การมาของกำลังเสริมในคราวนี้ทำให้กองทัพปีศาจแทบพังทลายแตกพ่าย หมดสิ้นทุกความหวัง
ในขณะเดียวกัน กองทัพมนุษย์ถาโถมเข้าใส่กองทัพของฝ่ายปีศาจทันที
กลยุทธ์ปิดล้อมเช่นนี้หากใช่สงครามไม่ แต่เป็นการไล่ฆ่าอยู่ฝ่ายเดียวเสียมากกว่า
วันแล้ววันเล่าระหว่างศึกพัลวันกับเผ่าปีศาจ สุดท้ายพวกมันจำต้องถึงคราวล่มสลาย
กำลังเสริมของฝ่ายมนุษย์ที่โหมเข้ามาในครั้งนี้ ได้ผลักดันกองทัพของเผ่าปีศาจถึงทางตัน
ณ ด้านบนกำแพงเมืองขณะนี้ สายตาที่สาดสะท้อนออกของซิ่วเหล่ยเผยแววสิ้นหวังออกมา เมื่อเห็นทัพกำลังเสริมของอีกฝ่ายบุกโหมเข้าใส่
มันตระหนักทราบทันทีว่า กองกำลังกว่าสามหมื่นนายกำลังจะจบลงที่นี่!
“ซิ่วเหล่ย วันนี้คือวันตายของเจ้า!”
ทันใดนั้นเอง ร่างหนึ่งพุ่งทะยานฉีกห้วงอากาศออกมา พร้อมมุ่งตรงมาที่ซิ่วเหล่ยด้วยความเร็วสูงสุด
เมื่อหวังอี้เฟินเห็นการมาถึงของบุคคลนี้ เขาก็โพล่งอุทานขึ้นทันทีด้วยความประหลาดใจว่า
“ท่านอู๋เทียนเซียง!”
ยามนี้เองเขาเปรียบเสมือนลูกธนูตีปลายที่กำลังจะหมดแรง ภายใต้การโจมตีหลากกระบวนอันทรงพลังของซิ่งเหล่ย ดูท่าเขากำลังจะพ่ายลงในไม่ช้า
โชคยังดีที่อู๋เทียนเซียงออกโรงตรงมาถึงในท้ายที่สุด ทำเอาหวังอี้เฟิงถอนหายใจเสียงยาวด้วยความโล่งอก
การมาถึงของหวังเทียนเซียงในปัจจุบันเพิ่มแรงกดดันให้แก่ซิ่วเหล่ยที่บาดเจ็บสาหัสเป็นทุนเดิมได้อย่างมหาศาล ยามนี้ความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองหาได้อยู่ในระดับเดียวกันไม่
ยามนี้ซิ่วเหล่ยด้อยกว่าอีกฝ่ายทุกด้าน
ท่ามกลางกองทัพกำลังเสริมของฝ่ายมนุษย์ ในที่สุดเหลียงเฟิงที่เห็นดังนั้นพลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก
ไม่กี่วันก่อน เขารีดเร้นพลังทั้งหมดวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่งตลอดทั้งวันคืน ในที่สุดเขาก็สามารถนำกำลังเสริมมาช่วยได้ทันท่วงที!
มิฉะนั้นแล้วผลลัพธ์ที่ได้อาตน่ากลัวเกินจินตนาการ!
หลังจากที่ถูกช่วยไว้ในเหวสนามแม่เหล็กนั้น เย่หยวนก็บอกให้เขาเดินทางไปยังเมืองคังติงเพื่อขอกำลังเสริม
ในตอนนั้นเหลียงเฟิงรู้สึกว่า ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว แต่เย่หยวนก็ยังยืนกรานบอกให้เขาไปขอความช่วยเหลืออยู่ดี โดยบอกว่าทุกอย่างต้องทันเวลาแน่นอน
และเขาก็คาดไม่คิดเลยสักนิด กำลังเสริมกลับเข้ามาช่วยได้ทันท่วงทีจริงๆ!
สถานการณ์ในสมรภูมิรบแสนดุเดือดเช่นนี้ แม้แต่เหลียงเฟิงเองก็ยังไม่สามารถช่วยอะไรได้
กองทัพที่ปกป้องกำแพงเมืองก็ดูเหมือนจะมีไม่มากแล้ว ดังนั้นพวกเขาจะปกป้องกำแพงเมืองจากกองทัพปีศาจกว่าสามหมื่นนายได้ไหวอย่างไร?
