เหนือกำแพงเมืองเอาเก่าแก่ กลิ่นอายอันน่าเกรงขามที่แพร่งพรายคล้ายประสบช่วงเวลาผันผวนมากมายของชีวิต ห้วงเวหาปรากฏคล้ายคลื่นพลังธารสายยาวทอดไกล รัศมีพรั่งพรูไสวไปมาประดุจมังกรร่างยักษ์ร่ายรำทั่วน่านนภา สรรพสิ่งภายใต้คลื่นพลังสายธารต่างรู้สึกครั่นคร้ามหวั่นเกรงเมื่อพบเห็น
พ้นผ่านประตูเมืองเข้าไป ปรากฏเป็นเมืองหลวงใหญ่สิวิไลไร้ขอบเขต ความงดงามของเมืองหลวงหวูเมิ่งแห่งนี้ จำต้องสัมผัสเองเท่านั้นถึงจะรู้ซึ้งซึมซาบเองได้!
เมื่อห่านเทียนเห็นเซียวเฟิ้งอีกครั้ง เขาก็อดอุทานขึ้นถามอย่างตกตะลึงมิได้
“ผู้อาวุโสเฟิ้ง ท่าน…ท่านดูเหมือนจะเก็บเกี่ยวอะไรใหม่ๆได้จริงๆ?”
รัศมีกลิ่นอายของเซียวเฟิ้งในปัจจุบัน แตกต่างไปจากก่อนที่จะออกเดินทางไปเมืองกุยฉางอย่างเห็นได้ชัด
คล้ายว่ารัศมีที่พรั่งพรูออกมาจากร่างกายของเขาจะลึกล้ำเกินหยั่งถึงยิ่ง
ไร้ซึ่งข้อกังขาใดอื่น ความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งโอสถของเซียวเฟิ้งพัฒนาขึ้นอีกขั้นแล้วจริงๆ!
แม้จะมิได้เพิ่มขึ้นมากจนสามารถเลื่อนระดับชั้นได้ทันที แต่นี่ก็เข้าใกล้กับจุดนั้นมากกว่าก่อนหน้าแล้ว
เซียวเฟิ้งกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มว่า
“หุหุ ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างที่ข้ากล่าวไว้ในคราแรก การเดินทางครั้งนี้ ข้าเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากมายเกินคาด!”
แม้ว่าคำตอบที่ออกจากปากของเซียวเฟิ้งยังค่อนข้างกำกวม แต่นี่กลับเพียงพอแล้วที่สามารถทำให้ห่านเทียนประหลาดใจได้
“เด็กหนุ่มนามเย่หยวนคนนั้นน่าทึ่งขนาดนั้นเชียว?”
ห่านเทียนเอ่ยถามด้วยความตกใจ
เซียวเฟิ้งพยักหน้าและกล่าวตอบทันทีว่า
“น่าทึ่งกว่าที่ท่านคิดมากนัก! เด็กคนนั้นเกิดมาเพื่อศาสตร์แห่งโอสถโดยเฉพาะ! ในแง่ประสบการณ์ความลึกซึ้ง เขาอาจด้อยกว่าข้า แต่หากเป็นเรื่องรากฐานความเข้าใจ ข้ากลับถูกเขาแซงหน้าไม่ติดฝุ่น!”
ลูกตาของห่านเทียนแทบถลนออกมาในบัดดลเมื่อได้ยิน วาจาคำกล่าวเหล่านี้ของเซียวเฟิ้งได้แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นยักษ์สุดปั่นป่วนกระหน่ำเข้าใส่จิตใจของเขา
สิ่งหนึ่งที่ควรทราบ ทุกคำกล่าวที่หลุดออกจากปากของเซียวเฟิ้งล้วนมีน้ำหนักยิ่งกว่าสิ่งใด!
ถึงแม้เซียวเฟิ้งผู้นี้จะเป็นชายชราผู้มีนิสัยอ่อนโยนและใจดี ทว่าความหยิ่งทะนงในศักดิ์สิทธิ์กลับฝังลึกถึงกระดูกดำ ณ จุดนี้ห่านเทียนตระหนักชัดแจ้งดีเยี่ยม
ทำงานร่วมกันก็นานหลายปี ห่านเทียนยังไม่เคยได้ยินเซียวเฟิ้งเอ่ยปากกล่าวยกย่องใครมาก่อนเลยสักครั้ง
แถมคราวนี้ ใครคนนั้นยังเป็นเพียงเด็กน้อยอาณาจักรปฐมพระเจ้าเท่านั้น!
อย่างไรก็ตาม สามารถทำให้ความเข้าใจของเซียวเฟิ้งลึกซึ้งขึ้นได้ภายในเวลาอันสั้นขนาดนี้ เพียงเท่านี้ก็มากเกินพอที่จะพิสูจน์แล้วว่า เย่หยวนคนนี้พิเศษแค่ไหน!
ห่านเทียนทราบดีว่า ความรู้ความเข้าใจของเซียนเฟิ้งหยุดนิ่งไร้ซึ่งการพัฒนามากว่าหนึ่งหมื่นปีเต็มแล้ว!
“แค่ได้ยินท่านกล่าวแบบนั้น ข้าก็รู้สึกสนใจเด็กคนนี้เป็นอย่างมากแล้ว! โอ้จริงสิ! มากความสามารถขนาดนี้ ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด! เขาอยู่ไหนงั้นรึ ไปเชิญเข้ามาเร็ว!”
