เซี่ยะจิ่งอวี๋จงใจกล่าวทิ้งท้ายเพื่อทำให้ดูน่าติดตาม
“โปรดชี้แนะ!” เย่หยวนกล่าว
เขาทราบกันดีว่าการทดสอบจะมีทั้งหมดสามรอบคือ พลังสวรรค์,สังหารปฐพีและมายาลวงตา แต่ละด่านมีความสามารถเปี่ยมล้นในการกวาดล้างผู้คนจำนวนมากตกรอบได้ แต่สำหรับรายละเอียดเชิงลึกกลับมิทราบ ไม่ว่าจะเป็นเซียวเฟิ้งหรือหยางรุยก็ตาม โดยมิทราบว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ทว่าพวกเขากลับหลีกเลี่ยงที่จะอธิบายในจุดนี้
เย่หยวนตระหนักดีว่า พวกเรามีแรงจูงใจอย่างไรถึงเลือกที่จะทำแบบนี้ ซึ่งเขาเองก็มิได้บังคับเช่นกัน
“ในการทดสอบแต่ละรอบจะสามารถคัดคนนับล้านได้อย่างไร? ตัวกรองชั้นแรกที่ทรงประสิทธิภาพยิ่ง ด่านพลังสวรรค์! คนที่สามารถผ่านรอบนี้ไปได้ล้วนแต่ต้องเป็นยอดอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ!”
อันที่จริงแล้ว ผู้ที่มีคุณสมบัติส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมการทดสอบ แต่เดิมก็ล้วนเป็นอัจฉริยะอยู่แล้วในโลกภายนอก แต่การทดสอบแรกอย่างด่านพลังสวรรค์ ถูกจัดขึ้นเพื่อคัดกรองและกวาดล้างเหล่าอัจฉริยะที่ด้อยประสิทธิภาพ!
ภายในใจของเย่หยวนปั่นป่วนขึ้นทันควันและกล่าวว่า
“จำนวนผู้ตกรอบนี้มีประมาณเท่าไหร่?”
เซี่ยะจิ่งอวี๋กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มสุดขมขื่นว่า
“มากกว่าเก้าในสิบส่วน! โดยทั่วไปแล้ว หลังเสร็จจากรอบนี้ไป กลุ่มคนที่ผ่านการทดสอบล้วนแต่เป็นเซียนอาณาจักรปฐมพระชั้นปลาย หรือไม่ก็อาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดไปเลย! ส่วนที่เหลืออย่าหวังที่จะผ่านไปได้”
เย่หยวนที่ได้ฟังแบบนั้นก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ เขาไม่คาดคิดเลยว่า แค่อุปสรรคแรกจะหฤโหดได้ขนาดนี้แล้ว!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชายหุ่นท้วมคนนี้บอกว่า ตัวเขากับเย่หยวนมาที่นี่เพื่อเป็นเพียงตัวแถมเท่านั้น
“เช่นนั้นแล้ว…ท่านจะยอมแพ้หรือไม่?” เย่หยวนเอ่ยถาม
ตะลึงก็ส่วนตะลึง แต่ความแน่วแน่ของเย่หยวนยังคงมั่นคงหนักแน่นเช่นเดิม
สุดท้ายนี้ เขาก็ยังคงมั่นใจอย่างมาก…ว่าตนจะสามารถผ่านด่านแรกไปได้แน่นอน!
ชื่อด่านว่า พลังสวรรค์ ฟังดูอาจจะน่ากลัว แต่อาณาจักรพลังของผู้เข้าร่วมการทดสอบทุกคนจะถูกบีบให้เท่าเทียมกัน แต่นั่นก็ยังมีช่องว่างความแตกต่างบ้างเล็กน้อย
ภายใต้กฎเกณฑ์ในข้อนี้ ในสายตาของเย่หยวนจึงไม่ต่างอะไรกับสนามเด็กเล่นเลย!
ไม่ว่าเมืองหลวงหวู่เมิ่งจะทรงอานุภาพน่ากลัวเพียงใด แต่ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่จะมียอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าในวัยเท่านี้โผล่ออกมา
เย่หยวนที่ได้ดูดซับเต๋าจากหุบเขาถงเทียนจำลองมาโดยตรง ลืมยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าไปได้เลย ต่อให้เป็นยอดเซียนอาณาจักรเทพถ่องแท้ ในแง่ของความล้ำลึกของเต๋า เขาเองก็ไม่ลังเลที่จะเทียบเคียงเช่นกัน
ดังนั้นแล้ว นี่คือความมั่นใจที่สุดที่เขายึดเหนี่ยวไว้!
