เย่หยวนได้ทราบจากไป๋เฉินว่า สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายสิงโตตัวนี้มีชื่อว่า สิงโตมายา
เมื่อเห็นภาพฉากนี้ เย่หยวนก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นไปใหญ่
ปลอกคอนั้นที่สิงโตมายาคล้องสวมอยู่คล้ายว่าจะมีพลังวิเศษบางอย่าง ถึงขั้นที่ว่าสามารถควบคุมเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ดั่งใจอิสระ
“นายน้อยไป๋เฉิน ข้าสงสัยยิ่งนักปลอกคอนี้คงเป็นของวิเศษกระมัง?” เย่หยวนเอ่ยถาม
ไป๋เฉินยิ้มและกล่าวว่า “นี่เรียกว่าหวงคล้องวิญญาณจักรพรรดิ เรื่องเช่นนี้มนุษย์ธรรมดาอย่างเจ้าไม่ทราบก็หาใช่เรื่องแปลก มันเป็นถึงเครื่องรางวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง ตราบใดที่ข้าหยดโลหิตลงไปบนสิ่งนี้ และคล้องใส่อสูรปีศาจตนใด มันก็จะยอมรับข้าในฐานะเจ้านายทันที แต่แน่นอนว่าพวกมันคงไม่ยอมง่ายๆ ข้าคงต้องปราบปรามมันให้สิ้นฤทธิ์เสียก่อน ถึงจะทำตามแบบนี้กล่าวไปได้”
เย่หยวนแอบประหลาดใจไม่น้อย เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ดินแดนนภาบรรพตแห่งนี้จะมีวิธีหลอมสร้างเครื่องรางที่น่าอัศจรรย์ได้ขนาดนี้
เมื่อเห็นท่าทีอยากรู้อยากเห็นของเย่หยวน ไป๋เฉินพลันคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าอยากขึ้นขี่หน่อยรึไหม? ถือซะว่าสัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต?”
เย่หยวนส่ายหัวไปมาพร้อมยิ้มตอบว่า “น่ากลัวเกินไป ข้าไม่ควรขี่จะดีกว่า”
“ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กนี่คงเป็นพวกบัณฑิตที่เอาแต่หมกตัวกระมัง ความกล้าของเจ้ายังคงน้อยเกินไป! อย่าได้กลัวไปเลย ยามนี้สิงโตมายาถูกทำสัญญาแล้ว มันไม่มีทางโจมตีผู้คนแน่นอน!” เหล่าศิษย์สาวกที่ติดตามไป๋เฉินมาต่างหัวเราะเยาะเขา
เย่หยวนเพียงระบายยิ้มอ่อนและมิได้เอ่ยกล่าวอันใดอีก หาใช่ว่าเขาไม่อยากนั่ง แต่เขาไม่กล้าที่จะนั่ง หากเขานั่งบนร่างของสิงโตมายาตัวนี้ มันคงไม่กลัวจนมุดหัวหนีเลยรึ?
เหตุผลที่ไป๋เฉินสามารถโค่นสิงโตมายาลงได้อย่างไร้ซึ่งปัญหา ทั้งหมดก็เพราะแรงคุกคามที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างเย่หยวน ปัจจุบันร่างกายของเย่หยวนมีชั้นรัศมีที่จำลองมาจากเต๋าแห่งดินแดนนภาเทวะ ดังนั้นแล้วสัตว์ประหลาดพวกนี้จึงไม่กล้าทำร้ายเย่หยวน และอีกประการหนึ่งคือ สิงโตมายาสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงขวัญสุดขีดที่แฝงอยู่ในร่างกายของเย่หยวนได้
สายเลือดมังกรซึ่งเป็นเผ่าอสูรในกายเย่หยวนมีระดับชั้นสูงส่งอย่างหาที่เปรียบไม่ นอกจากนี้ยังมีขุมพลังอันมหาศาลที่เขาสะกดไว้อยู่ภายในตัวอีก ที่สิงโตมายาพุ่งโจมตีเย่หยวนอย่างดุร้ายหาใช่เพราะต้องการขู่ให้เย่หยวนกลัว แต่มันกลัวเย่หยวนจนสัญชาตญาณสั่งให้ป้องกันตัว ที่เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น เย่หยวนสันนิษฐานว่าเป็นเพราะสายเลือดมังกรของเย่หยวนเป็นเผ่าอสูร ดังนั้นเมื่อสิงโตมายาเจอกลิ่นอายที่มิใช่ของเผ่ามันจึงเข้าโจมตีใส่
ระหว่างการต่อสู้ก่อนหน้า เย่หยวนยังคงพินิจวิเคราะห์พร้อมประเมินความแข็งแกร่งของไป๋เฉินเสร็จสรรพ แม้เขาคนนี้จะเพิ่งบรรลุอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นต้น แต่เพลงทวนและไหวพริบนับว่าไม่เลว ทว่าหากต้องการปราบปรามสิงโตมายา เกรงว่าฝีมือยังคงขาดตกอยู่หลายส่วน
ในอีกด้านหนึ่ง โม่หยุนยังคงเฝ้าระวังเย่หยวนอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เย่หยวนคนนี้โผล่มาจากไหนไม่ทราบ มนุษย์ธรรมดาจะอยู่กลางป่าพฤกษารกร้างที่เต็มไปด้วยสัตว์ปีศาจอันน่าเกรงขามมากมายได้อย่างไร? เย่หยวนคนนี้ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่นอน
วูบ! วูบ! วูบ!
