อ่านสรุป ตอนที่ 1479 จาก จอมเทพโอสถ โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 1479 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction จอมเทพโอสถ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
สำหรับกระบวนดาบอย่าง‘สยบดารา’ แก่นแท้สำคัญจะอยู่กับคำว่า‘สับ’
ในขณะที่‘จันทร์สลาย’ แก่นสำคัญจะขึ้นอยู่กับคำว่า‘แทง’!
แทงหนึ่งครั้งสามารถพัฒนาขึ้นไปสู่การแทงทะลวงนับแสนล้าน อย่างไรก็ตามแต่ แท่นแท้ยังคงเดิมคือคำว่า‘แทง’
ความฉลาดขัดเกลากลยุทธ์ปรับเปลี่ยน
การยึดมั่นเคร่งครัดอยู่ในกรอบไร้ซึ่งความบิดพลิ้ว กลับเป็นการจำกัดขีดความสามารถตนเองเท่านั้น
ศาสตร์แห่งดาบชั้นสวรรค์ระดับสองขั้นสุดนี้ ทำให้ความแข็งแกร่งของเย่หยวนเพิ่มทวีไปอีกระดับ
เพียงหนึ่งกระบวนเคลื่อนไหวก็มากเกินพอแล้วที่จะสังหารหลางเก๋อ!
ในเวลานั้นเอง สุ้มเสียงของหลงซานก็ดังขึ้นจากด้านนอก
“นายท่าน คุณหนูหลี่จีมาขอพบท่าน”
“เข้าใจแล้ว”
เย่หยวนเอ่ยตอบกลับไป
เมื่อเขาเห็นหลี่จี ปรากฏว่ายังมีเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าอีกสองคนคล้อยหลังติดตามนางมา
ทันทีที่พวกเขาทั้งสองเห็นเย่หยวน ดูท่าจะไร้ซึ่งความเป็นมิตรอย่างยิ่ง
เย่หยวนพอจะเข้าใจได้ในทันที พวกคนเหล่านี้ควรจะเป็นอาคันตุกะของตระกูลฟางเช่นกัน และพวกเขาก็รู้ว่าเงินเดือนที่เย่หยวนได้รับมากกว่าพวกตนถึงสองเท่า ใครทราบย่อมรู้สึกขมขื่นใจเป็นธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งตนเป็นศัตรูกับเย่หยวนทันที
ข้างกายหลี่จีมีชายหนุ่มเผ่าปีศาจอีกตนหนึ่ง
เขาปรับขนาดสายตาจับจ้องเย่หยวนและกล่าวขึ้นกับหลี่จีว่า
“หลีจี ยอดฝีมือที่เจ้าบอก มันดูธรรมดามาก!”
หลี่จีกลอกตาไปมาก่อนกล่าวว่า
“ฟางอวี้ เจ้าเพียงจัดการคนของเจ้าให้ดีเถอะ! คนของข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้ารบกวน!”
ฟางอวี้ยิ้มและกล่าวตอบว่า
“เอาล่ะ ไม่เป็นไร ข้าจะไม่ยุ่ง! แต่ของกล่าวตามจริง เจ้าหนุ่มคนนี้ดูหล่อเหลามาก จนบางคนต้องอิจฉา!”
หลี่จีเม้มปากเล็กน้อยและกล่าวว่า
“พวกมันทำตัวของมันเอง แล้วเกี่ยวเนื่องอันใดกับข้า”
ฟางอวี้ตนนี้เป็นพี่ชายของหลีจี่
ในสถานะของสตรีแห่งเผ่าปีศาจ พวกนางนับเป็นชนชั้นต่ำจึงมิได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อสกุลนำหน้า
แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของหลี่จีจะงดงามเพียงใด แต่นั่นก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
เมื่อกล่าวจบ นางก็เอ่ยปากพูดกับเย่หยวนว่า
“บรรพกาลราตรี พี่ใหญ่กับข้าต้องเข้าร่วมพบปะกับท่านผู้สูงศักดิ์ไคซิน ไฉนเจ้าไม่มาด้วยกันกับลั่วฉีกับเป่ยหลาน?”
