จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1363

สรุปบท ตอนที่ 1363: จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1363 – ตอนที่ต้องอ่านของ จอมเทพโอสถ

ตอนนี้ของ จอมเทพโอสถ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1363 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1363 เซี่ยะจิ่งอวี๋
ตอนที่ 1363 เซี่ยะจิ่งอวี๋
โดย
Ink Stone_Fantasy
ทั้งตระกูลฉินและหวังซ่ง ต่างเฝ้ากันผลัดเวรสังเกตการณ์อยู่หน้าหอมหาสมบัติตลอดเวลา หวังให้เย่หยวนออกมาในเร็ววัน

แต่พวกเขาเฝ้าสังเกตการณ์มานานกว่าครึ่งปีแล้ว ทว่าเย่หยวนก็ไม่ยอมออกมาเสียที

หลังที่กลับจากโรงเตี๊ยมเฟิงหลาน เย่หยวนก็เข้าสู่การเก็บตัวในทันที

ก่อนการทดสอบ เย่หยวนจำเป็นต้องเพิ่มเติมเสริมความแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว

ยิ่งเขาทราบรายละเอียดการทดสอบมากเท่าไหร่ เย่หยวนก็รู้สึกว่าการสอบคัดเลือกในครั้งนี้กลับมิใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด เขาเองรู้สึกกดดันอย่างมากเช่นกัน

ภายในโลกแห่งศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ เขากำลังศึกษาเพลงดาบเลื่องสวรรค์อยู่อย่างบ้าคลั่ง

นี่คือสุดยอดวรยุทธ์บ่มเพาะพลังของเซียนเต๋าสวรรค์ที่สลักบันทึกอยู่ในศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ มันคือสิ่งที่ เย่หยวนในอดีตไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลยแม้สักนิดเดียว

ทว่าตอนนี้ เย่หยวนที่สามารถหลอมสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียนขึ้นมาได้ นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งถึง ขอบเขตความรู้ความเข้าใจอันไกลโพ้นไร้สิ้นสุดของเย่หยวนในปัจจุบัน ตัวเขาในตอนนี้เหนือกว่าตนเองในอดีตไม่รู้กี่ร้อยเท่าพันเท่า ดังนั้นแล้ว วรยุทธ์บ่มเพาะพลังอย่างเพลงดาบเลื่องสวรรค์จึงไม่เหมาะสมกับเย่หยวนอีกต่อไปแล้ว

เหตุที่เย่หยวนหยิบเพลงดาบเลื่องสวรรค์เข้ามาศึกษา ทั้งหมดก็เพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์บางส่วนและสร้างเต๋าแห่งดาบที่เป็นของเขาขึ้นมาเอง!

แม้ว่าวรยุทธ์ต่อสู้ของเผ่ามังกรจะทรงพลัง แต่เย่หยวนก็ยังรู้สึกว่า ฤทัยแห่งฟ่านจู้หลงของเขายังมีข้อจำกัดอยู่ในหลายจุด ในแง่ความเสถียรยั่งยืน เขาควรสร้างวรยุทธต่อสู้ที่เป็นของตัวเองไปเลยจะดีที่สุด

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจยืนหยัดด้วยสองเท้าและเรียนรู้ศึกษาเต๋าในทันที!

ปัจจุบันขอบเขตความเข้าใจของเย่หยวนค่อนข้างกว้างใหญ่ไพศาลมากแล้ว แต่ในแง่ของศาสตร์แห่งดาบกลับหยุดนิ่งมานานมากแล้วเช่นกัน

วรยุทธ์ต่อสู้และเพลงดาบอันทรงพลังอย่างยิ่งในดินแดนพฤกษานิรันดร์ แต่กลับมิได้ทรงพลังอย่างที่คิดในมหาพิภพถงเทียนแห่งนี้

ท้ายที่สุดนี้ ความแตกต่างระหว่างดินแดนที่จอมเทพนิรันดร์สร้างขึ้นกับมหาพิภพถงเทียน นั้นมีมากจนเกินไป

ดินแดนพฤกษานิรันดร์ที่อยู่ในยุคเสื่อมโทรม เต๋าและแนวคิดความเข้าใจกลับมีข้อบกพร่องอยู่แล้วตั้งแต่แรก ส่งผลให้วรยุทธ์บ่มเพาะพลังและวรยุทธต่อสู้ไม่สมบูรณ์

“ท่านอาวุโส เพลงดาบเลื่องสวรรค์นี้กลับเต็มไปด้วยข้อบกพร่องมากมายเหลือเกิน!”

