สำหรับกระบวนดาบอย่าง‘สยบดารา’ แก่นแท้สำคัญจะอยู่กับคำว่า‘สับ’
ในขณะที่‘จันทร์สลาย’ แก่นสำคัญจะขึ้นอยู่กับคำว่า‘แทง’!
แทงหนึ่งครั้งสามารถพัฒนาขึ้นไปสู่การแทงทะลวงนับแสนล้าน อย่างไรก็ตามแต่ แท่นแท้ยังคงเดิมคือคำว่า‘แทง’
ความฉลาดขัดเกลากลยุทธ์ปรับเปลี่ยน
การยึดมั่นเคร่งครัดอยู่ในกรอบไร้ซึ่งความบิดพลิ้ว กลับเป็นการจำกัดขีดความสามารถตนเองเท่านั้น
ศาสตร์แห่งดาบชั้นสวรรค์ระดับสองขั้นสุดนี้ ทำให้ความแข็งแกร่งของเย่หยวนเพิ่มทวีไปอีกระดับ
เพียงหนึ่งกระบวนเคลื่อนไหวก็มากเกินพอแล้วที่จะสังหารหลางเก๋อ!
ในเวลานั้นเอง สุ้มเสียงของหลงซานก็ดังขึ้นจากด้านนอก
“นายท่าน คุณหนูหลี่จีมาขอพบท่าน”
“เข้าใจแล้ว”
เย่หยวนเอ่ยตอบกลับไป
เมื่อเขาเห็นหลี่จี ปรากฏว่ายังมีเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าอีกสองคนคล้อยหลังติดตามนางมา
ทันทีที่พวกเขาทั้งสองเห็นเย่หยวน ดูท่าจะไร้ซึ่งความเป็นมิตรอย่างยิ่ง
เย่หยวนพอจะเข้าใจได้ในทันที พวกคนเหล่านี้ควรจะเป็นอาคันตุกะของตระกูลฟางเช่นกัน และพวกเขาก็รู้ว่าเงินเดือนที่เย่หยวนได้รับมากกว่าพวกตนถึงสองเท่า ใครทราบย่อมรู้สึกขมขื่นใจเป็นธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งตนเป็นศัตรูกับเย่หยวนทันที
ข้างกายหลี่จีมีชายหนุ่มเผ่าปีศาจอีกตนหนึ่ง
เขาปรับขนาดสายตาจับจ้องเย่หยวนและกล่าวขึ้นกับหลี่จีว่า
“หลีจี ยอดฝีมือที่เจ้าบอก มันดูธรรมดามาก!”
หลี่จีกลอกตาไปมาก่อนกล่าวว่า
“ฟางอวี้ เจ้าเพียงจัดการคนของเจ้าให้ดีเถอะ! คนของข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้ารบกวน!”
ฟางอวี้ยิ้มและกล่าวตอบว่า
“เอาล่ะ ไม่เป็นไร ข้าจะไม่ยุ่ง! แต่ของกล่าวตามจริง เจ้าหนุ่มคนนี้ดูหล่อเหลามาก จนบางคนต้องอิจฉา!”
หลี่จีเม้มปากเล็กน้อยและกล่าวว่า
“พวกมันทำตัวของมันเอง แล้วเกี่ยวเนื่องอันใดกับข้า”
ฟางอวี้ตนนี้เป็นพี่ชายของหลีจี่
ในสถานะของสตรีแห่งเผ่าปีศาจ พวกนางนับเป็นชนชั้นต่ำจึงมิได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อสกุลนำหน้า
แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของหลี่จีจะงดงามเพียงใด แต่นั่นก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
เมื่อกล่าวจบ นางก็เอ่ยปากพูดกับเย่หยวนว่า
“บรรพกาลราตรี พี่ใหญ่กับข้าต้องเข้าร่วมพบปะกับท่านผู้สูงศักดิ์ไคซิน ไฉนเจ้าไม่มาด้วยกันกับลั่วฉีกับเป่ยหลาน?”
