ชายชราผู้นั้นพลันย่นคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้จักหวังซ่ง
“เจ้าคงเป็นศิษย์ของสถานศึกษาหวูเมิ่งกระมัง?”
ชายชราผู้นั้นเอ่ยถามอย่างสงสัย
หวังซ่งเร่งโค้งคำนับทันที น้ำเสียงดูอ่อนลงฉับพลันและกล่าวขึ้นอย่างสุภาพว่า
“ศิษย์หวังซ่ง สมาชิกตระกูลหวังแห่งเมืองหมิงหยาง เป็นศิษย์สังกัดปฐพีชั้นใน ครั้นหนึ่งเคยโชคดีได้เข้าศึกษาวิชาหลอมกลั่นโอสถของท่านอาจารย์เซียวมาก่อน”
ชายชราพลันนึกขึ้นได้เมื่อได้ฟังความเป็นมาและกล่าวว่า
“โอ้ เป็นเช่นนี้นี่เอง พินิจจากรูปการณ์ยามนี้คงอยู่ระหว่างการออกมาปฏิบัติภารกิจภายนอกกระมัง? แต่ไฉนถึงมีเรื่องขัดแย้งกับหอมหาสมบัติได้?”
หวังซ่งอดตื่นตระหนกมิได้เมื่อได้ยิน ก่อนเร่งอธิบายให้พร้อมชี้นิ้วไปทางเย่หยวนว่า
“ท่านอาจารย์อย่าเข้าใจผิดไป ศิษย์คนนี้มิได้เจตนาขัดแย้งกับหอมหาสมบัติ แต่ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้มันฆ่าน้องชายของศิษย์ไป ข้ามาเพื่อล้างแค้นแทนน้องผู้ล่วงลับ! ที่สำคัญเลยก็คือ ไอ้เด็กเหลือขอตัวนี้เป็นแค่อาคันตุกะนักหลอมโอสถของหอมหาสมบัติ จึงไม่นับเป็นคนของมหาสมับิตแต่อย่างใด…”
ปรากฏว่า ชายชราที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขากลับมิใช่ใครอื่นนอกเสียจาก เซียวเฟิ้ง,หัวหน้านักหลอมโอสถแห่งหอมหาสมบัติสาขาเมืองหลวงหวูเมิ่ง!
เขาคือเซียวเฟิ้งที่ออกเดินทางไกลเพื่อมาหาเย่หยวน!
การที่จู่ๆหวังซ่งก็วิ่งตรงเข้ามาหาเรื่องหอมหาสมบัติเพื่อฆ่าคนโดยเฉพาะ ยามนี้เห็นบุคคลระดับสูงของหอมหาสมบัติมา จะมิให้เราเร่งรีบกล่าวอธิบายได้อย่างไร?
สถานะของเซียวเฟิ้งผู้นี้ภายในเมืองหลวงหวูเมิ่งสูงส่งเกินไป แม้แต่สถานศึกษาหวูเมิ่งยังต้องให้เกียรติเขา มาเป็นอาจารย์รับเชิญเพื่อมาสอนสั่งเป็นบางโอกาส
ภาพที่ออกมานับเป็นที่ชัดเจนยิ่ง หวังซ่งมาที่นี่เพื่อก่อปัญหาในหอมหาสมบัติสาขาเมืองกุยฉาง แต่กลับไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาเจอบุคคลระดับสูงขนาดนี้!
หวังซ่งที่กล่าวอธิบายไปดังนั้น ทว่าสีหน้าการแสดงออกของเซียวเฟิ้งยามนี้กลับไม่สู้นักเท่าไหร่นัก ถึงนี่จะดูคล้ายกับคำแก้ตัวเกินไป แต่เขาก็ยังแอบดีใจอยู่เล็กๆ
หวังซ่งเชื่ออย่างยิ่งว่า ในฐานะที่เป็นอาจารย์ย่อมเข้าข้างลูกศิษย์อยู่แล้ว!
“เด็กคนนั้นนามว่าเย่หยวน?”
เซียวเฟิ้งกล่าวขึ้นสีหน้าเคร่งขรึม
หวังซ่งที่ได้ท่าทีของเซียวเฟิ้งเปลี่ยนไปพลันหลงดีใจหนัก เขารีบพยักหน้าและกล่าวขึ้นอย่างเกลียดชังขึ้นทันที
“ถูกต้องแล้วท่าน ไอ้เด็กเหลือขอนี่แหละ เย่หยวน!”
ท่าทางการแสดงออกของเซียวเฟิ้งแปรเปลี่ยนอีกระลอก และหาได้สนใจหวังซ่งอีกต่อไป เขารีบตรงเข้ามาหาเย่หยวนและโพล่งกล่าวขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า
“โอ้ เจ้าคือเย่หยวนงั้นรึ? เราชายชราขอเรียกว่าน้องเล็กเย่ได้หรือไม่?”
ทุกคนถึงกับตะลึงงัน!
เซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขออนุญาตเรียกเย่หยวนว่า น้องเล็กเย่?
