บูมมม!
คลื่นพลังสุดน่าสะพรึงกระเพื่อมคลั่งรุนแรง ส่งร่างพวกฉินจ้าวหยุนทั้งสามกระเด็นออกไป
โชคยังดีที่พวกเขาทั้งสามอยู่ห่างออกไกลพอสมควร มิฉะนั้นเพียงคลื่นแรงปะทะที่ระเบิดคลั่งออกไป มันมากพอแล้วที่จะสังหารทั้งสามทิ้ง
ศึกสัประยุทธ์ระหว่างยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้านั้นทรงพลังอย่างยิ่งยวด
สายตาที่จับจ้องของฉินเซียวแปรเปลี่ยนดูตั้งใจขึ้นทันควัน ยามนี้สีหน้าการแสดงออกค่อนข้างประหลาดใจนัก
ฉินเซียวกล่าวขึ้นสีหน้าจริงจังว่า
“นั่นเจ้าจริงๆ!”
ผู้มาถึงอีกคนกล่าวน้ำเสียงเย็นชืดว่า
“มิใช่ข้าแล้วยังเป็นใครได้อีก?”
ฉินเซียวครี่ยิ้มบางพลางส่ายหัวและกล่าวขึ้นว่า
“ข้าไม่คิดไม่ฝัน แม้แต่ห่านเทียนยังไม่สามารถเลื่อนระดับชั้น แต่เจ้ากลับทะลวงขึ้นไปได้ก่อนจริงๆ! ไม่น่าแปลกใจ เจ้าเก็บตัวสันโดษมานานหลายสิบปี สุดท้ายเลื่อนระดับกลายเป็นอาณาจักรราชันพระเจ้า!”
พวกฉินจ้าวหยุนเห็นร่างนั้นหันเข้าเผชิญหน้ากับฉินเซียวระยะไกล ความประหลาดใจพลันสาดสะท้อนออกมาจากสายตาของพวกเขาในทันใด ไม่มีสิ่งใดน่าประหลาดใจไปยิ่งกว่านี้อีกแล้ว!
ไม่เคยนึกไม่เคยฝัน คนๆนี้จะสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้จริงๆ!
ในเมืองหลวงหวูเมิ่งแห่งนี้ มีเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นอยู่สี่คน ทุกคนต่างทราบตระหนักดี ทั้งสี่คนนี้เป็นบุคคลผู้มีโอกาสทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้ามากที่สุด
แต่ในบรรดาทั้งสี่ ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนสักนิดว่า คนที่เป็นไปได้น้อยที่สุดกลับสามารถเลื่อนระดับชั้นได้จริงๆ!
บุคคลนี้มิใช่ใครอื่นนอกเสียจาก หัวหน้านักหลอมโอสถแห่งหอมหาสมบัติผู้ปลีกวิเวกเก็บตัวอยู่ตลอดหลายสิบปี เซียวเฟิง!
นับทศวรรษแห่งความโดดเดี่ยว ทำให้หลายต่อหลายคนแทบลืมบุคคลนี้ไปโดยสิ้น
อย่างไรก็ตามแต่ ยามนี้ออกจากการเก็บตัวในท้ายที่สุด เขากลับบรรลุอยู่เหนือชั้นกว่าในบรรดาทั้งสี่เสียแล้ว
พวกฉินจ้าวหยุนทั้งสามต่างจ้องร่างเซียวเฟิงเขม็ง สีหน้าการแสดงออกของพวกเขาเปี่ยมล้นความอิจฉาและคำถามมากมาย
ไฉนถึงเป็นเซียวเฟิงคนนี้แต่มิใช่พวกเขา?
เซียวเฟิงกล่าวเสียงเย็นสะท้านขึ้นว่า
“สำหรับเราชายชราที่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้ ทั้งหมดต้องยกความดีความชอบให้แก่สหายน้อยเย่หยวน หวังว่าท่านเจ้าเมืองจะมอบทางออกให้แก่สหายน้อยข้าในครั้งนี้?”
