จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1289

สาวใบ้เหลียงหวางหรู
สุริยันสดับยามเที่ยงวัน เหนือน่านนภา เปี่ยมไปด้วยพลังธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์

บนทุ่งรกร้างมีวัชพืชตลอดทาง ปรากฏเป็นกลุ่มคาราวาลรถม้าพร้อมผู้คนนับหลายสิบที่กำลังเคลื่อนเข้ามาอย่างช้าๆ

“คุณหนูรอง อีกประมาณครึ่งเดือนพวกเราก็จะไปถึงป่าอสูรลึกลับแล้ว! หลังจากที่เดินทางผ่านป่าอสูรลึกลับได้ เราก็อยู่ไม่ไกลจากเมืองกุยฉางแล้ว”

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่สวมเครื่องแบบทหารยามกล่าวขึ้นเบื้องหน้าหญิงงาม

หากพินิจมองให้ดี นางผู้นี้ควรจะเป็นผู้นำกองคาราวานนี้อย่างแม่นยำ

“อืม บอกให้ทุกคนเพิ่มความระวังมากขึ้นเป็นเท่าตัว มีข่าวไม่ดีนักเกี่ยวกับป่าอสูรลึกลับเมื่อไม่นานมานี้ หากพ้นผ่านจากป่าอสูรลึกลับไปได้ สตรีผู้นี้จะจ่ายค่าตอบแทนเพิ่มให้พวกเจ้าเป็นสองเท่า”

สาวงามนางนั้นกล่าวขึ้นพร้อมพยักหน้า

ชายวัยกลางคนดูท่าจะดีใจยิ่งยวดและเร่งกล่าวตอบทันที

“ขอบพระคุณอย่างยิ่งคุณหนูรอง!”

เขาเหลียวหลังกลับไปและตะโกนสั่งการเหล่าทหารยามคนอื่นๆโดยไวว่า

“พวกเจ้าทุกคนได้ยินหรือไม่? คุณหนูรองต้องการจะจ่ายค่าตอบแทนให้สองเท่า หวังว่าพวกเจ้าจะฉลาดพอ สิ่งใดควรหรือไม่ควร!”

กลุ่มทหารยามกล่าวตอบโดยพร้อมเพรียงว่า

“ขอบพระคุณอย่างยิ่งคุณหนูรอง!”

สาวงามนางนั้นคลี่ยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้าเชิงสัญญาณเป็นมารยาทให้

นางพลันกวาดสายตาไปหาสาวงามอีกคนที่อยู่ด้านหลังอย่างอดมิได้ พลางเผยให้เห็นถึงแววหยามเหยียดสะท้อนออกจากยัน์ตาอย่างชัดเจน

สาวงามอีกคนที่อยู่ด้านหลังดูคล้ายกับว่าร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ สีหน้าผิวพรรณของนางดูซีดเซียวเล็กน้อย รูปลักษณ์ของนางช่างงดงามและมีหลายต่อหลายจุดที่ละไม้คล้ายคลึงกับอีกคนที่อยู่ด้านหน้า

ทว่าต่อหน้าสายตาสุดเหยียดยามที่มีให้นี้ สาวงามนางนี้กลับมิได้แยแสเท่าใดนัก เห็นได้ชัดว่านางมิได้รู้สึกอะไรเลย

แต่ทันใดนั้นเอง คู่คิ้วสวยของนางพลันถักหนาขึ้นในทันที สองมือที่กุมจับสายคุมบังเหียนม้าถูกดึงจนตึงพร้อมกับทั้งกองคาราวานที่หยุดชะงักทั้งขบวน

เมื่อคุณหนูรองเห็นดังนั้น นางก็ขมวดคิ้วเข้มกล่าวขึ้นว่า

“เหลียงหวางหรู เจ้าทำอะไรของเจ้า?”

