“โชคยังดีนักที่ข้าไหวตัวทัน มิเช่นนั้นชะตาชีวิตนี้คงขาดสะบั้นสังเวยให้เมืองกระแสพิรุณไปแล้ว! อย่างไรก็ตาม…อาการบาดเจ็บของข้ารุนแรงเกินไป จำต้องพักฟื้นเป็นเวลาหลายสิบปี เคล็ดวิชาลับวิญญาณปีศาจ ผนึกรวม!”
ไอหมอกโลหิตเริ่มกลั่นรวมกันในร่างมนุษย์ นั้นยังใช่ใครอื่นได้อีกนอกเสียจากซิ่วเหล่ย
แต่ปัจจุบันซิ่วเหล่ยอ่อนแออย่างหาที่เปรียบไม่ ยามนี้ถือครองพลังน้อยกว่าหนึ่งในสิบจากทั้งหมด
ซิ่วเหล่ยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พึมพำเอ่ยขึ้นว่า
“ศึกสมรภูมิครั้งนี้ไร้ซึ่งเหตุผลเกินไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศัตรูที่แท้จริงมันเป็นผู้ใดกัน! อนาคต…ข้าคงเป็นเพียงวิญญาณที่แสนเดียวดาย!”
มิเพียงต้องทนทุกข์ทรมานจากความพ่ายแพ้ในครั้งนี้เท่านั้น แม้ว่าซิ่วเหลายจะหนีรอดกลับไปได้ แต่ก็ยากนักที่จะรอดพ้นจากความตายเช่นกัน
หลังจากวันนี้เขาจำต้องปลีกวิเวกหนีทัพ กลายมาเป็นวิญญาณเร่ร่อนอันเดียวดาย ที่ค่อยๆเก็บตัวฟื้นฟูความแข็งแกร่งอย่างแช่มช้า
“ใครอยู่ตรงนั้น?!”
ทันใดนั้นเองพลันตรวจจับคลื่นความปั่นป่วนได้ภายในป่าทึบลึกลงไป ทันให้ซิ่วเหล่ยสดุ้งโหย่งในทันที
อีกร่างหนึ่งย่างสามขุมตรงออกมาอย่างสบายอารมณ์ รูม่านตาของซิ่วเหล่ยหดเล็กตีบตันหนัด ปรากฏว่าเป็นมนุษย์จริงๆ!
สีหน้าการแสดงออกของมันพลันแปรเปลี่ยนดูเย็นชาขึ้นทันควัน เมื่อเห็นว่ามนุษย์คนนั้นเป็นเพียงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า คลื่นปั่นป่วนภายในใจพลันสงบลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามแต่ คู่สายตาของมันพลันจับจ้องเดือดดุในทันใด
มนุษย์คนนี้คือแหล่งอาหารเลือดชั้นเยี่ยมของมัน และช่วยให้มันฟื้นคืนพลังความแข็งแกร่งได้เร็วขึ้น!
“หึหึ เจ้าหนูมาถูกเวลาแล้ว!”
ร่างของซิ่วเหล่ยปราดพุ่งเข้าคลี่กรงเล็บหวังคว้าร่างอีกฝ่ายในบัดดล
วูบบ!
เสียงฉีกห้วงอากาศดังสะท้าน รูม่านตาของซิ่วเหล่ยหดแคบเท่ารูเข็ม ยามนี้เร่งปรี่ถอยแทบไม่ทันการณ์
บูมมม!
ด้วยความตกใจสุดขีด ซิ่วเหล่ยซัดฝ่ามือแลกปะทะกับคมดาบเบื้องหน้าออกไปโดยตรง
คู่สายตาของมันสาดสะท้อนความหวาดกลัวอย่างชัดเจน มนุษย์คนนี้น่าสะพรึงขวัญเกินไป มันเอ่ยเสียงขรึมทันทีว่า
“เจ้าเป็นใคร?!”
เย่หยวนคลี่ยิ้มบางพลางกล่าวตอบไปว่า
“เจ้าอยากรู้มิใช่รึ ว่าศัตรูที่แท้จริงของเจ้าเป็นใคร?”