เว้นเสียแต่ว่า เย่หยวนจะพยายามฝ่าฟันด้วยตนเองเสียก่อน หากเกิดเหตุอันใดที่ทำให้เขาตกสู่สถานการณ์จนมุมจริงๆ ยามนั้นค่อยเรียกใช้ขุมพลังของหุบเขาถงเทียนจำลองก็ยังไม่สาย
หากเขาไม่สามารถเอาชนะมันได้ด้วยตนเอง คงจำเป็นต้องโกง
เพราะเย่หยวนทราบดี หากเขาตกรอบในครั้งนี้ จะไม่เหลือความหวังอะไรอีกแล้ว
เย่หยวรรู้สึกได้ว่าชายหุ่นท่วมคนนี้ค่อนข้างเป็นมิตรและน่าสนใจยิ่ง จึงเป็นเหตุให้เอ่ยถามแบบนี้ขึ้นมา
“แน่นอนว่าข้าไม่คิดที่จะยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม แต่แม้ความแข็งแกร่งของข้าจะสูงกว่าเจ้าเล็กน้อย ทว่าโอกาสผ่านเข้ารอบกลับแทบไม่มีในท้ายที่สุด อย่างไรก็ตาม…ข้าจะพยายามให้ถึงที่สุด!”
เซี่ยะจิ่งอวี๋กล่าวขึ้นอย่างไม่ท้อถอย
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ด่านพลังสวรรค์มีการจำกัดอาณาจักรพลังเอาไว้ แต่นี่ก็มิได้หมายความว่าทุกคนจะเท่าเทียมกันโดยสมบูรณ์ หากผู้ใดไร้ซึ่งความมุ่งมั่นคิดประมาทกลับพ่ายลงโดยง่ายเช่นกัน! ข้าคิดว่าจุดประสงค์ที่สถานศึกษาหวูเมิ่งสร้างด่านทดสอบนี้ขึ้นมา กลับมิได้เฟ้นหาแค่คนเก่ง แต่ต้องการคนที่ไม่ย้อท้อต่อความสิ้นหวัง! เพราะผู้เข้าร่วมทดสอบโดยส่วนใหญ่กลัวตายและพ่ายแพ้ จึงไม่กล้าทุ่มพลังท้าทายสวรรค์ นี่เป็นสาเหตุหลักที่พวกเขาถูกกำจัดทิ้งไป มิฉะนั้นด่านนี้จะมีชื่อว่า พลังสวรรค์ได้อย่างไร?”
เซี่ยะจิ่งอวี๋จับจ้องไปที่เย่หยวนด้วยความประหลาดใจ ร่องรอยสีหน้าของความสิ้นหวังค่อยๆจางหายไป เขาไม่คิดเลยว่า คำกล่าวเหล่านี้จะออกมาจากปากของเย่หยวนจริงๆ
เยาวชนน้อยคนนี้มีอาณาจักรพลังต่ำกว่าของเขา แต่กลับรับรู้และเข้าใจได้ถึงอะไรบางอย่าง!
“สิ่งที่เจ้ากล่าวไปล้วนถูกต้องแล้ว! ข้าจะไม่ยอมแพ้! และไม่คิดเช่นนั้นอีกแล้ว! ข้าจะพิสูจน์ให้ซิ่วเอ๋อเห็นว่า ข้าผู้นี้คือสุภาพบุรุษที่แท้จริง!”
เซี่ยะจิ่งอวี๋กล่าวขึ้นพร้อมเปลวไฟแห่งความมุ่งมั่นที่ลุกโชกช่วง
ได้ฟังปณิธานเช่นนี้ เล่นเอาเย่หยวนเสียศูนย์ชั่วขณะ มิทราบจะร้องไห้หรือเสียใจดี
ในเวลานั้นเอง ชายชราผู้หนึ่งเดินขึ้นเวทีให้หน้าลานจัตุรัสกว้าง พร้อมตะโกนเสียงดังฟังชัดออกมาหนึ่ง
“เงียบ!”
เสียงนี้ช่างทรงพลังประดุจสายฟ้าฟาด ทำเอาผู้คนนับล้านในจัตุรัสสงบปากสงบคำในทันใด
“การทดสอบรอบที่หนึ่ง พลังสวรรค์ กำลังจะเริ่มแล้ว รอบนี้คือการทดสอบศาสตร์แห่งการต่อสู้ของพวกเจ้า! พลังสวรรค์จะหลั่งไหลเข้าสู่กายผ่านที่นั่งดอกบัว หากใครไม่สามารถทนนั่งได้ไหวก็จงบีบป้ายไม้ในมือเจ้าให้แตก และเจ้าจะถูกส่งกลับไปยังที่เจ้ามาทันที แน่นอนหากฝืนเกินกำลังอาจทำให้ตายได้เช่นกัน! อาณาจักรพลังจะถูกจำกัดอยู่ในค่าเฉลี่ย พลังสวรรค์จะคงอยู่ในร่ายกายเจ้าเป็นเวลาสามสิบวันโดยไม่มีหยุดพัก นอกจากนี้ยิ่งเวลาผ่านไปพลังสวรรค์จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ! เอาล่ะ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน หากใครคิดว่าตนเองไม่ไหวแน่นอนก็จงบีบป้ายไม้ได้เลยในตอนนี้! มิฉะนั้น…อาจถึงตาย!”
คำกล่าวของชายชราผู้นี้คล้ายค้อนยักษ์หนักพันล้านตันทุบเข้าใส่กลางใจของทุกคน
โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย คำเสียงเน้นหนักยิ่งบีบคั้นหัวใจผู้คนจนแทบหายใจไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...