ตอนที่ 1308 – ตอนที่ต้องอ่านของ จอมเทพโอสถ
ตอนนี้ของ จอมเทพโอสถ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1308 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ความอัปยศของตระกูลหวัง
“เหอะ ไอ้เด็กเหลือขอ ท่านประมุขตระกูลไม่มีเวลาว่างมาพบคนอย่างแก จะไปไหนก็ไป!”
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งดูคล้ายจะเป็นพ่อบ้านประจำตระกูล กำลังตะคอกใส่เย่หยวนด้วยท่าทีหยาบคายเจือรังเกียจ
เป็นเวลากว่าสามวันแล้ว หลังจากที่เย่หยวนบุกเข้าตระกูลเหลียงเพื่อช่วยเหลียงหวางหรูออกมา
ซึ่งสามวันที่ผ่านมานี้ เย่หยวนยังคงเดินทางไปเฝ้าอยู่หน้าประตูตระกูลหวังทุกวัน
ตลอดทั้งวันจนสุริยันตกดิน สิ่งที่เขาได้ยินยังคงเป็นประโยคซ้ำๆเดิมๆ
เย่หยวนทราบดี หวังหลินโปจงใจให้เขายืนรออยู่แบบนี้จนแห้งตายไปสักวัน
แต่เย่หยวนหาได้แสดงสีหน้าความรู้สึกใดๆออกมาสักนิด สีหน้าท่าทางดุจผิวน้ำนิ่งสงัดไร้ระลอก พร้อมผสานมือโค้งให้เล็กน้อยและกล่าวคำอำลาจากมา
เหม่อมองเย่หยวนจากด้านหลัง พ่อบ้านที่เฝ้าหน้าประตูพลันรู้สึกแปลกใจใช่ย่อยไม่ต่าง
“เจ้าเด็กนี่มันตามตื้อติดหนึบโดยแท้ หากกเป็นคนอื่นคงยอมแพ้ไปตั้งนานแล้ว”
พ่อบ่านคนนั้นพึมพำกับตัวเอง
สองสามวันนี้ พวกเขาได้เปลี่ยนวิธีรับมือไปเรื่อยๆเพื่อสร้างความลำบากใจให้แก่เย่หยวน อย่างเช่นขมขู่ถึงขั้นฆ่าแกง ตลอดจนสาดน้ำไล่ตะเพิดเย่หยวนกลับไป ทว่าเขายังคงนิ่งหาได้ตื่นตูมใดๆ ก่อนลาจากเขายังคงผสานมือโค้งคำนับเล็กน้อยอย่างใจเย็น
ในวันนี้ พวกเขาได้เกณฑ์เหล่าลูกหลานของตระกูลหวังมาดักรอหน้าประตู และเข้าทุบตีทำร้ายเย่หยวนยังไร้เหตุผล
ซึ่งเย่หยวนหาได้สู้กลับไม่ แต่ยังดีที่มีหลัวเจียคอยจัดการ
กล่าวกันตามสัตย์จริง ยามนี้แม้แต่พ่อบ้านคนนั้นก็ไม่อยากสู้หน้าเย่หยวนแล้วเช่นกัน
หากเป็นคนอื่นๆ คงตัดใจไปนานมากแล้ว
ทว่าเย่หยวนก็ยังอดทนอดกลั้นต่อไป
ระยะเวลาที่เย่หยวนกำหนดไว้คือห้าวัน หลังจากวันที่ห้าผ่านพ้นไปแล้ว แต่หวังหลินโปยังไม่คิดออกหน้ามาพบเขา ตอนนั้นคงเหลือเพียงหนทางเดียว นั้นคือหลอมกลั่นโอสถล้างพิษขั้นเทวะด้วยตัวเอง!
