เย่หยวนสัมผัสได้ถึงขุมพลังเกินหยั่งถึงได้ในเบื้องหน้า ร่างกายของเขาราวกับถูกผูกติดไว้กันมวลเมฆาไม่สามารถดิ้นหลุดให้หลุดพ้นออกไปได้
“นี่มันพลังปฐพี! เจ้าเมืองหลวงหวูเมิ่งถึงขั้นออกโรงมาเอง!”
สุ้มเสียงของหวูเฉินเปล่งดังออกมาจากห้วงความคิดของเย่หยวน
หัวใจของเย่หยวนเปรียบเสมือนจมดิ่งสู่ก้นหุบเขาในทันใด สิ่งที่เขาเป็นกังวลที่สุดก็คือเจ้าเมืองหวูเมิ่งคนนี้ และไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะออกโรงเคลื่อนไหวจริงๆ!
เดิมทีเขาคิดว่าท่านเจ้าเมืองคงไม่ต้องการที่จะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด!
ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าเมืองหลวงหวู่เมิ่งกับตระกูลฉินดูท่าจะแน่นแฟ้นกว่าที่คิดไว้
เย่หยวนตระหนักทราบทันที ตนไม่สามารถหนีไปไหนได้อีกต่อไป และยอมแพ้ไม่ต่อต้านอันใดในท้ายที่สุด
ในเวลานี้เองในที่สุด พวกฉินจ้าวหยุนทั้งสามก็จับตัวเย่หยวนได้
ยามเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ฉินจ้าวหยุนพลันระเบิดหัวเราะลั่นและกล่าวว่า
“ไอ้หนู หนีเก่งนักมิใช่รึ? ไฉนไม่หนีเสียแล้ว!”
เย่หยวนเค้นเสียงเย็นกล่าวว่า
“ตาแก่ เจ้ากินฝุ่นอยู่ท้ายนายน้อยผู้นี้จนพุงกาง ยังมีหน้ามาพล่ามอีกงั้นรึ หน้าด้านเสียจริง!”
สีหน้าของฉินจ้าวหยุนมืดทมิฬลงทันที เขาคำรามลั่นอย่างเดือดดุว่า
“ไอ้เด็กเวร! เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
ฉินจ้าวหยุนมิกล่าวอันใดต่อ และฟาดฝ่ามือใส่เย่หยวนโดยตรง
บูมมม!
อานุภาพทำลายล้างช่างหนักหน่วง กระสุนพลังอัดใส่เย่หยวนพัลวันวิปลาส เขามิอาจเลี่ยงหลบกระบวนโจมตีนี้ได้เลย
“พร๊วดดด!”
เย่หยวนกระอักพ่นเลือดสดออกมาเต็มคำ ร่างปลิวกระเด็นดั่งว่าวไร้เชือกควบคุม
แต่ยังดีที่มีพลังปฐพีคอยยับยั้งร่างของเขาอยู่โอบรอบสารทิศ ทำให้ลอยเคว้งอยู่เช่นนั้นไม่ลู่ลมดิ่งพสุธาลงไป
หากมิใช่เพราะพลังปฐพีนี้ เย่หยวนคงดิ่งพสุธาตายคาที่ไปแล้ว
“เหอะ ว่าไงไอ้เด็กเวร ไม่หยิ่งผยองดั่งก่อนหน้าแล้วรึไง?!”
แลเห็นกระบวนโจมตีตนเองประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม คล้ายได้ระบายอารมณ์คลายใจอย่างมาก
“ไอ้สุนัขแก่ ข้าจักสลักจำเอาไว้! นายน้อยผู้นี้จักเอาคืนเป็นร้อยพันเท่าในอนาคต!”
เย่หยวนกัดฟันแน่นกรอดด้วยความอาฆาตจัด
“เหอะ เหอะ ไอ้เด็กเวรนี่ยังฝันกลางวันอยู่กระมัง? ตอนนี้ท่านเจ้าเมืองฉินเซียวออกโรงเองแล้ว ยังคิดว่าจะหนีตายรอดออกไปได้?”
ฉินจ้าวหยุนเอ่ยกล่าวขึ้น
ช่วงเวลานี้เองที่ได้ฟังคำกล่าวของฉินจ้าวหยุน มิใช่แค่เย่หยวนเท่านั้น ทว่าสีหน้าของทั้งจ่าวอี้และเหวินอี้หยางเองก็พลันเปลี่ยนไปเช่นกัน
ท่านเจ้าเมืองแซ่ฉิน!
เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็คลี่คลาย!
ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไฉนตระกูลฉินถึงยิ่งใหญ่ดั่งเรียกฟ้าสั่งฝนได้ ถึงขั้นที่ว่าเจ้าเมืองออกโรงมาปราบปรามตระกูลอื่นๆเป็นการส่วนตัว
ไยตระกูลฉินจึงอวดดีนักหนา ในขณะที่เจ้าเมืองกลับเลือกที่จะเมินเฉย
เพียงแซ่สกุลของเจ้าเมืองก็สามารถอธิบายได้ทุกอย่าง!
“จ้าวหยุน เจ้ากล่าวมากเกินไปแล้ว!”
เสียงแผดเย็นดังสะท้านขึ้น ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวย่างออกมาจากห้วงอากาศ
สายตาที่จับจ้องของเย่หยวนผันแปรดูจริงจังขึ้นทันควัน ชายวัยกลางคนผู้นี้คือ คนเดียวกับที่เขาเห็นในระหว่างการสอบเข้า!
เมื่อเห็นฉินเซียว สีหน้าการแสดงออกของฉินจ้าวหยุนพลันเปลี่ยนไปทันทีโดยมิตั้งใจ เขาโค้งคำนับพร้อมกล่าวว่า
“รับทราบท่านเจ้าเมือง จ้าวหยุนคนนี้ตระหนักถึงความผิดของตนแล้ว!”
ฉินเซียวเค้นเสียงเย็นคำโตและเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเย็นว่า
“เราเจ้าเมืองผู้นี้เป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลฉิน ไม่นับเป็นสมาชิกตระกูลฉินแต่อย่างใด เช่นนั้นทุกคนที่ได้ยินในวันนี้ จงปิดปากให้สนิท จะมิได้รับอนุญาตให้กล่าวถึงอีก!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของฉินเซียวที่จับจ้องเข้ามา ทั้งเหวินอี้หยางและจ่าวอี้ต่างเร่งโค้งคำนับตามกันและกล่าวว่า
“รับทราบท่านเจ้าเมือง!”
ในเมืองหลวงหวูเมิ่งนี้ ฉินเซียวแทบไม่เคยแสดงตัวต่อหน้าผู้คนมาก่อน และไม่มีใครสักคนทราบถึงแซ่สกุลที่แท้จริงของฉินเซียวมาก่อนเช่นกัน
กว่าหนึ่งแสนปีแล้ว ฉินเซียวได้รับความเมตตามากมายจากตระกูลฉิน จึงทำให้เขาประสบความสำเร็จได้อย่างในปัจจุบัน
วันเวลาผ่านไปนานเกินไปจนไม่มีใครจดจำได้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...