คนที่ตื่นตกใจที่สุดกลับมิใช่ใครอื่นนอกจากหวังซ่ง!
คนอื่นๆกลับไม่รู้จักเซียวเฟิ้งมาเป็นใครมาจากไหน แต่หวังซ่งกลับตระหนักถึงสภานะศักดิ์อันสูงส่งของชายชราผู้นี้ดีเยี่ยม!
แม้แต่ท่านเจ้าเมืองหลวงหวูเมิ่งยังต้องให้ความเกรงใจต่อเขาผู้นี้!
ภายในเมืองหลวงหวูเมิ่ง การจะหาเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากลับมิใช่เรื่องง่าย แต่ก็ใช่ว่าไม่มีเลย
ทว่าหากเป็นจุดสูงสุดแห่งจอมเทพโอสถสามดาว ภายในเมืองหวูเมิ่งกลับมีน้อยจนนับนิ้วได้!
กระทั่งหวังซ่งยังต้องนับถือในฐานท่านอาจารย์เหนือหัวเช่นกัน
แต่ท่านอาจารย์เหนือหัวผู้นี้ กลับกำลังขออนุญาตเรียกเย่หยวนว่าน้องเล็กเย่!
นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไป!
นอกจากนี้ น้ำเสียงของเซียวเฟิ้งที่กล่าวกับเย่หยวนยังแฝงไปด้วย..ความเคารพต่ออีกฝ่าย!
เซียวเฟิ้งผู้นี้กำลังลดศีรษะให้แก่เย่หยวนจริงๆ!
แน่นอนว่าเย่หยวนไม่เคยรู้จักกับเซียวเฟิ้งมาก่อน และชายชราผู้นี้ก็มิอาจหยั่งรู้ได้เลยเช่นกัน ยามได้ยินคำถามของอีกฝ่าย เขาเร่งผสานมือตอบกลับคงรักษากิริยาสุภาพไว้ว่า
“เกรงใจผู้อาวุโสแล้ว ผู้เยาว์ขอสอบถามเล็กน้อยได้หรือไม่ ท่านคงเป็นจอมเทพโอสถสามดาวที่หอมหาสมบัติส่งมา?”
เซียวเฟิ้งชะงักตกใจเล็กน้อยและกล่าวตอบว่า
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเราชายชรากำลังเดินทางมาหา? เรียกเราชายชราว่าเซียวเฟิ้งเถิด เป็นหัวหน้านักหลอมโอสถแห่งหอมหาสมบัติ อืมม…แล้วก็ยังเป็นอาจารย์รับเชิญของสถานศึกษาหวูเมิ่งอีกด้วย”
แลเห็นเย่หยวนจับจ้องไปที่หวังซ่งสลับกับตัวเขา เซียวเฟิ้งนึกเข้าใจได้จึงกล่าวอธิบายเสริมเติมต่อลงไป
แค่แรกพบก็ทำให้เขาประหลาดใจได้แล้ว ปฏิกิริยาท่าทางของเย่หยวนกลับดูสงบยิ่งเกินวัย ดูไม่แปลกใจอะไรแม้แต่น้อย ราวกับว่าเด็กคนนี้อ่านสถานการณ์ได้ขาด ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้หมดแล้ว
เย่หยวนเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อยและผสานมือกล่าวต่อว่า
“ท่านพกโอสถฟื้นฟูติดตัวมาบ้างหรือไม่?”
เซียวเฟิ้งตัวแข็งทื่อในทันใดเมื่อได้ฟัง แต่เมื่อเห็นหยางรุยที่นอนกองกับพื้นเจ็บหนักอยู่เบื้องหลัง เขาก็เข้าใจสถานการณ์ได้ทันทีและหยิบโอสถเม็ดหนึ่งออกมาให้เย่หยวนโดยไม่ลังเล
“หากเป็นฤทธิ์โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม เกรงว่าร่างกายของเขาไม่สามารถต้านทานได้ไหวเป็นแน่ ข้ามีโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสองชั้นสูงอยู่เม็ดหนึ่ง แต่ฤทธิ์ยังคงรุนแรงเกินไป ควรแบ่งกินไปก่อนสักครึ่งเม็ด ประสิทธิภาพโอสถที่ข้าหลอมกลั่นอาจไม่ดีนัก น้องเล็กเย่โปรดอย่าถือสา”
ยิ่งตอนท้ายประโยค เมื่อทุกคนได้ยินต่างตกใจจนลูกตาแถบถลนออกมา!
เซียวเฟิ้งผู้นี้เป็นถึงจุดสูงสุดแห่งจอมเทพโอสถสามดาว แต่ไฉนถึงต้องถ่อมตัวต่อหน้าเย่หยวนขนาดนี้กัน?
ในฐานที่เป็นจุดสูงสุดแห่งจอมเทพโอสถสามดาว โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสองชั้นสูงทุกเม็ดที่หลอมกลั่นล้วนทรงประสิทธิภาพ คุณสมบัติครบถ้วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...