เย่หยวนคลี่ยิ้มขื่นเอ่ยปากขึ้น

“นั่นเป็นที่แน่นอน! แม้ว่าเพลงดาบนี้จะมีต้นกำเนิดมาจากศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ แต่คนที่นำไปดัดแปลงต่อยอดอีกที กลับมีความเข้าใจน้อยนิดดุจเส้นขนวัวเพียงหนึ่งเส้น! หากเจ้าบ่มเพาะฝึกปรือด้วยเพลงดาบชุดนี้ ความสำเร็จของเจ้าจะค่อนข้างจำกัดมาก!” หวูเฉินกล่าว

“ความเข้าใจของข้าในปัจจุบันต่อศาสตร์แห่งดาบกลับตื้นเขินเกินไป ต่อให้มีหุบเขาถงเทียนจำลองช่วยอีกแล้ว แต่ข้าก็ไม่สามารถหลอมสร้างแห่งดาบที่เป็นของตัวเองได้เลย!” เย่หยวนกล่าวขึ้นอย่างไร้หนทาง

ในอดีต ศาสตร์แห่งดาบของเย่หยวนยังเป็นจุดสูงสุดแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์อย่างแท้จริง ขุมพลังพลานุภาพของเพลงดาบในแต่ละกระบวนท่าช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

ทว่าตอนนี้ เย่หยวนกลับเป็นราวกับเด็กทารกที่เดินโซเซไปมา

หวูเฉินกล่าวตอบว่า

“ดังนั้นการที่เจ้าเข้ามาศึกษาต่อที่สถานศึกษาหวูเมิ่งจึงเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว! สถานที่แห่งนั้นคือแหล่งรวมตัวของเหล่าอัจฉริยะ ทั้งนี้ยังมีวรยุทธ์การต่อสู้มากมายหลากแขนงที่เหล่าผู้อาวุโสรุ่นลายครามทิ้งไว้ให้ศึกษา”

เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า

“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น หวังว่าวรยุทธ์ต่อสู้ของสถานศึกษาหวูเมิ่งจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

ครึ่งปีที่ผ่านมา เย่หยวนฝึกปรือจนสำเร็จเพลงดาบเลื่องสวรรค์ในบทแรกได้อย่างสมบูรณ์แล้ว

ในศาสตร์แห่งการต่อสู้เอง เย่หยวนก็พัฒนาตนเองจนถึงสูงจุดสูงสุดแห่งอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลางแล้วเช่นกัน ติดเพียงปัญหาคอชวดเล็กน้อย เขาก็จะสามารถเลื่อนระดับชั้นไปได้

ตั้งแต่อาณาจักรพระเจ้าขั้นไป ระบบการบ่มเพาะพลังบนเส้นทางแห่งการต่อสู้กลับแตกต่างจากเก้าอาณาจักรพลังชนชั้นสามัญโดยสิ้นเชิง สิ่งนี้เป็นอะไรที่ใหม่มากสำหรับตัวเย่หยวน หากใช่ปัญหาคอขวดอย่างในอดีตที่เคยพบเจอมา เขาจึงไร้ซึ่งประสบการณ์ไม่สามารถจับจุดอะไรได้เลย

ยังโชคดีที่บัญญัติเทพแห่งถงเทียนเป็นวรยุทธ์บ่มเพาะพลังอันท้าทายสวรรค์ยิ่ง ปัญหาคอขวดที่เย่หยวนเผชิญพบกลับทะลวงฝ่าได้ง่ายกว่าของคนอื่นมาก

ในตอนนี้ เขาเอื้อมเตะถึงประตูอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นปลายแล้ว มีโอกาสเลื่อนระดับชั้นได้ทุกเมื่อ

….

ในที่สุด วันทดสอบก็มาถึง!

“พี่หยาง เย่คนนี้ต้องขอขอบพระคุณอย่างยิ่งที่ดูแลข้าเสมอมา!”

เย่หยวนผสานมือคำนับให้หยางรุย

หยางรุยหัวร่อเบาๆและกล่าวว่า…

“เจ้าเด็กคนนี้ไฉนปากไม่เป็นมงคล? พวกเรามิได้แยกจากกันไปไหน จากกันร้อยลี้สักวันย่อมพบกันอีก แต่ข้าเองก็ต้องขอบใจเจ้าเช่นกัน หากไม่มีเจ้าข้าคงมิได้เป็นว่าที่ผู้ดูแลใหญ่เช่นกัน!”

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“ท่านสมควรได้รับมันแล้วพี่หยาง! ส่วนเรื่องของหวางหรู ยังไงก็ฝากท่านดูแลนางด้วย”

การทดสอบกินเวลานานมาก แถมหากถ้าผ่านได้แล้วจะกลับออกมาพบเจออีกคราก็ไม่รู้ว่าเมื่อใด คงไม่เป็นที่สะดวกนักถ้าเย่หยวนนำเหลียงหวางหรูไปด้วย จึงทำได้เพียงฝากนางไว้กับหอมหาสมบัติเอาไว้ก่อน

หยางรุยยิ้มและกล่าวว่า

“เจ้าวางใจได้เลย! ก่อนจากกันข้าขอให้เจ้า…สอบไม่ผ่าน!”

