จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1358

สรุปบท ตอนที่ 1358: จอมเทพโอสถ

อ่านสรุป ตอนที่ 1358 จาก จอมเทพโอสถ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1358 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction จอมเทพโอสถ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1358
ตอนที่1358 เห็นแสงสว่างทันใด!

“พวกตระกูลหวังมันตัวตลกชั้นดีโดยแท้ ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง สุดท้ายแทบต้องก้มกราบขอขมา!”

“หึ! ไม่รู้ธาตุแท้เลยว่านี่เสแสร้งหรือจริงใจ ขอโทษแบบนี้มีความเต็มใจบ้างหรือไม่?”

“พวกตระกูลหวังกลับหาดีไม่ได้สักคน คนน้องเป็นอย่างไร สันดานคนพี่กลับไม่ต่างกันเลย! คนน้องไร้ยางอายปราศจากมโนธรรม ส่วนผู้เป็นพี่คงไม่ดีกว่าเท่าไหร่!”

…………….

หวังซ่งในตอนนี้ถูกนินทาดูถูกต่างๆนาๆโดยฝูงชนรอบตัว การล้างแค้นแทนผู้น้องอันไร้มโนธรรม กลับเป็นเรื่องไร้สาระและไร้เหตุผลสิ้นดี

นี่คือความอัปยศอย่างไม่เคยมีมาก่อนในชีวิตของหวังซ่ง

ในสายตาของเขา เซียวเฟิ้งลำเอียงเข้าข้างเย่หยวนเกินไป ซึ่งนี่ทำให้เขาขุ่นเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง

เว้นเสียว่าสถานะของเซียวเฟิ้งในเมืองหลวงหวูเมิ่งกลับสูงส่งเกินไป ลืมไปเลนสำหรับเขา แม้แต่ผู้อาวุโสระดับสูงในตระกูลหวังยังมิกล้ายั่วยุล้ำเส้น

“หื้ม?”

เห็นว่าหวังซ่งยังคงนิ่งไม่เคลื่อนไหว เซียวเฟิ้งเค้นเสียงเย็นกระตุ้น

ทั่วทั้งร่างหวังซ่งสั่นพลันสั่นเทา เขาเอ่ยกล่าวอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิด

“น้องเล็ก เพราะครั้งนี้ข้าวู่วามเกินไป โปรดน้องเล็กให้อภัย!”

ไม่ว่าคำขอโทษนี้จะจริงใจหรือไม่ เย่หยวนก็สามารถมองผ่านอ่านออกทันทีเพียงปราดตาเดียว

คนที่มีจิตใจเย่อหยิ่งและเปี่ยมความเกลียดชังจนเป็นนิสัยเช่นนี้ มีหรือจะมองว่าตัวเองนั้นผิด?

ทันใดนั้น เย่หยวนร่วนหัวเราะคิดคักและกล่าวเสียงเย็นชืดว่า

“หุหุ ท่านเป็นถึงรองเจ้าเมืองหมิงหยาง เย่คนนี้ไม่คู่ควรตีสนิทชิดเชื้อกับท่านปานนี้จริงหรือไม่? ในภายภาคหน้า หากยังต้องการล้างแค้นเย่คนนี้ ข้าเองก็รออยู่เสมอ!”

เซียวเฟิ้งที่อยู่เคียงข้างจุ๊ปากค่อนข้างประหลาดใจ เย่หยวนคนนี้ค่อนข้างบ้าบิ่นอย่างมาก

ขุมพลังอำนาจของตระกูลหวังในเมืองหมิงหยาง เขาเองก็ควรตระหนักชัดแจ้งดีโดยธรรมชาติ

คนธรรมดาทั่วไปกลับไม่ควรไปท้าทายตระกูลใหญ่เลยสักนิด

วาจานี้ของเย่หยวนเปรียบเสมือน ลั่นคำประกาศสงครามกับตระกูลหวังทั้งหมด

หรือเป็นไปได้ไหมว่า เย่หยวนผู้นี้กลับงำประกายคมคายลึกล้ำกว่าที่เขาคิดไว้มาก? กลับเป็นจิ้งจอกมากเล่ห์กล ถึงกับมั่นใจว่าจะทำให้อีกฝ่ายก้มหัวได้เชียว?

