จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1309

ทัศนคติจากหลัวเจีย

“ท่านลุง จริงๆแล้วหรงเอ๋อ…หรงเอ๋อชอบท่านมานานแล้ว!”

เรือนร่างของเหลียงหวางหรงเดือดพล่านสุดเร้าร้อน ขณะกระโจนเข้าใส่นางปลดแพรพรรณอาภรณ์ออกจนหมด หวังเผด็จศึกทันทีที่ถึงตัวหวังหลินโป

ครั้งก่อนนางก็พลาดท่าเช่นนี้ให้กับเย่หยวน ในคราวนี้เองก็อีหรอบเดิมไม่มีผิดเพี้ยน นางได้ใจจนประมาทเกินไป โยนคำว่าระวังตัวปลดทิ้งไปจนหมด ดั่งว่าตนเองยิ่งใหญ่เหนือสรรพสิ่ง เมฆาสวรรค์เก้าชั้นควบคุมได้ดั่งใจ

เพราะเหตุนั้น จึงเป็นอีกครั้งที่นางพ่ายให้แก่เย่หยวนโดยไม่รู้ตัว

หวังเพียนหลานที่เห็นภาพฉากนี้ นางถึงกับสะดุ้งโหย่งด้วยความตกใจ ไฉนจู่ๆลูกสาวของนางถึงกลายมาเป็นแบบนี้?

หวังหลินโปขมวดคิ้วแน่น พร้อมโบกหลังมือตบหน้าดังสนั่น

เพี๊ยะ!

เสียงตบดังชัดกึกก้องไปทั่วห้องโถงใหญ่

เหลียงหวางหรงในสภาพเปลือยกายถูกตบกระเด็น หมุนเคว้งกลางอากาศ ก่อนตกลงบนพื้นและนอนแน่นิ่งไป

“หรงเอ๋อ! ท่านพี่ทำบ้าอะไรอยู่!”

หวังเปียนหลานกรีดร้องสุดเสียงเสมือนคนเสียสติ พร้อมปรี่ตรงไปช่วยลูกสาวของนาง

ทว่าหวังหลินโปหาได้สนใจน้องสาวของตนสักนิด สาดสายตาเฉียดเย็นเจือแววอำมหิตหลายส่วนใส่เย่หยวนโดยตรง

“วิชาลวงตา! ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไปจริงๆ! แต่เช่นนี้…เจ้าสมควรตาย!”

สีหน้าการแสดงออกของหวังหลินโปเยือกเย็นถึงขีดสุด เป็นที่ชัดแจ้ง ยามนี้เจตนาหวังฆ่าเย่หยวนให้ตายคาที่

ทว่าเย่หยวนเพียงยิ้มตอบว่า

“ในเมื่อไม่จริงใจต่อกันตั้งแต่แรก เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องคุยอะไรกันอีก แต่อย่าประมาทเย่คนนี้จนเกินไป! หลัวเจีย กลับกันเถอะ!”

เย่หยวนหมุนตัวควับจากไปโดยไม่เหลียวหลังมองอีกเลย

ส่อแววประหลาดใจสะท้อนออกจากนัยน์ตาของหลัวเจีย เฉพาะตอนนี้ท่าทีของเขาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลางลอบมองเย่หยวนเป็นนัย

หวังหลินโปย่นคิ้วแทบติดชน เขาตะโกนขู่เสียงเย็นขึ้นว่า

“หากเจ้ากล้าย่างเท้าออกจากตระกูลหวัง นางนั้นจะต้องตายแน่นอน!”

เย่หยวนกล่าวตอบโดยไม่เหลียวหลังกลับมองใดๆ

“มั่นใจเถอะ หวางหรูจะต้องไม่ตาย แต่ท่านกลับไม่แน่! และไม่เพียงนางจะไม่ตายเท่านั้น แต่นางจะยังอ้าปากพูดขึ้นได้อีกครั้ง! ข้าจะทำให้นางทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าในสักวัน ใครที่เคยรังแกนาง ถึงตอนนั้นไล่คิดบัญชีทั้งต้นทั้งดอก!”

เมื่อกล่าวจบเย่หยวนก็เดินจากไปทันที หาได้แยแสหวังหลินโปใดๆอีกต่อไป

พอหวังหลินโปได้ยินแบบนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะเยาพดังลั่น และตะโกนไล่หลังกลับไป

“ฮ่าฮ่าฮ่า…แกมันไอ้เด็กโง่! พิษขนวิหคพันราตรีของตระกูลหวัง ต่อให้เป็นตาแก่เฟิงปิงก็ยังไม่มีปัญญาทำอะไรได้! อาศัยเศษเดนอย่างแก คงได้แต่คุยโม้โอ้อวดไปวันๆ? ฝันไปเถอะ!”

ต่อหน้าเย่หยวนที่ลั่นวาจาไว้ว่า จะทำให้หวางหรูสามารถกลับมาพูดได้อีกครั้งและขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้า หวังหลินโป เลือกที่จะไม่ใส่ใจแม้สักนิด

เพราะเรื่องจำพวกนี้…มันไม่มีทางเป็นไปได้!

เหตุผลที่เย่หยวนตัดสินใจลงมือกับเหลียงหวางหรง เป็นเพราะเขาตระหนักทราบแล้วว่าครอบครัวนี้หาดีไม่ได้สักคน และไม่มีความน่าเชื่อถืออะไรเลย

เขาลอบสังเกตน้ำเสียงและถ่อยคำของคนพวกนี้มาโดยตลอด พอหวังหลินโปรู้ว่าเขาไม่มีวิชาควบคุมอสูร อีกฝ่ายก็ทิ้งขว้างหมอดความสนใจ

สิ่งที่มาแทนคือ ท่าทางการแสดงออกที่เปี่ยมไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

คำสัญญาของคนประเภทนี้กลับไว้วางใจไม่ได้

ต่อให้เย่หยวนคุกเข่าก้มกราบต่อหน้าเหลียงหวางหรงอย่างไร แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทางให้โอสถถอนพิษแก่เขาแน่นอน

เหตุผลที่นางกล่าวออกไปเช่นนั้น หวังแค่เพื่อสร้างความอัปยศขมขื่นใจแก่เย่หยวนเล่นเท่านั้น

ทว่าน่าเสียดายนัก ทั้งๆที่เหลียงหวางต้องการจะสร้างความอับอายให้แก่เย่หยวน แต่กลับนางที่ต้องอับอายขายหน้าแทน!

เย่หยวนเดินตรงออกจากตระกูลหวังและไม่เหลียวมองอีกเป็นคำรบสอง

แผ่นหลังเย่หยวนค่อยๆลับสายตาไป สีหน้าการแสดงออกของหวังหลินโปเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตสุดหัวใจ

………………………..

“สำหรับเย่หยวนคนนี้ เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร?”

หยางรุยกดสายตาลึกล้ำง้ำประกาย พลางเอ่ยปากขึ้นถามหลัวเจีย

เขาเป็นคนออกคำสั่งให้หลัวเจียเฝ้าติดตามเย่หยวนไป นอกจากนี้ยังมีอีกหน้าที่หนึ่งคือเฝ้าสังเกตเย่หยวน

เพราะท้ายที่สุดนี้ ภูมิหลังของเย่หยวนเป็นมาอย่างไรกลับไม่มีใครทราบเลย

“คุณธรรมสูงส่ง ฉลาดวางตัว มองการณ์ไกลเกินหยั่งรู้!”

หลัวเจียกล่าวประเมิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