เย่หยวนไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธจึงพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าตกลง
…
เดิมทีเย่หยวนคิดว่าเหล่าขุนนางของเผ่าปีศาจจะไม่ค่อยสนใจเรื่องสถาปัตยกรรมหรือศิลปะเท่าไหร่นัก แต่เการตกแต่งภายในตำหนักเจ้าเมืองกลับมีความซับซ้อนและดูประณีตอย่างมาก
เพียงเข้ามาเห็นกับตามันก็เปลี่ยนความเข้าใจของเย่หยวนที่มีต่อเผ่าปีศาจไปโดยสิ้นเชิง
หุบเขาจำลองศาลาย่อนใจ ลานระเบียงธารน้ำตกหลากสายไหลรวมกันช่างวิจิตรงามตา สามารถบอกได้เลยว่าเรื่องศิลปะการตกแต่งมิได้ด้อยไปกว่ามนุษย์เลย
“ว้า! น้องชายตัวน้อยหล่อเหลาอะไรเยี่ยงนี้! หุหุ ใครๆต่างก็พูดว่าน้องสาวหลี่จีทั้งบริสุทธิ์และมีเกียรติ แตกต่างจากอิสตรีเผ่าปีศาจทั่วไป แต่ดูเหมือนว่า…เจ้าเองก็เลือกสิ่งดีๆให้ตนเองเช่นกัน!”
เบื้องหน้าปรากฏชายหญิงออกมาต้อนรับพวกเขา
เมื่อสตรีนางนี้เห็นเย่หยวนอยู่ด้านหลังหลี่จี ดางตากลมโตทั้งสองของนางพลันสว่างแพรวพราวทันที ดวงเนตรคู่งามนั้นจับจ้องเย่หยวนไม่คลายอ่อน
สตรีนางนี้ใบหน้างดงามมีเสน่ห์อย่างหาที่เปรียบไม่ รูปลักษณะหน้าตาของนางคล้ายกับหลีจี่อยู่หลายส่วน
อย่างไรก็ตาม สายตาของชายอีกคนหนึ่งกลับมองเย่หยวนอย่างเยือกเย็น เปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหาร
วาจาคำกล่าวของสตรีนางนั้นทำให้ใบหน้างามของหลี่จีเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ นางกล่าวสวนกลับไปทันทีว่า
“พี่เหลียนฮวาท่านกล่าวอันใดกัน บรรพกาลราตรีเป็นอาคันตุกะคนใหม่ของข้าเอง”
เหลียนฮวาดึงมือเรียวนวลของหลี่จีเข้าไปจับและยิ้มกล่าวว่า
“ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ มีหรือทีพี่สาวคนนี้จะไม่เข้าใจเจ้าได้อย่างไร?”
ขณะที่หลี่จีกำลังจะขยับตอบโต้ เหลียนฮวาก็เลื่อนใบหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูนางเบาๆว่า
“น้องชายคนนี้หล่อเหลาจริงๆ ไฉนไม่…แบ่งให้พี่สาวคนนี้เล่นสักวันสองวันล่ะ?”
หลี่จีหันควับมองเย่หยวนโดยไว สีหน้าของนางบูดบึ้งกล่าวตอบไปว่า
“พี่เหลียนฮวา หากท่านยังแกล้งข้าเล่นเช่นนี้อีก หลีจีไปแล้ว!”
คู่คิ้วของชายคนนั้นขมวดเข้ม คล้ายท่าทีไม่ค่อยมีความสุขนัก แต่ยังคงกล่าวขึ้นว่า
“เหลียนฮวา ไม่ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้จักหลีจี่ เจ้าหยุดแกล้งนางเล่นได้แล้ว”
ชายคนนี้ใบหน้าคมเข้มดูหล่อเหลามิใช่น้อย และเป็นที่หาได้ยากในหมู่เผ่าปีศาจ
แต่เมื่อเทียบกับเย่หยวนแล้ว เขาจะดูเป็นรอง
บุคคลนี้มิใช่ใครอื่นนอกเสียจากไคซินผู้สูงศักดิ์ หรือก็คือนายน้อยแห่งตำหนักเจ้าเมือง
ฟางอวี้ยิ้มและกล่าวว่า
“สิ่งที่ท่านไคซินกล่าวไป ฟางอวี้คนนี้เองก็เห็นด้วย!”
