารถขยับไปไหนได้เพราะกล่องไม้ทับบริเวณน่องของเขาอยู่ เขาได้รับบาดเจ็บที่กระดูกบริเวณนั้นอย่างแน่นอน ตอนนี้เขาแทบจะขยับขาซ้ายไม่ได้เลย
“เจเรมี่ มัวรีรออะไรอยู่เล่า? จับมือฉันไว้!” เมเดลีนรีบเร่งเขาด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวลและสั่นเทา
กล่องมีความสูงมากกว่าสามฟุต และไร้วี่แววของความช่วยเหลือ เจเรมี่ที่ได้รับบาดเจ็บและขาขยับไม่ได้ ไม่ต้องการจะเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว
เขาเห็นมือที่เมเดลีนยื่นผ่านม่านควันมาให้ด้วยสายตาอันพร่ามัว เขายิ้ม จับมือเธออย่างอ่อนโยนและก้มศีรษะ บรรจงจูบลงไปบนมือเธอ
เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจกับการกระทำของเจเรมี่ และเสียงของเขาก็ดังขึ้น “ลินนี่ คุณรู้ไหมว่าความโชคดีที่สุดในชีวิตผมที่เคยเกิดขึ้นสองครั้งคืออะไร? อย่างแรกคือตอนที่ผมได้เห็นคุณเดินกลับเข้ามาในชีวิตผมอีกครั้ง แต่อีกอย่างคือเมื่อนานมาแล้ว นานมาแล้ว ที่พวกเราได้พบกันที่ริมทะเลวันนั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เมเดลีนไม่รู้แล้วว่าเป็นเพราะควันที่เข้าตารึเปล่า แต่น้ำตาเธอไหลรินออกมาทันที
ในขณะที่สติเลือนรางลง เจเรมี่ปล่อยมือและผลักเธอขึ้นไปอย่างแรง
“ลินนี่ ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้พวกเราได้พบกันอีกนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...