ทว่าสาวงามนางนั้นกลับเพิกเฉยต่อคำถามและลงจากม้าที่ขี่ตรงเข้าสู่กอหญ้าข้างทางทันที

ภายในกอหญ้าหนาทึบปรากฏเป็นชายหนุ่มคนนี้ที่ทั่วทั้งร่างกายอาบชโลมไปด้วยเลือดสดและบาดแผลมากมาย ดูผิวเผินคล้ายศพเละสุดน่าสยดสยอง

สาวงามนางนั้นขมวดคิ้วแน่น สีหน้าการแสดงออกของนางเผยให้เห็นถึงความเศร้าโศก

นางเหลียวหลังกลับมายังกองคาราวานและกวักมือเรียกทหารยามวัยกลางคนผู้นั้น ทว่ายังทันที่ทหารยามผู้นั้นจะได้ขยับตัว กลับเป็นเสียงของคุณหนูรองที่โพล่งดังขึ้น นางกล่าวเสียงเย็นกระด้างไปว่า

“จางชุน เจ้าไม่ต้องไป! กับอีแค่คนตายยังจะไปเสียแรงสนใจอันใด? หากนางต้องการช่วยนัก ก็ให้นางแบกกลับมาคนเดียว”

จางชุนดูลังเลเล็กน้อย และท้ายที่สุดจำต้องยืนดูอยู่นิ่งๆด้วยความจนใจ

เหลียงหวางหรูถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น แต่ปรากฏว่านางกัดฟันประคองร่าง‘คนตาย’นั้นกลับมาด้วยจริงๆเพียงลำพัง

‘คนตาย’ศพนี้มิได้หนักเท่าไร่นัก คราบเลือดสดโดยส่วนใหญ่เริ่มแห้งจนกรอบแล้วโดยดวงสุริยันอันร้อนระอุที่แผดเผาอยู่นาน โดยมิอาจทราบได้เลยว่า ศพร่างนี้ถูกทิ้งร้างอยู่ตรงนี้เป็นเวลากี่วันแล้ว ถึงได้มีกลิ่นเหม็นสาบหึ่งออกมาจากร่างกาย

อย่างไรก็ตาม ‘คนตาย’ที่ว่ากลับมิใช่ใครอื่น นอกจากเย่หยวนที่หนีตายออกจากหลุมดำอวกาศ!

แน่นอนว่าเขายังไม่ตายจริงๆ แต่พินิจจากรูปการณ์น่าจะใกล้ตายเต็มทนแล้วเช่นกัน

สภาพเย่หยวนในตอนนี้แทบไม่ต่างอะไรจากศพ ผิวหนังทั่วร่างถูกถลกออกจากเห็นเป็นกล้ามเนื้อแดงเปียกชื้น ภายใต้แสงสุริยันที่สาดส่องลงมาเป็นเวลานาน จึงทำให้ร่างกายของเขาเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น

ถึงแม้จะเป็นวรยุทธมังกรทรราชจุติ แต่นี่ก็ไม่สามารถฟื้นฟูอากาศบาดเจ็บระดับนี้ได้เลย

ยิ่งไปกว่านั้นเอง เย่หยวนในปัจจุบันไม่เหลือรองรอยพลังปราณใดๆเลนตั้งแต่หัวจรดเท้า ยามนี้เขาไม่ต่างอะไรกับคนพิการที่กำลังประคองลมหายใจเพื่อต่อชีวิต

เหลียงหวางหรูกลั้นใจทนกลิ่นเน่าเหม็นจากร่างกายของเย่หยวน และประคองร่างขึ้นรถม้าทันที

ภายในกองคาราวานนี้อัดแน่นไปด้วยสินค้ามากมาย นั้นส่งผลให้บริเวณทั่วทั้งกองคาราวานส่งกลิ่นสมุนไพรและโอสถออกมาจางๆ

คุณหนูรองยืนกอดอกเฝ้ามองเหลียงหวางหรูแบกหามร่างเย่หยวนตรงเข้ามาอย่างทุลักทุเล ก่อนขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่พอใจ

แค่ลำพังเหลียงหวางหรูก็น่ารำคาญเกินพอแล้วสำหรับนาง นี่ยังมีคนเจียนตายอีกคนเป็นภาระหนัก ขณะนี้ทั้งสองล้วนเป็นตัวปัญหายิ่งอย่างไม่มีใครเทียบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