สิ่งหนึ่งที่ควรทราบ การป้องกันทางตอนเหนือของเมือง มิอาจเทียบชั้นกับทางใต้ได้เลย ปราการทุกชนิดทางตอนเหนืออ่อนแอกว่าอย่างเทียบไม่ติด
ภายใต้สถานการณ์ที่เสียเปรียบทางด้านจำนวนอย่างมาก ทว่าฝ่ายมนุษย์กลับสามารถต้านรับถ่วงเวลาได้นานมาก!
ทันทีทันใด เหลียงเฟิงพลันนึกถึงใบหน้าอันสงบเยือกเย็นของเย่หยวน ยามนั้นพลันอดสะดุ้งเฮือกมิได้
“หรือเป็นไปได้ไหมว่า…ทั้งหมดจะเป็นฝีมือของเย่หยวน? เป็นไปไม่ได้! เขามีอยู่ตัวคนเดียว มีหรือจะต้านรับทัพเผ่าปีศาจนับสามหมื่นนายได้?”
ทันใดนั้นเขาพลันกวาดสายตาไปยังหน้าไม้ที่ทุกทำลายเกลื่อนกลาด นี่ยิ่งทำให้เขารู้สึกประหลาดใจยิ่งอย่างอดมิได้
เห็นได้ชัดว่า มันเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่ฝ่ายมนุษย์ซึ่งประจัญบานกับกองอสูรอยู่แนวหน้า จะบุกทำลายหน้าผาที่อยู่ด้านท้ายหลังได้!
เช่นนั้นแล้ว ใครกันที่ทำลายหน้าไม้?
คงมิใช่เพราะเผ่าปีศาจทำลายกันเองใช่ไหม!?
หรือเป็นไปได้ไหมว่า มันจะเป็นฝีมือของเย่หยวนจริงๆ?
เหลียงเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ยิ่งคิดอย่างไรก็ยิ่งมีโอกาสมากขึ้นเท่านั้น!
เขาตรงเข้าสำรวจสภาพแวดล้อม แต่กลับไม่เห็นร่างของเย่หยวนเลย
กองกำลังเสริมของเมืองคังติงเปรียบเสมือนรถไถ่ปราบหน้าดิน พวกเขาปราดพุ่งจู่โจมทัพปีศาจกันเป็นขบวน!
ในเวลานี้เอง เมืองกระแสพิรุณไม่จำเป็นต้องปิดกั้นด้านประตูเมืองหนาแน่นแบบทีแรกอีกต่อไป หลังจากที่หวังอี้เฟิงถอนตัวออกมา เขาก็สั่งให้ผู้คนเร่งเปิดประตูเมืองเพื่อต้อนรับกำลังเสริมของเมืองคังติงเข้ามาทันที
“ปล่อยพวกมันอีกห้าพันนายไปก่อน ยามนี้เร่งรุดเข้าไปช่วยประตูเมืองทางตอนใต้! เราจำต้องปกป้องเมืองกระแสพิรุณเอาไว้ให้ได้!”
ทางตอนใต้ของเมือง ทั้งสองฝ่ายยังคงระดมยิงโจมตีกันไม่ยั้งมือจนมืดฟ้ามัวดิน
“ซิ่วเหล่ย เตรียมตัวตาย! วันนี้เป็นเพราะเจ้าสะดุดกับดักเข้าอย่างจังเอง! เช่นนั้นอย่างว่าผู้บัญชาการคนนี้เสียมารยาท!”
อู๋เทียนเซียงหัวเราะเสียงดังลั่นพลางเอ่ยกล่าวออกมา
รัศมีกลิ่นอายของซิ่วเหล่ยเริ่มอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่ามันกำลังจะพ่ายลงในอีกไม่ช้าแล้ว
มันคำรามเสียงเย็นตอกกลับไปว่า
“ต้องการฆ่าข้างั้นรึ? ฝันไปเถอะ! จ้าวปีศาจสวรรค์เคลื่อนโลหิต!”
ทันใดนั้นเองกายเนื้อของซิ่วเหล่ยก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆกลายเป็นหมอกโลหิตโอบล้อมโดยมีแก่นจิตวิญญาณปีศาจอยู่ ณ ใจกลาง และบินหนีหายออกไปในพริบตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...