เย่หยวนไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธจึงพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าตกลง
…
เดิมทีเย่หยวนคิดว่าเหล่าขุนนางของเผ่าปีศาจจะไม่ค่อยสนใจเรื่องสถาปัตยกรรมหรือศิลปะเท่าไหร่นัก แต่เการตกแต่งภายในตำหนักเจ้าเมืองกลับมีความซับซ้อนและดูประณีตอย่างมาก
เพียงเข้ามาเห็นกับตามันก็เปลี่ยนความเข้าใจของเย่หยวนที่มีต่อเผ่าปีศาจไปโดยสิ้นเชิง
หุบเขาจำลองศาลาย่อนใจ ลานระเบียงธารน้ำตกหลากสายไหลรวมกันช่างวิจิตรงามตา สามารถบอกได้เลยว่าเรื่องศิลปะการตกแต่งมิได้ด้อยไปกว่ามนุษย์เลย
“ว้า! น้องชายตัวน้อยหล่อเหลาอะไรเยี่ยงนี้! หุหุ ใครๆต่างก็พูดว่าน้องสาวหลี่จีทั้งบริสุทธิ์และมีเกียรติ แตกต่างจากอิสตรีเผ่าปีศาจทั่วไป แต่ดูเหมือนว่า…เจ้าเองก็เลือกสิ่งดีๆให้ตนเองเช่นกัน!”
เบื้องหน้าปรากฏชายหญิงออกมาต้อนรับพวกเขา
เมื่อสตรีนางนี้เห็นเย่หยวนอยู่ด้านหลังหลี่จี ดางตากลมโตทั้งสองของนางพลันสว่างแพรวพราวทันที ดวงเนตรคู่งามนั้นจับจ้องเย่หยวนไม่คลายอ่อน
สตรีนางนี้ใบหน้างดงามมีเสน่ห์อย่างหาที่เปรียบไม่ รูปลักษณะหน้าตาของนางคล้ายกับหลีจี่อยู่หลายส่วน
อย่างไรก็ตาม สายตาของชายอีกคนหนึ่งกลับมองเย่หยวนอย่างเยือกเย็น เปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหาร
วาจาคำกล่าวของสตรีนางนั้นทำให้ใบหน้างามของหลี่จีเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ นางกล่าวสวนกลับไปทันทีว่า
“พี่เหลียนฮวาท่านกล่าวอันใดกัน บรรพกาลราตรีเป็นอาคันตุกะคนใหม่ของข้าเอง”
เหลียนฮวาดึงมือเรียวนวลของหลี่จีเข้าไปจับและยิ้มกล่าวว่า
“ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ มีหรือทีพี่สาวคนนี้จะไม่เข้าใจเจ้าได้อย่างไร?”
ขณะที่หลี่จีกำลังจะขยับตอบโต้ เหลียนฮวาก็เลื่อนใบหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูนางเบาๆว่า
“น้องชายคนนี้หล่อเหลาจริงๆ ไฉนไม่…แบ่งให้พี่สาวคนนี้เล่นสักวันสองวันล่ะ?”
หลี่จีหันควับมองเย่หยวนโดยไว สีหน้าของนางบูดบึ้งกล่าวตอบไปว่า
“พี่เหลียนฮวา หากท่านยังแกล้งข้าเล่นเช่นนี้อีก หลีจีไปแล้ว!”
คู่คิ้วของชายคนนั้นขมวดเข้ม คล้ายท่าทีไม่ค่อยมีความสุขนัก แต่ยังคงกล่าวขึ้นว่า
“เหลียนฮวา ไม่ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้จักหลีจี่ เจ้าหยุดแกล้งนางเล่นได้แล้ว”
ชายคนนี้ใบหน้าคมเข้มดูหล่อเหลามิใช่น้อย และเป็นที่หาได้ยากในหมู่เผ่าปีศาจ
แต่เมื่อเทียบกับเย่หยวนแล้ว เขาจะดูเป็นรอง
บุคคลนี้มิใช่ใครอื่นนอกเสียจากไคซินผู้สูงศักดิ์ หรือก็คือนายน้อยแห่งตำหนักเจ้าเมือง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...