เย่หยวนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนหัวเราะคิดคักออกมาทันที

เย่หยวนไม่ลังเลพร้อมตรงเข้าเสาะหาที่นั่งดอกบัวหมายเลขดังกล่าวทันที

ที่นั่งดอกบัวมีความกว้างความยาวประมาณหนึ่งฉื่อ กอปรขึ้นด้วยค่ายกลลวงตาเสมือนจริงชนิดหนึ่ง

เย่หยวนนั่งลงบนนั้นและเริ่มขัดสมาธิทันที

“น้องชาย เจ้าถูกคนในตระกูลบังคับให้มาเป็นตัวแถมใช่ไหม?”

ยังไม่ทันได้ฝึกญาณทำสมาธิ จู่ๆก็มีชายหุ่นท้วมที่นั่งข้างๆเอ่ยปากเปิดหัวข้อสนทนากับเย่หยวนทันที

ยังไม่ถึงครึ่งชั่วยามดี เหล่าผู้สมัครหลั่งไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่ทุกคนที่ได้ที่นั่งแล้ว ล้วนเริ่มจับกลุ่มพูดคุยกัน

ได้ยินเสียงของชายท้วมที่นั่งข้างๆเอ่ยถาม เย่หยวนพลันหันมองทันทีอย่างอดมิได้

เห็นได้ชัดว่าชายหุ่นท้วมคนนี้เป็นคนที่มีอัธยาศัยดีเข้ากับผู้คนได้ง่าย มองเย่หยวนปั่นหน้างงอย่าชั่วขณะ ชายหุ่นท้วมกล่าวต่ออย่างยิ้มแย้มว่า

“ข้านามว่าเซี่ยะจิ่งอวี๋จากเมืองเหอผิง เอ่อ…อย่ามองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไฉนท่านพ่อถึงตั้งชื่อข้าแบบนี้เช่นกัน หากให้ข้าเดา ตอนข้าอยู่ในครรภ์ ท่านพ่อคงคิดว่าได้บุตรสาวกระมัง แหะ…แหะ… จะว่าไปเจ้าชื่ออะไรรึ?”

เย่หยวนลอบขำเล็กน้อยเมื่อได้ยินชายหุ่นท้วมกล่าวแบบนั้น ก่อนกล่าวติบด้วยรอยยิ้มว่า

“ข้านามว่าเย่หยวน”

“ฟังดูดี! ดูดีจริงๆ! เป็นชื่อที่ดูดีมาก ไม่เหมือนกับของข้า! โอ้ใช่แล้ว เจ้าถูกบังคับมาเป็นตัวแถมใช่หรือไม่?”

เซี่ยะจิ่งอวี๋กล่าว

“ตัวแถม?” เย่หยวนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ถูกต้อง! ข้ามิได้ดูถูกเจ้า แต่ด้วยความแกร่งกล้าของเจ้าไม่เกินสองสามวันแรกก็ตกรอบแล้ว หากมิใช่มาเป็นตัวแถมจะมาเพื่ออันใด?” เซี่ยะจิ่งอวี๋กล่าว

เย่หยวนเพียงยิ้มตอบแต่มิได้เอย่อธิบายใดๆ เซี่ยะจิ่งอวี๋พลางกล่าวกับตัวเองว่า

“เฮ้ออ…แม้ข้าจะแข็งแกร่งกว่าเจ้าเล็กน้อย แต่เมื่อถึงวันที่ห้าหรือหก ข้าคงตกรอบตามเจ้าไปแน่นอน ข้าขอบอกเลย ใจจริงข้าไม่อยากจะมาเลยสักนิด แต่ตาแก่นั้นดันขู่ข้าว่า หากไม่ยอมมา เขาจะหาหญิงสาวที่หน้าตาน่าเกลียดที่สุดในเมืองเหอผิงมาให้ข้า! สวรรค์ ไม่ฆ่าข้าเลยเสียดีกว่ารึ?”

เย่หยวนตระหนักทีว่า ชายหุ่นท้วมคนนี้คือตัวฮาประจำกลุ่มแน่นอน เข้ากับคนอื่นง่ายนับเป็นมิตรที่ดีคนหนึ่ง

“วันที่ห้าหรือหก? ท่านเป็นถึงเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นปลาย ไฉนถึงประเมินตัวเองว่าอยู่ได้ไม่กี่วัน รู้สึกว่ารอบแรกคือ พลังสวรรค์ กระมัง?” เย่หยวนเอ่ยถามอย่างฉงนใจ

…………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