ทันใดนั้นเองเงาร่างนับหลายสิบพลันกระโจนพุ่งออกมาจากป่าทึบ พร้อมเข้าล้อมไป๋เฉินและกลุ่มของเขาเสร็จสรรพไร้ซึ่งทางหนี
“ฮ่าๆๆ…ไป๋เฉิน! ข้ารอโอกาสนี้มาเนิ่นนานแล้ว! วันนี้เป็นวันตายของเจ้า!” ร่างเล็กเปล่งเสียงดังชัดระเบิดหัวลั่นไม่หยุด
สีหน้าการแสดงออกของไป๋เฉินแปรเปลี่ยนทันควัน น้ำเสียงเยียบเย็นเอ่ยขึ้นว่า “ไป๋ชง นี่หมายความอย่างไร?”
ไป๋ชงแสยะยิ้มสุดน่ารังเกียจและกล่าวว่า “หมายความอย่างไรอย่างนั้นรึ? ทั้งๆที่ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า อายุประสบการณ์ก็มากกว่า แต่ไฉนกลับเป็นเจ้าที่ได้ขึ้นเป็นนายน้อย! และข้ากลับกลายเป็นสุนัขรับใช้ใต้เท้าเจ้า! ข้าไม่มีทางยอมแน่นอน! ข้านี่แหละจะขึ้นเป็นนายน้อยและปกครองวังเทวะรัตติกาลฉายต่อในอนาคต!”
โม่หยุนคำรามด่าอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ไป๋ชงเจ้าบ้าแล้วรึ?! มิใช่นิสัยสองหัวของเจ้าที่ลอบช่วยเหลือวังเทวะพิรุณร่วงโรยก่อนจึงถูกตัดสิทธิ์? ตอนนี้เจ้าคือศัตรูของพวกเราวังเทวะรัตติกาลฉายแล้ว!”
ไป๋ชงหัวเราะเยาะไม่หยุดหย่อนและกล่าวด้วยน้ำเสียงสุดเย็นชาขึ้นว่า “แล้วอย่างไร? ตราบที่ข้าได้ตำแหน่งนายน้อยมา เรื่องพวกนี้ยังมีความหมายอันใด?”
ด้านหลังไป๋ชงปรากฏเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง เขาเหลียวมองไปทางโม่หยุนและหัวเราะเยาะพลางกล่าวว่า
“โม่หยุน เจ้าคงคาดไม่ถึงมาก่อนเลยใช่ไหม? เหอะ เหอะ อย่าถือโทษตำหนิว่าพวกเราไม่ให้โอกาส ฆ่าไป๋เฉินซะแล้วเราจะยอมให้เจ้าเข้าร่วมกับวังเทวะพิรุณร่วงโรย! ด้วยความแกร่งกล้าของเจ้า เจ้าย่อมได้รับตำแหน่งสำคัญแน่นอนภายในนั้น”
ทว่ายามนี้โม่หยุนกลับหาได้สนใจชายวัยกลางคนนั้นเลย แต่กลับหันขวับจ้องเขม็งใส่เย่หยวนทันทีและกล่าวว่า“เจ้านี่เอง! นี่เป็นสายลับของวังเทวะพิรุณร่วงโรย! มิฉะนั้นแล้วคนธรรมดาทั่วไปจะมาอยู่กลางป่ากลางเขาในนี้ได้อย่างไร?” ทั่วร่างของไป๋เฉินสั่นสะท้านหนัก ก่อนเหลียวมองเย่หยวนอย่างไม่กล้าเชื่อสายตา
“นี่…นี่เจ้า! เจ้านี่ช่างกตัญญูตอบแทนพวกเราได้ดีเหลือเกิน!” ไป๋เฉินชี้นิ้วใส่หน้าเย่หยวนและคำรามลั่นกล่าวด้วยความขุ่นแค้นแสนขมขื่นใจ
“หึ! ข้าเฝ้ามองเขามานานแล้ว เด็กหนุ่มคนนี้หาใช่สามัญชนทั่วไป แต่เป็นยอดฝีมือซ่อนคม! รัศมีบนร่างกายของเขาคล้ายมีเครื่องรางบางอย่างคอยปกปิดพลังไว้อยู่!” โม่หยุนกล่าวอธิบายอย่างเย็นชา
เย่หยวนคิดไม่ถึงเลยว่า โม่หยุนจะชี้หอกชี้เป้ามาใส่เขาแบบนี้ ยามนี้แสร้งปั้นหน้าไม่รู้เรื่องพร้อมเอ่ยตอบด้วยท่าทีไร้เดียงสาไปว่า “ข้าไม่ใช่สายลับจริงๆ! เจ้าพวกนั้นก็น่าจะเป็นพยานให้ข้าได้จริงไหม?” คนที่เย่หยวนพาดพิงเอ่ยถึงก็คือไป๋ชง นี่คือเป็นสถานการณ์วิกฤตเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของพวกไป๋เฉิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...