“เจ้า!!”
หลี่จีโพล่งคำรามขึ้นด้วยความโกรธ
ฟางอวี้เลิกคิ้วเล็กน้อยพร้อมจ้องเขม็งไปที่หลี่จี
ทั่วกายาของหลี่จีสั่นสะท้านหนัก และไม่กล้าเอ่ยกล่าวอีกต่อไป
งานเลี้ยงนี้เหมือนจะดูเรียบง่าย แต่แท้จริงแล้ว มันยังเป็นงานชุนนุมระหว่างหลายตระกูลใหญ่ที่แข่งกันอวดอเงความแข็งแกร่งอีกด้วย
เหล่าฝูงชนในเวลานี้ ต้องการทำให้ตระกูลฟางเสียหน้าอย่างชัดเจน
ไคซินยิ้มกล่าวว่า
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราทั้งแปดคนที่ที่ จะส่งผู้พิทักษ์ของตนออกมาสามคน ให้มาต่อสู้กันจนกว่าจะเหลือผู้ชนะ อ่อ…เนื่องจากเป็นผู้พิทักษ์ประจำตระกูล เช่นนั้นข้าขอเพิ่มเดิมพันของการแข่งเสียหน่อย”
ขณะที่กล่าวอยู่นั้นเอง ไคซินก็หยิบขวดเล็กๆขวดหนึ่งออกมา ภายในขวดนั้นเต็มไปด้วยสารสีดำคล้ายผงแป้ง
ทันทีที่เหล่าผู้พิทักษ์ตระกูลเห็นดังนั้น ทุกคนต่างอุทานขึ้นลั่นระเบิดออกมาทันที
“นั้นผงวิญญาณทมิฬเลิศ! มันคือโอสถเทวะปรับสภาพกายา!”
“ด้วยสิ่งนี้ข้าอาจเลื่อนชั้นขึ้นกลายเป็นจอมทัพปีศาจสามดาว!”
“เหอะ! ผงวิญญาณทมิฬเลิศต้องเป็นของข้า! ใครกล้าแย่งของข้ามันผู้นั้นตาย!”
…
แม้แต่ดวงตาของเย่หยวนเองพลันสว่างขึ้นเช่นกัน
ผงวิญญาณทมิฬเลิศนี้เป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง มีฤทธิ์ช่วยในการขัดเกลาร่างกายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และตอนนี้กายเนื้อของเย่หยวนเองก็ติดอยู่ในระดับหนึ่งขั้นสุดอยู่นานแล้ว และมิอาจทะลวงขึ้นสู่ระดับสองได้เสียที
ด้วยผงวิญญาณทมิฬเลิศนี้ จะทำให้กายเนื้อของเย่หยวนเลื่อนระดับได้ในที่สุด!
เหลียนฮว่ายิ้มหวานกล่าวว่า
“ในเมื่อพี่ใหญ่ใจกว้างขนาดนี้ ข้าเองจะยอมได้อย่างไร? ข้าขอใช้ไข่มุกฤทัยมรกตเป็นเดิมพันเช่นกัน!”
“ฟ่อ…”
เสียงสูดไอเย็นดังขึ้นกระจายไปทั่วทุกมุม
เมื่อเห็นของเดิมพันเหล่านี้ เหล่าผู้พิทักษ์ตระกูลต่างพากันอิจฉาและโลภเป็นอย่างยิ่ง สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยังสิ่งของทั้งสองร่างกายนี้อย่างเร่าร้อนนัก
…………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
2970 อิหลินเสวียอิห่าราก ฟื้นขึ้นมาก็ทิ้งกันเลย😂...
พวกเมีย เพื่อนฝูง น้องๆ แม่งเป็นได้แต่ตัวถ่วง ตัวภาระ😂...
ตอนแรกๆอ่านยังไง...
DDD...