ในปีก่อนหน้า จำนวนคนที่ถูกส่งกลับมามีค่อนข้างน้อย แต่ครั้งนี้กลับมีคนถูกส่งกลับมามากมายไม่หยุดหย่อน
“เจ้าบังเอิญวิ่งชนเข้ากับเจ้าดาวพิฆาตนั้น?”
“เปล่าเลย! ข้าไม่รู้ว่าเจ้านั้นมันใช้กลยุทธ์อันใด ทั้งๆ ที่ข้าซ่อนตัวแนบเนียนที่สุดแล้ว แต่มันก็ยังตามจนเจอ!”
“ข้าเองก็เช่นกัน! ดาวพิฆาตคนนี้กลับเหี้ยมโหดเกินไป ข้าอยู่ห่างจากตัวมันมาก เรียกได้ว่าแทบไม่มีโอกาสตามจับทัน ทว่าท้ายที่สุดกลับหนีจากเงื้อมมือมันมิได้!”
“เจ้ายังไม่รู้เรื่องอันใด หลังจากตอนนั้นเป็นต้นมา ตราบเท่าที่เขาเจอตัว หากใครทำลายจี้หยกไม่ทัน นั้นเท่ากับตายอย่างไร้ปรานี! ข้านับว่าโชคดีมากที่บดขยี้จี้หยกกลับมาได้”
หลังจากที่ศิษย์คนหนึ่งถูกส่งกลับมายังแท่นบูชาด้านนอก เขาก็จับกลุ่มสนทนากับเหล่าศิษย์คนอื่นๆ ที่ถูกเย่หยวนจัดการไปก่อนหน้า
เมื่อกล่าวถึงเย่หยวน สีหน้าการแสดงออกของพวกเขาแลดูหดหู่สุดขีด เป็นปรากฏการณ์ที่น่าแปลกนัก ศิษย์จำนวนกว่าหลายพันคนบนแท่นบูชากำลังเสวนาพูดคุยอย่างดุเดือดเกี่ยวกับเรื่องของเย่หยวน ณ เวลานี้ไม่มีใครไม่พูดถึงเขา
ในงานชุมนุมร้อยเมืองครั้งนี้ เย่หยวนได้สำแดงพลังที่แท้จริงออกมา กลางแสงไฟส่องสว่างไปที่เย่หยวนตัวคนเดียวอย่างโดดเด่น ในขณะที่แทบทุกคนที่เหลือต่างตกอยู่ภายใต้เงาของเขา
ในเวลานั้นเองร่างมายาสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นบนน่านฟ้า เขาก็คือซวนหลิง!
ซวนหลิงกวาดสายตาจับจ้องเล็กน้อยพลางเอ่ยเสียงเรียบว่า “หมดเวลา! ทุกคนจงกลับมา!”
คล้อยหลังเขาสะบัดแขนเสื้ออย่างแรง บนแท่นบูชนทั้งหมดติดไฟสว่างวาบและเรียกศิษย์ที่เหลือทั้งหมดกลับมา
วิสัยทัศน์ของเย่หยวนโดยรอยพร่าเบลอชั่วขณะ ยามได้สติฟื้นตัวอีกที เขาก็กลับมายังแท่นบูชาแล้ว
“เย่หยวนเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้า…เจ้ามิได้จัดการทุกคนจนเกลี้ยงจริงๆใช่ไหม?” เจ้าท้วงเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย
เมื่อเย่หยวนตัดสินใจป่าวประกาศท้าทายทุกคน เขาก็พาเจ้าท้วมซ่อนตัวในสถานที่ลับแห่งหนึ่ง เย่หยวนทราบดีว่าตระกูลฉินมีเล็งเป้ามาที่เขาแน่นอนในครั้งนี้ และมันคงเสี่ยงมิได้น้อยหากพาเจ้าท้วมติดตามมาด้วย ในตอนนี้งานชุมนุมร้อยเมืองได้จบลงแล้ว เจ้าท้วมกับเย่หยวนได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้งข้างนอกโดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ศิษย์น้องเซี่ยสนิทสนมกับศิษย์น้องเย่มากที่สุด แต่กลับไม่ทราบถึงวีรกรรมอันน่าทึ่งในครานี้ของเขา?”
