“ไฉนเจ้าถึงสนใจทำเนียบดาวเด่นอะไรนั่น? หากต้องการทรัพยากรไร้จำกัด มาเข้าร่วมกับหอมหาสมบัติก็ยังไม่สาย? หุหุ,ข้าหยอกเล่นน้องเย่อย่าได้ใส่ใจ อย่างไรก็ตาม หากการทดสอบเป็นการแข่งหลอมกลั่นโอสถกัน อย่าว่าแต่ทำเนียบดาวเด่นเลย แม้แต่ตำแหน่งศิษย์เอกพวกนั้นคงรีบประเคนให้! แต่การทดสอบนี้เป็นศาสตร์แห่งการต่อสู้นี่สิ…”
หยางรุยมิได้เอ่ยกล่าวอันใดต่อ แต่ความหมายในคำกล่าวเหล่านั้นชัดเจนมากแล้ว
ด้วยความแข็งแกร่งของเย่หยวน หากต้องการครอบครองตำแหน่งทำเนียบดาวเด่น เกรงกว่าดูจะไร้สาระเกินไป
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ข้าแค่ถามเท่านั้น พี่หยางอย่าได้คิดมากเลย!”
เขามิได้มีความคิดที่จะแช่งชิงตำแหน่งนี้กับใคร เพราะตระหนักดีว่าอาณาจักรพลังของตนยังค่อนข้างต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แต่เรื่องผ่านการทดสอบทั้งสามรอบ เย่หยวนเองก็พกความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม
นับตั้งแต่ที่มาถึงมหาพิภพถงเทียน ความสนใจทั้งหมดของเย่หยวนก็มุ่งอยู่กับเพียงการหลอมกลั่นโอสถและหลอมสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียน แต่มิใช่ว่าเขาจะทิ้งการฝึกปรือวรยุทธต่อสู้ไปเลย ถึงกระนั่นพัฒนาการกลับหยุดนิ่งและมิได้ก้าวหน้าขึ้นมานานแล้ว
ในเวลาเดียวกัน สาวน้อยในชุดสีเหลืองและหญิงชราเดินกระทืบเท้าสีดังตึงตังขึ้นมาที่ชั้นสองของโรงเตี๊ยมเฟิงหลาน
“ขอบพระคุณอย่างยิ่งที่พวกท่านเลือกใช้บริการกับทางเรา แต่เราบอกไปแล้วว่า ชั้นสองโต๊ะเต็มหมดแล้ว เราจะรีบหาโต๊ะใหม่ให้ในชั้นหนึ่ง!”
บริกรเร่งรุดวิ่งตามขึ้นมาและกล่าวบอกสาวน้อยเสื้อเหลืองด้วยรอยยิ้มสุดขมขื่น
ทว่าสาวน้อยในชุดเหลืองนางนี้กลับเมินบริกรคนนั้น เมื่อกวาดสายตามองสักสองสามรอบ ในที่สุดนางก็ปราดตรงเข้าไปที่โต๊ะของเย่หยวนอย่างรวดเร็ว
ปังงง!
สาวน้อยในชุดเหลืองตบแหวนเก็บของวงหนึ่งวางไว้บนกลางโต๊ะ และกล่าวขึ้นอย่างเอาแต่ใจว่า
“เจ้าหนู นี่โต๊ะของข้า! ภายในแหวนวงนี้มีผลึกปราณเทวะระดับต่ำห้าร้อยก้อน ส่วนบัญชีโต๊ะเรียกเก็บกับข้าได้เลย เจ้าเพียงรับแหวนวงนี้และไสหัวออกไปซะ!”
ความงดงามของสาวน้อยในชุดเหลืองนางนี้ช่างเป็นที่สะดุดตาทุกคนอย่างจัง
และดูเหมือนว่าทุกคนต่างก็รู้จักนางเป็นอย่างดี
“นั้นมัน…นางปีศาจน้อยแห่งตระกูลฉิน นางคนนี้เอาแต่ใจสิ้นดี หากเขาไม่ตามน้ำไปเกรงว่าประสบปัญหาเข้าให้แล้ว”
“เรื่องนี้กลับช่วยไม่ได้จริงๆ ใครจะไปรู้ว่านางจะเคลื่อนไหวในเวลานี้ หลายปีมานี้ เป็นจำนวนไม่รู้เท่าไหร่แล้วที่นางลงมือทำร้ายผู้อื่น”
“เจ้าหนุ่มนั้นซวยโดยแท้ ดูจากการแต่งการคงมาจากเขตเมืองชนบท เฮ้ออ…เพิ่งมาเมืองหลวงครั้งแรกกลับวิ่งชนเข้ากับฉินเป่ยอวี่เสียแล้ว น่าสงสารนัก”
………………..