ห่านเทียนเร่งรีบเอ่ยกล่าวด้วยตื่นอกตื่นเต้น
ทว่าเซียวเฟิ้งกลับคลี่ยิ้มขื่นและกล่าวว่า
“ข้าเกรงว่า จักต้องทำให้ท่านประมุขหอผิดหวังเสีย เด็กคนนั้น…ได้ตัดสินใจเข้าศึกษาต่อที่สถานศึกษาหวูเมิ่ง!”
ห่านเทียนอดสำลักมิได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น และกล่าวขึ้นว่า
“ผู้อาวุโสเซียง เด็กหนุ่มมีความสามารถขนาดนั้น แต่ไฉนถึงปล่อยให้หลุดมือได้?”
เซียวเฟิ้งถอนหายใจเฮือกใหญ่และกล่าวอย่างหมดหนทางเช่นกันว่า
“เฮ้ออ… เราชายชราทำดีที่สุกแล้ว ตลอดทางที่เดินทางกลับ ข้าพยายามหว่านล้อมกล่าวโน้มน้าวทุกวิถีทางแล้ว ทว่าเด็กนั้นกลับหัวรั้นยิ่งนัก เมื่อเขาตัดสินใจอะไรบางอย่างไปแล้ว ต่อให้จักรพรรดิหยกอยู่ตรงหน้าก็ไม่สามารถดึงเขากลับมาได้!”
ห่านเทียนที่ได้ฟังแบบนั้นพลางถอนหายใจตาม
“เฮ้อออ… ช่างน่าเสียดายโดยแท้!”
เซียวเฟิ้งกล่าวต่อว่า
“แต่ท่านประมุขหอไม่จำต้องผิดหวังเช่นนี้เลย เราชายชรากับเด็กคนนั้นมีความสัมพันธ์ค่อนข้างดี นับเป็นมิตรสหายร่วมอาชีพ เนื่องจากเห็นแก่หน้าเราชายชรา เขาจึงตกลงเป็นอาคันตุกะนักหลอมโอสถของหอมหาสมบัติต่อไป และที่สำคัญที่สุด ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา หยางรุยให้ความช่วยเหลือเด็กคนนี้มาตลอดทั้งในด้านที่พักพิง รวมไปถึงทรัพยากรระหว่างเก็บตัวมากมาย เย่หยวนยังถึงขั้นกล่าวเลยว่า ตนเป็นหนี้บุญคุณของหยางรุย ความสัมพันธ์ระหว่างหยางรุยกับเก็ดคนนี้ค่อนข้างแน่นแฟ้น ยากเกินจะตัดขาดดั่งคนแปลกหน้า ตลอดครึ่งปีที่เราชายชราอยู่ร่วมกับเขา กล้ากล่าวได้อย่างเต็มปากว่า เย่หยวนเป็นชายหนุ่มผู้ให้ความสำคัญต่อมิตรภาพมาเป็นอันดับหนึ่ง! ขนาดที่ว่ายอมเป็นปฏิปักษ์กับกลุ่มอิทธิพลใหญ่ เพื่อปกป้องมิตรสหาย ทำดีกับเด็กคนนี้ ย่อมส่งผลดีต่อพวกเราแน่นอนในอนาคต!”
หลังจากที่ได้ฟังเซียวเฟิ้งอธิบาย ห่านเทียนก็มีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย แต่เบื้องลึกในแววตายังมิอาจเก็บซ่อนความผิดหวังได้มิด
“หยางรุยงั้นรึ…เจ้าเด็กคนนั้นมันไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังเลยจริงๆ! บุคคลกรผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลสมควรต้องเชิดชูส่งเสริม! ในอนาคตต่อไปเขาจะต้องเป็นบุคคลสำคัญ เพื่อสานสัมพันธ์อันดีระหว่างเย่หยวนกับหอมหาสมบัติ! เลื่อนตำแหน่งให้หยางรุยขึ้นเป็นผู้ดูแลใหญ่ของที่นี่เลย”
ห่านเทียนกล่าวขึ้น
เซียวเฟิ้งยิ้มและกล่าวว่า
“หุหุ ท่านมีอำนาจเลื่อนตำแหน่ง แต่เขากลับยังไม่สามารถรับผิดชอบตำแหน่งใหญ่โตได้ไหว! ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแข็งแกร่หรือความอาวุโส เขายังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะรับตำแหน่งผู้ดูแลใหญ่ของที่นี่ได้ อย่างไรก็ตาม…เราเพียงสนับสนุนเขาจนกว่าจะถึงวันนั้นได้ เพียงเท่านี้ก็สามารถรักษาระดับความสัมพันธ์ระหว่างเย่หยวนกับหอมหาสมบัติได้แล้ว เราชายชราขอการันตี หากมีเย่หยวนอยู่ฝักฝ่ายเรา หอมหาสมบัติจะได้รับผลประโยชน์เกินจินตนาการ! โอ้ใช่แล้ว หยางรุยกับเย่หยวนเองก็ทำข้อตกลงระหว่างกันอยู่ หากเย่หยวนไม่ผ่านการทดสอบของสถานศึกษาหวูเมิ่ง หยางรุยจะขอให้เขาเข้าร่วมกันหอมหาสมบัติแทน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...