เจ้าท้วมกันได้ยินนั้นพลันหันควับจ้องเขม็งมองเย่หยวน ก่อนอุทานลั่นสุดประหลาดใจ
“เจ้า…เจ้า…เจ้าทำได้จริงๆรึ?”
ไม่ต้องรอให้เย่หยวนเอ่ยปาก ศิษย์บนแท่นบูชากล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มทันทีว่า “ได้ยิ่งกว่าได้นัก! เย่หยวนเพียงลำพังสามารถกำจัดศิษย์ชั้นนอกของเมืองหลวงจั้วเซียงทั้งสิบหกคนที่รุมโจมตีได้! ไม่เพียงแค่นั้นเขายังเอาชนะจินอวี้ อันดับหนึ่งแห่งงานชุมนุมร้อยเมืองครั้งล่าสุดอีกด้วย! พูดแล้วก็ช่างน่าขัน หลังสัประยุทธ์เดือดเสร็จสิ้นต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บสาหัส พวกที่ยืนดูอยู่รอบนอกกลับหน้าด้านไร้ยางอายหวังใช้โอกาสนี้จัดการเย่หยวน แต่เป็นฝ่ายพวกนั้นแทนเสียที่วิ่งเตลิดหนีตายจ้าละหวั่น!”
ยามมีโอกาสเอ่ยปากเล่าอธิบาย ศิษย์คนนั้นจงใจพูดเสียงดังจนได้ยินเป็นวงกว้าง
เหล่าศิษย์คนอื่นยังพอทำเนาหลบหน้าหลบตาเล็กน้อย แต่พวกศิษย์จากเมืองหลวงจั้วเซียงที่อยู่ใกล้ๆ สีหน้าสลดขั้นหนัก พวกเขาอยากอาเจียนออกเป็นโลหิตเสียเหลือเกินเมื่อได้ยิน ในขณะที่เหล่าศิษย์ของฝ่ายเมืองหลวงหวูเมิ่งต่างระเบิดหัวเราะลั่นอย่างชอบอกชอบใจ คราวนี้พวกเขารู้สึกสะใจเปี่ยมปีติยิ่งยวด!
งานชุมนุมร้อยเมืองจัดขึ้นทุกๆสามร้อยปี และตลอดที่ผ่านมาเมืองหลวงหวูเมิ่งมักตกเป็นเป้าของเมืองหลวงจั้วเซียง พร้อมกับความสูญเสียและความอัปยศที่ได้รับสุดน่าสังเวช แต่ครั้งนี้เย่หยวนกลับประกาศกร้าวหนึ่งต่อสิบหก เขายืนหยัดโดยตัวเดียวและสามารถโค่นพวกนั้นทั้งสิบหกลงได้อย่างสิ้นท่า สิ่งนี้จะไม่ทำให้เหล่าศิษย์จากเมืองหลวงหวูเมิ่ง สุขใจได้อย่างไร?
ขณะที่เจ้าท้วมได้ฟังดังนั้น เขาก็สะดุ้งโหย่งกระโดดขึ้นและชี้นิ้วไปทางเย่หยวนเอ่ยกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าสหายคนนี้ทำตัวเด่นเกินไป! ทั้งๆที่ตอนนั้นข้าบอกว่าจะไปกับเจ้า แต่เจ้ากลับไม่พาข้าไปด้วย! ภาพฉากอันงดงามขนาดนั้น ข้าเอง.. ฮึก ฮึก… ข้าเองก็อยากเห็นกับตา ข้าพลาดไปจริงๆ ฮึก..ฮึก…”
ร่องรอยความโศกเศร้าปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของเจ้าท้วม เขารู้สึกเสียดายจริงๆที่พลาดโอกาสอันแสนหายากเช่นนี้ไป
“หากเจ้าไป ปานนี้คงเป็นศพนานแล้ว!” ทันทีทันใด สุ้มเสียงของหลินซิ่งพลันเปล่งดังจากด้านหลัง ทำเอาเจ้าท้วมสะดุ้งโหย่งเป็นคำรบสองด้วยความตกใจ
“ซิ่งเอ๋-อ…ศิษย์พี่หญิงอาวุโสท่านมาตอนไหน?” เจ้าท้วมอุทาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...