ฝูงชนโดยส่วนใหญ่ตระหนักชัดดีถึงตัวตนของสาวน้อยในชุดเหลืองนางนี้ ทุกคนต่างเหลือบมองเย่หยวนด้วยความเห็นอกเห็นใจ
เย่หยวนเงยหน้าช้อนสายตาจับจ้องไปที่ฉินเป่ยอวี่ พลันเหลียวมองแหวนเก็บของบนโต๊ะ ทันใดนั้นก็เอ่ยปากกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า
“แม่นาง เมื่อเอาไปแล้ว ทั้งหมดจะเป็นของข้า?”
เมื่อเหล่าฝูงชนโดยรอบที่เฝ้าสังเกตการณ์เห็นแบบนั้น ทุกคนก็อดผิดหวังมิได้
ทั้งสองฝ่ายต่างเป็นชายหนุ่มและหญิงสาว วัยประมาณนี้มีหรือจะยอมลดศีรษะให้กัน?
แน่นอนว่าทุกคนต่างคาดหวังจะได้รับชมละครสักฉากหนึ่ง แต่ใครจะไปคิด เย่หยวนกลับไม่สู้คนขนาดนี้
ฉินเป่ยอวี่ไม่แม้แต่จะปกปิดสีหน้าการแสดงออกของนาง เมื่อได้ฟังวาจาแสนขี้ขลาดดังนั้น ก็ยิ่งมองเย่หยวนด้วยสายตาสุดรังเกียจและดูถูกหยามเหยียด นางกล่าวเสียงเย็นตอบว่า
“แน่นอน! ทั้งหมดนี้มีผลึกปราณเทวะระดับต่ำห้าร้อยก้อน ทั้งหมดเป็นของเจ้า จะไปไหนก็ไป”
เย่หยวนพยักหน้าตอบพลางผลักแหวนเก็บของกลับไป เขากล่าวตอบด้วยรอยยิ้มเช่นเดิมว่า
“แม่นาง ภายในแหวนวงนี้มีผลึกปราณเทวะระดับต่ำห้าร้อยก้อน รับมันไปแล้วรีบๆไสหัวไปซะ เสียเวลาข้ารับประทานอาหารยิ่งนัก”
เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น ทุกคนรอบข้างต่างตะลึงงันในบัดดล
ถูกย้อนทันควันเช่นนี้ กระทั้งพวกเขายังไม่ทันตอบสนอง!
แต่ชั่วครู่ต่อมา ทุกคนต่างทราบทันที วันนี้มีละครฉากใหญ่ให้รับชมกันแล้ว
การตอบโต้ของเย่หยวนแม้เรียบง่าย แต่กลับตอกฉินเป่ยอวี่หน้าเงย
แน่นอน สีหน้าการแสดงออกของฉินเป้ยอวี่แปรเปลี่ยนในทันใด นางตะคอกขึ้นด้วยความโกรธว่า
“ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้ากล้าไม่เชื่อฟังคำสั่งคุณหนูผู้นี้? เจ้าทราบหรือไม่ว่าคุณหนูผู้นี้เป็นใคร? เพียงกระดิกนิ้ว ชีวิตอันไร้ค่าของเจ้าก็ดับมอดลงได้ในทันที!”
ไม่เพียงจะล้ำเส้นหาเรื่องคนอื่น ทั้งยังตัดสินชีวิตผู้คนเล่นดั่งผักปลาแบบนี้ กล่าวตามสัตย์จริง เย่หยวนรู้สึกรังเกลียดฉินเป่ยอวี่อย่างมาก
เย่หยวนสันนิฐานได้ทันที คงมีหลายชีวิตไม่น้อยที่ตายลงด้วยน้ำมือของนาง
“นายน้อยผู้นี้ไม่รู้จักและไม่อยากรู้จักเช่นกัน จะไปไหนก็ไป อย่ายืนขวางหูขวางตาเช่นนี้ ข้ากินอาหารไม่ลง”
เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมโบกมือไล่สองสามที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...