ทันทีที่วาจาคำกล่าวเหล่านี้ดังขึ้น สีหน้าของทุกคนรวมถึงฉินเซียวถึงกลับเปลี่ยนไปทันที
เซียวเฟิงทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้ ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเย่หยวนจริงหรือ?
ไม่น่าแปลกใจสักนิด ที่ไฉนหอมหาสมบัติถึงให้ความสำคัญขนาดนี้กับเย่หยวน ถึงขั้นประมุขหอออกโรงมาปกป้องเป็นการส่วนตัว ทั้งหมดเป็นเพราะเหตุนี้นี่เอง!
ในตอนนั้นเซียวเฟิงดูท่าจะเดินทางไปยังเมืองชนบทกุยฉาย จากนั้นก็ป่าวประกาศขอปลีกวิเวกเก็บตัวมาโดยตลอด
หรือเป็นไปได้ไหมว่า…เย่หยวนจะมีพลังอาคมอะไรบางอย่าง จึงสามารถช่วยให้เซียวเฟิงทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้?
ฉินจ้าวหยุนทั้งสามสบตามองกันไปมา แววตาสาดสะท้อนแววอิจฉาดั่งเพลิงแผดเผา
ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้า วาจาคำนี้ช่างเย้ายวนพวกเขาเกินไป
แววตาหรี่แคบลงทันใด เขากล่าวขึ้นประดับรอยยิ้มจาง
“ตามกฎของท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์ของเรา บัญญัติไว้ว่า ตราบใดที่เจ้าเลื่อนระดับชั้นขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้า ย่อมเป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่จะอาศัยอยู่ในเมืองหลวงหวูเมิ่งอีกต่อไป เจ้าว่าจริงหรือไม่?”
สีหน้าของเซียวเฟิงมืดทมิฬลง เขากล่าวว่า
“หลังจากเรื่องนี้ผ่านพ้น ข้าเซียวเฟิงย่อมลาจากโดยธรรมชาติ ทว่ายามนี้เกี่ยวพันถึงสหายน้อยเย่หยวน เราชายชราขอปกป้องเขาให้ถึงที่สุด!”
มิเช่นนั้นหากหอมหาสมบัติถือครองขุมกำลังระดับชั้นราชันพระเจ้าไว้ เจ้าเมืองหลวงจะถูกลดทอนความสำคัญลง ดังนั้นนี่เป็นวาจาของเจ้าเมืองหรือจักรพรรดิเทพสวรรค์กันแน่?
กลิ่นอายคุกคามระเบิดคลั่งออกจากกายาของฉินเซียว สีหน้าการแสดงออกของเซียวเฟิงแปรเปลี่ยนดูเคร่งเครียดขึ้นทันที
แม้เซียวเฟิงจะกลายมาเป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้า แต่เขาก็เพิ่งเลื่อนระดับผ่านได้หมาดๆ
ในขณะที่ฉินเซียวขึ้นเป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้ามาไม่รู้กี่ปีแล้ว
หากเปิดศึกสัประยุทธ์หวังตายไปข้างจริงๆ เซียวเฟิงมิใช่คู่มือแน่นอน
สีหน้าของเซียวเฟิงมืดลงอย่างมาก เขาเอ่ยกล่าวขึ้นว่า
“ขอเพียงเจ้ายอมปล่อยเย่หยวน ไม่ว่าต้องการสิ่งใดจงระบุมา!”
ฉินเซียวแสยะยิ้มกล่าวตอบเสียงเย็นว่า
“เจ้าไม่มีคุณสมบัติมาตั้งข้อตกลงกับเราเจ้าเมือง วันนี้เจ้าจักต้องยอมมอบตัวเย่หยวนแต่โดยดี มิเช่นนั้น ตั้งแต่บัดนี้ หอมหาสมบัติสาขาเมืองหลวงหวู่เมิ่งปิดร้านถาวร!”
เซียวเฟิงสังสังเกตเห็นชัดแจ้ง ฉินเซียวคนนี้หยิ่งผยองเกินไปนัก และเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะยอมปล่อยเย่หยวนง่ายๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...