เมื่อนึกถึงจุดนี้ เซียวเฟิ้งกลับสลัดความคิดนี้ออกจากหัวอย่างช่วยไม่ได้

พินิจจากอาณาจักรพลังความแกร่งกล้า เท่านี้กลับน้อยเกินไป

แต่หากเป็นเรื่องศาสตร์แห่งโอสถ ความสามารถของเด็กหนุ่มคนนี้ช่างน่าทึ่งอย่างยิ่ง หากสามารถทำให้เขายอมเข้าร่วมฝักฝ่ายกับหอมหาสมบัติได้ จะเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง อย่างน้อยที่สุดก็รับประกันได้ว่า เย่หยวนจะไม่มีอันตรายใดๆหลังจากนี้แน่นอน

หวังซ่งเผยท่าทีเก้อเขินขณะกล่าวขึ้นว่า

“ไม่เลย ไม่เลย ไฉนถึงคิดเช่นนั้น? ท่านอาจารย์ ในเมื่อไม่มีสิ่งใดค้างคา เช่นนั้นหวังซ่งขอลา”

“ไปเถอะ”

เซียวเฟิ้งเอ่ยตอบเสียงเย็นชืด

เห็นเซียวเฟิ้งกล่าวอนุญาตเช่นนั้น หวังซ่งคล้ายถูกปลดปล่อยและจากไปโดยไวประดุจบิน

สถานที่แห่งนี้ เขามิอาจหน้าด้านทนอยู่ได้นานไปกว่านี้แล้ว

ยามสิ้นสุดเรื่องตลกฉากใหญ่ หยางรุยก็เข้าต้อนรับเซียวเฟิ้งเข้าสู่หอมหาสมบัติอย่างเป็นทางการ

“หยางรุยคนนี้ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ผู้อาวุโสเซียวจะสละเวลาอันมีค่า ลงมาเยี่ยมเยือนเมืองเป็นการส่วนตัว ทว่าหยางรุยคนนี้กลับไม่สามารถต้อนรับท่านเป็นอย่างดีได้ แถมต้องยังเดือดร้อนท่านอีก โปรดอย่าได้ตำหนิข้าเลย!”

หยารุยกล่าวขึ้นอย่างสุภาพ

จนกระทั้งบัดนนี้ หยารุยก็ยังไม่เข้าใจว่า ไฉนบุคคลอย่างเซียวเฟิ้งถึงเดินทางมาที่เมืองกุยฉางเล็กๆแบบนี้ได้?

หากเป็นเพื่อศึกษาวิธีการหลอมกลั่นโอสถบ่มเพาะปราณโดยเฉพาะ นี่คล้ายจะทำการใหญ่เกินไปหน่อยรึไหม?

เซียวเฟิ้งยิ้มและกล่าวว่า

“ข้ามั่นใจว่าเจ้าเองก็คงรู้อยู่แก่ใจ ข้ามาที่นี่เพื่อมาหาน้องเล็กเย่ โอสถบ่มเพาะปราณชนิดนี้ลึกซึ้งเกินหยั่งถึง!”

เย่หยวนกล่าวว่า

“เย่คนนี้เองก็ตกตะลึงมิใช่น้อย ด้วยสถานะศักดิ์ของท่านปรมาจารย์ ถึงขั้นมาที่เมืองกุยฉางเล็กๆแห่งนี้ด้วยตัวเองจริงๆ ขอนับถือท่านปรมาจารย์จากใจ! เย่คนนี้เชื่อว่า สำหรับโอสถบ่มเพาะปราณชนิดนี้ ท่านที่เป็นจุดสูงสุดแห่งจอมเทพโอสถสามดาวน่าจะพอจับจุดอะไรได้บ้างแล้ว”

ต่อหน้าคำกล่าวที่หลุดออกจากปากเย่หยวนเช่นนี้ คล้ายว่าจอมเทพโอสถหนึ่งดาวกำลังสอนสั่งจอมเทพโอสถสามดาวอยู่ ไม่ว่าใครมาเห็นกลับดูจะไร้สาระเป็นอย่างมาก

เว้นเสียแต่ว่า ทั้งเซียวเฟิ้งและหยางรุยกลับรู้สึกว่าคำกล่าวเหล่านี้หาได้ผิดปกติอะไร

เซียวเฟิ้งเป็นจุดสูงสุดแห่งจอมเทพโอสถสามดาว ทว่าโอสถศักดิ์ระดับหนึ่งอย่างโอสถบ่มเพาะปราณกลับไม่สามารถหลอมกลั่นได้ นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า โอสถชนิดนี้มันน่าทึ่งเพียงใด

เพราะอันที่จริงแล้ว เย่หยวนไม่เคยรู้เลยว่า จอมเทพโอสามดาวนั้นน่าประทับใจขนาดไหน ขอบเขตในระดับชั้นนี้หวูเฉินยังไม่เคยพรรณนาให้เขาฟัง

จนกระทั้งเย่หยวนได้เห็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสองที่เซียวเฟิ้งหลอกลั่นขึ้นมาเอง ยามนี้เขาก็ตระหนักได้แล้วว่า นี่มิใช่สิ่งที่สามารถดูถูกได้เลยแม้แต่น้อย

“พวกเขาทุกคนดูท่าจะฉงนใจมิใช่น้อย น้องเล็กเย่…พวกเรามาเริ่มกันเลยดีหรือไม่?”