เย่หยวนได้ขอซื้อโอสถล้างพิษขั้นสวรรค์มาจากเฟิงปิง หลังจากที่เหลียหวางหรูกลืนมันลงไป ฤทธิ์โอสถก็เข้าระงับการแพร่กระจายของพิษขนวิหคพันราตรีได้ชั่วคราว
โชคนยังดีที่โอสถล้างพิษขั้นสวรรค์ยังทรงประสิทธิภาพอยู่บ้าง จึงสามารถชะลอพิษขนวิหคพันราตรีลามสู่หัวใจได้เป็นเวลาสี่สิบวัน
ด้วยเหตุนี้ เย่หยวนจึงมีเวลาเพิ่มขึ้นอีกสี่สิบวัน
ความยากในการหลอมกลั่นโอสถล้างพิษ ซับซ้อนยุ่งยากเสียยิ่งกว่าโอสถปราณเทวะ
แต่สำหรับเย่หยวน ไม่ว่าหนทางจะยากเข็ญเพียงใด เขาก็เลือกที่จะเดินหน้าต่อไปโดยหาลังเลไม่
ตามคำกล่าวของหวูเฉิน ขั้นตอนต่อไปที่เย่หยวนต้องศึกษาคือ การหลอมกลั่นโอสถบ้างพิษ ทั้งนี้ก็เพื่อวางรากฐานไปสู่โอสถตราสวรรค์หนึ่งดาวต่อไป
อย่างไรก็ตามแต่ เย่หยวนจำต้องฝึกฝนจนกว่าจะหลอมกลั่นโอสถปราณเทวะให้ได้ขั้นเทวะเสียก่อน
งานนี้นับว่ายากมาก ขนาดเย่หยวนเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นักว่าตนจะทำได้สำเร็จหรือไม่ แต่ถึงอย่างไร เขาก็มิอาจทนดูเหลียงหวางหรูทนทุกข์ทรมานแบบนี้ได้เช่นกัน
ดังนั้น ถึงทราบว่าตระกูลหวังจงใจทำให้เขาขายหน้า แต่มันก็ต้องอดทนเช่นกัน
แต่…หากวันใดวันหนึ่งโชคชะตาเปลี่ยนผัน วันนั้นตระกูลหวังจำต้องชดใช้ต่อการกระทำของพวกมันเองเป็นเท่าทวี!
หลัวเจียที่เฝ้าติดตามเย่หยวนอยู่ตลอด ถึงสีหน้าท่าทางยังคงไม่แยแสอันใด แต่มีหลายครั้งที่เขาหันมองเย่หยวนพร้อมแววตานึกชื่นชม
คนประเภทนี้น้อยนักที่ได้พบเจอ
“ฮ่าฮ่า พี่ใหญ่ ข้ารู้สึกสาแก่ใจยิ่งนัก! ท่านไม่ทราบหรอกว่า ไอ้เด็กเหลือขอตัวนี้มันหยิ่งผยองเพียงใดในตอนนั้น! พอมาวันนี้ ข้าคาดไม่ถึงจริงๆว่า มันจะเจียมเนื้อเจียมตัวได้ขนาดนี้! ได้อีนางโสเภณีนั้นกลับไป แต่สุดท้ายก็ต้องคลานเข่ากลับมาหา! น่าสมเพช! ทำแบบนี้ต่อไป ให้มันได้ลิ้มรสความอัปยศจนจุกอกตายไปเลย!”
เมื่อได้รู้จักกับคำว่า‘เอาคืน’ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หวังเพียนหลานรู้สึกมีความสุขยิ่ง นางเอาแต่ระเบิดเสียงหัวเราะไม่หยุดไม่หย่อน
หวังหลินโปคลี่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวตอบว่า
“เด็กคนนี้มีจิตใจที่หยิ่งทะนง แต่สามารถทนรับความอัปยศได้ขนาดนี้โดยไม่สะทกสะท้านใด ความมุ่งมั่นระดับนี้หาใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการ! ยามใดที่เจอคนประเภทนี้ หากไม่สามารถผูกมิตรได้ ก็จำต้องฆ่าทิ้งเพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเท่านั้น!”
แต่หวังเพียนหลานกลับหาได้แยแสใดๆไม่ นางระเบิดเสียงหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินคำกล่าวของเขา
“พี่ใหญ่ ท่านคิดมากเกินไป! ไอ้แค่เด็กพิการคนหนึ่งมันจะทำอะไรได้? มีดีแต่อาศัยหอมหาสมบัติเข้าข่มขู่ ข้าอยากจะหัวเราะจนตาย!”
หวังหลินโปเหลียวมองน้องสาวหน้าโง่ของตัวเองเล็กน้อย ก่อนส่ายหัวอย่างจนใจและมิได้กล่าวอะไรอีกเลย
จากนั้นครู่หนึ่ง เขาสั่งคนให้ไปเรียกพ่อบ้านเฝ้าประตูมา
“พรุ่งนี้เช้าเมื่อเด็กนั้นมาถึง พามันมาที่ห้องโถงใหญ่โดยทันที”
……………………
เช้าวันรุ่งขึ้น เย่หยวนปรากฏตัวขึ้นกลางห้องโถงใหญ่ ขณะที่เบื้องหน้ายืนประจักษ์พร้อมหน้า ทั้งหวังหลินโป, หวังเพียนหลานและเหลียงหวางหรงตามลำดับ บรรยากาศภายในห้องนี้ดูตคงเครียดไปเสียหมด คล้ายสามคนนี้กำลังจะพิพากษาเย่หยวนร่วมกัน
ถึงแม้แรงกดดันนี้จะไม่รุนแรงนัก แต่เป็นที่ชัดเจนว่าเป็นแรงกดดันของเผ่ามังกรไม่ผิดแน่!