ลูกตาดำของมันหดเล็กถึงขีดสุด จับจ้องมองร่างเย่หยวนด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนกล่าวเสียงทุ้มต่ำดังว่า
“เป็นเจ้า? เป็น…เป็นไปไม่ได้! เด็กน้อยอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าอย่างเจ้า จะทำให้ทัพข้าพ่ายลงได้อย่างไร?! ไม่ เดี๋ยวก่อน…เจ้าคือไอ้เด็กนั้นที่โดดลงเหว! เจ้า…เจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?!”
ซิ่วเหล่ยช้อนสายตามองไปที่เย่หยวนด้วยความตกตะลึง นอกจากนี้เขายังรู้สึกว่า เย่หยวนคนนี้ค่อนข้างคุ้นหน้านัก ก่อนพินิจวิเคราะห์ครู่หนึ่งจำได้ว่า เป็นหนึ่งในสองคนที่กระโดดลงเหวนั้นไปมิใช่หรือ?
ทั้งๆที่กระโดดลงเหวไปต่อหน้าต่อตา แต่ไฉนตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่!
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กน้อยอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้ายังบอกด้วยว่า เขาคือศัตรูที่แท้จริงของศึกสมรภูมิในครั้งนี้!
นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?
ซิ่วเหล่ยรู้สึกปวดเศียรอย่างหนัก คล้ายว่าเกินรับได้แล้ว นี่มันพ่ายให้แก่เด็กน้อยอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าจริงๆอย่างนั้นรึ?
เย่หยวนจับจ้องไปยังอีกฝ่ายพร้อมเอ่ยถามเสียงเย็นว่า
“จะเชื่อหรือไม่กลับมิใช่เรื่องของเจ้า ตอนนี้ข้าถามส่วนเจ้าก็ตอบมา เจ้า…รู้จักข่านนั่วหรือไม่?”
ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ้งขั้นมีน้อยจนสามารถนับได้ในเมือง
แม้จะอยู่ในเมืองจักรพรรดิ แต่ยอดเซียนระดับชั้นนี้ย่อมมีชื่อเสียงอยู่บ้างเช่นกัน
ดังนั้นเย่หยวนจึงเอ่ยถามไปตามตรง
คู่สายตาของซิ่วเหล่ยแลดูจริงจังขึ้นทันที เขาเอ่ยขึ้นว่า
“เจ้า…เจ้ารู้จักท่านข่านนั่วด้วยงั้นรึ? เขา…เขาหายตัวไปกว่าล้านปีแล้ว! ไม่สิ…เจ้ารู้จักนามของเขาได้อย่างไร?”
นัยน์ตาเย่หยวนสว่างวาบ เขายิ้มกล่าวว่า
“เจ้ารู้จักมันจริงๆ! หุหุ เช่นนั้นก็ดีแล้ว!”
เมื่อเห็นสายตาแปลกๆที่เย่หยวนจับจ้องมาทางมัน ซิ่วเหล่ยพลันตื่นกลัวขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
“เจ้า…เจ้าต้องการอะไร?”
ซิ่วเหล่ยร่นถอยออกไปหลายก้าวติดต่อกันโดยมิตั้งใจ พลางเอ่ยวาจาเจือเสียงตระหนก
เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มว่า
“อะไรงั้นรึ? ขอยืมแกนวิญญาณปีศาจของเจ้ามาใช้ยังไงล่ะ!”
ซิ่วเหล่ยหรี่ตาหดแคบลงทันที มันโพล่งคำรามขึ้นอย่างเดือดดุว่า
“ฝันไปเถอะ!”
ทันทีท่าสิ้นเสียง ซิ่วเหล่ยก็แปรสภาพกลายเป็นไอหมอกโลหิตพยายามหนีออกไปทันที
ทว่าเย่หยวนกลับเร็วกว่ามันมาก!
หนึ่งกระบวนสยบดาราถูกปลดปล่อย คลื่นคมดาบเข้าชนกับไอหมอกโลหิตนั้นอย่างจัง
ร่างเย่หยวนไสววูบติดตามมาถึงตัว พร้อมใช้มือเข้าไปคว้าแกนลูกไฟออกมาโดยตรง นั่นเป็นวิญญาณปีศาจของซิ่วเหล่ย
คล้อยหลังสิบอึดใจต่อมา แกนลูกไฟแห่งวิญญาณปีศาจก็ค่อยๆดับสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...