เซียวเฟิ้งกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

เย่หยวนหาได้มีเจตนาสานเรื่องราวต่อความยืดอันใด พร้อมกล่าวตอบไปตามตรงว่า

“หากผิดพลาดประการใด ท่านปรมาจารย์เซียวโปรดชี้แนะ!”

“พี่หวัง ในเมื่อหอมหาสมบัติได้รับสูตรโอสถบ่มเพาะปราณมา ไฉนเราไม่ไป…รายงานเรื่องนี้กับฝ่ายตำหนักเจ้าเมืองหลวงกันล่ะ!”

คู่ดวงตาพราวประกายสว่างขึ้นทันที หวังซ่งตบเข่าดังฉะและกล่าวตอบโดยไวว่า

“ไม่ต้องสงสัยเลย ฝ่ายตำหนักเจ้าเมืองหลวงไม่มีทางพับแขนงอขาอยู่เฉยๆแน่นอน! แต่ไม่ว่าอย่างไร ตราบใดที่ไอ้เด็กเหลือนั้นซ่อนตัวอยู่ในหอมหาสมบัติ พวกเขาเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้เช่นกัน!”

เฉินหย่งหนานถอนหายใจเสียงยาวพร้อมกล่าวว่า

“ในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงค่อยๆเป็นค่อยๆไปเท่านั้น”

……………………

วันเวลาผ่านไปอีกครึ่งปี

แม้แต่เซียวเฟิ้งยังไม่คิดไม่ฝัน ว่าเขาจะติดปัญหาในขั้นตอนสุดท้ายของการหลอมกลั่นโอสถบ่มเพาะพลังเกือบครึ่งปีเต็ม!

เมื่อได้ฟังเย่หยวนอธิบายเกี่ยวกับหลักการสำหรับหลอมกลั่นโอสถบ่มเพาะปราณ เซียวเฟิ้งพลันพบว่า ตนมีความเข้าใจต่อโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งลึกซึ้งขึ้นมากอย่างไม่น่าเชื่อ

ในทางตรงกันข้าม ยิ่งวันเวลาผ่านไป เขาก็ยิ่งค้นพบว่า สิ่งที่ตนไม่เคยรู้กลับมีมากขึ้นเรื่อยๆ!

ปรากฏว่า โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งยังมีเรื่องราวอันลึกซึ้งอีกมากมายให้ศึกษา!

ถึงขั้นที่ว่าเซียวเฟิ้งพลางคิดกับตัวเอง เขามองข้ามเรื่องเหล่านี้ไปได้อย่างไรในอดีต?

“เมื่อได้สนทนากับน้องเล็กเย่ ข้ารู้สึกว่า ตนได้รับประโยชน์มากมายเสียยิ่งกว่าฝึกปรือด้วยตัวเองนับสิบปี! น้องเล็กเย่ ครึ่งปีที่ผ่านมานี้…เจ้าทำให้เราชายชราได้เห็นแสงสว่าง!”

เซียวเฟิ้งกล่าวขึ้นพร้อมสีหน้าน้ำเสียงที่เปี่ยมล้นไปด้วยคำขอบคุณ

เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า

“ผู้อาวุโสเกรงใจแล้ว มีหลากหลายมุมเช่นกันที่เย่คนนี้ได้ขยายขอบเขตอันไกลโพ้น ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อเย่คนนี้เช่นกัน”

เย่หยวนมิได้เอ้ยปากชมเป็นมารยาท แต่ระดับชั้นจอมเทพโอสถสามดาว ต้องกล่าวเลยว่าเซียวเฟิ้งผู้นี้สมควรได้รับมันแล้ว

ความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งโอสถของเขาลึกซึ้งเสียยิ่งกว่าเย่หยวนอย่างชัดเจน

หลายสิ่งหลายอย่างในมุมมองของเขา ค่อนข้างกว้างไกลกว้างเย่หยวนมาก ยามได้สัมผัสแลกเปลี่ยนความรู้กัน เย่หยวนเองก็ได้ผลกำไรมิใช่น้อย

แท้ที่จริงแล้ว ครึ่งปีที่ผ่านมา ถือเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกันเสียมากกว่า

เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ เซียวเฟิ้งก็อดประหลาดใจมิได้เลย

ความเร็วในการเรียนรู้ของเย่หยวนค่อนข้างสูงมาก บางแง่มุมที่คลุมเครืออย่างมาก จนแม้แต่เขาไม่สามารถอุปมาอุปไมยได้ ทว่าเย่หยวนกลับสามารถเข้าใจได้ด้วยตนเอง!

ในที่สุดเซียวเฟิ้งก็ตระหนักได้แล้วว่า เหตุใด เย่หยวนถึงสามารถหลอมกลั่นโอสถบ่มเพาะปราณได้สมบูรณ์แบบขนาดนี้ ขณะที่เขาไม่สามารถหลอมกลั่นได้เลย!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