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าเย่หยวนมิได้โกหก แววตาคู่นั้นเผยให้เห็นถึงความผิดหวังออกมาอย่างอดไม่อยู่
สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเลือดเย็นสุดขั้ว หวังหลินโปกล่าวขึ้นว่า
“เช่นนี้นี่เอง ในเมื่อเจ้าไม่มีวิชาควบคุมอสูร แล้วเจ้ายังมีคุณสมบัติอะไรมาต่อรองกับข้าผู้นี้อีก? ช่วยคนภายนอกหาใช่นิสัยของข้า แถมดีแล้วนี่นางนั้นจะได้ตายๆไปเสียที หากอยู่ต่อมีแต่จะทำให้หรงเอ๋อลำบากใจเปล่า!”
เย่หยวนกล่าวตอบว่า
“เย่หยวนคนนี้ไม่มีอะไรมาต่อรองก็จริง แต่ตราบใดที่ท่านประมุขหลินโปเต็มใจช่วยเหลือ เย่คนนี้ยินดีหลอมกลั่นโอสถให้ตระกูลหวังเป็นเวลาสิบปีเต็มโดยไม่ตั้งเสียเงินสักแดงเดียว!”
หวังหลินโปแสยะยิ้มเยาะ พลางกล่าวอย่างรังเกียจว่า
“เจ้าคิดว่า ข้าจะเชื่อจริงๆรึว่าเจ้าเป็นนักหลอมโอสถ? ที่ตบตาคนอื่นได้คงเพราะขอความช่วยเหลือจากเฟิงปิงกระมัง? เด็กพิการอย่างเจ้าจะสามารถหลอมกลั่นโอสถได้อย่างไร? แต่อย่างไรก็ตาม…ใช่ว่าข้าจะไม่ให้โอกาสเจ้าสักทีเดียว ยังต้องการช่วยนางอยู่หรือไม่?”
เย่หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกล่าวตอบว่า
“ท่านประมุขหลินโปโปรดชี้แนะ”
หวังหลินโปยิ้มและกล่าวว่า
“สิ่งที่เจ้าเคยทำลงไปทำให้หรงเอ๋อเสียใจเป็นที่สุด ถึงขั้นร้องห่มร้องไห้กับข้าหลายต่อหลายครั้ง! ตราบใดที่เจ้าสามารถทำให้นางพอใจได้ เราประมุขตระกูลยินดีช่วยเหลือ!”
เวลานั้นเอง เหลียงหวางหรงพลันเดินตรงเข้ามาหาเย่หยวน ก่อนเดินวนรอบเย่หยวนพลางพินิจครุ่นคิด หัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน
“ไอ้สวะ คงคาดไม่ถึงใช่หรือไม่…ว่าวันหนึ่งเจ้าจะต้องคลานเข่ากลับมาอ้อนวอนคุณหนูผู้นี้? ไหนล่ะ? ไอ้คนอวดดีก่อนหน้า? หากเก่งจริงก็อวดดีต่อหน้าคุณหนูผู้นี้อีกสิ!”
เย่หยวนสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนโค้งคำนับทรงสวยและกล่าวขึ้นอย่างสุภาพว่า
“เย่คนนี้มีตาหามีแววไม่ หวังว่าคุณหนูหวางหรงจะไม่เอาความ!”
เหลียงหวางหนงกล่าวขึ้นอย่างสาแก่ใจว่า
“อยากให้ข้าไม่เอาความ? ยอมได้! ข้าขอแค่อย่างเดียว ไอ้สวะ,คลานเข่าเข้ามาหาคุณหนูผู้นี้และเรียกข้าว่ามารดาสามครั้ง! บางทีสิ่งนี้อาจจะช่วยทำให้ข้าพอใจได้บ้าง!”
ด้านหลังเย่หยวน หลัวเจียที่กำลังกอดดาบดั่งทองไม่รู้ร้อนอยู่ตลอด เมื่อได้ยินแบบนี้ แม้แต่เขาเองยังอดเบี่ยงหน้าหนีโดยมิตั้งใจ ความอัปยศอดสูขนาดนี้เขาทนมองต่อไปไม่ได้จริงๆ
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆท่าทีของเหลียงหวางหรงพลันเปลี่ยนไปฉับพลัน พวงแก้มนวลขาวของนางกลายเป็นสีแดงกล่ำ ประดุจเรือนร่างรู้สึกเร้าร้อนถึงขีดสุดเกินต้านทาน นางพุ่งเข้าใส่หวังหลินโปอย่างบ้าคลั่ง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
2970 อิหลินเสวียอิห่าราก ฟื้นขึ้นมาก็ทิ้งกันเลย😂...
พวกเมีย เพื่อนฝูง น้องๆ แม่งเป็นได้แต่ตัวถ่วง ตัวภาระ😂...
ตอนแรกๆอ่านยังไง...
DDD...