จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1481

สรุปบท ตอนที่ 1481: จอมเทพโอสถ

ตอน ตอนที่ 1481 จาก จอมเทพโอสถ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1481 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction จอมเทพโอสถ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1481 ง่วงนอน
ตอนที่ 1481 ง่วงนอน
โดย
Ink Stone_Fantasy
วูบ! วูบ! วูบ!

หนานฉีและเย่หยวนเคลื่อนทะยานร่างโฉบเฉี่ยว ด้วยความเร็วถึงขีดสุด

โหย่วเนี่ยเฝ้าจับจ้องภาพฉากนี้ด้วยความตื่นตาตรึงใจนัก ดั่งปรากฏเพียงภาพทับซ้อนทิ้งทวนเป็นเงาไล่หลัง ทุกคนที่จับจ้องต่างมึนงงกันเป็นแถบ

โหย่วเนี่ยนับเป็นผ้าไหมลายครามอย่างแท้จริง แม้เขาจะมีระดับพลังอยู่ที่แม่ทัพปีศาจสองดาวขั้นสุด ทว่าความแข็งแกร่งของเขายังขาดตกอยู่มาก

เขาไม่สามารถมองตามความเร็วของทั้งสองได้ทันเลย

หนานฉีคลี่กรงเล็บคู่ยาวออกมาจากข้อมือ ทันทีทันใดปราดพุ่งทะลวงกรงเล็บยาวเข้าใส่โดยตรง

ทว่าทุกครั้งไปเย่หยวนกลับเลี่ยงหลบพ้นผ่านออกไปได้

แต่ละคราที่กรงเล็บปราดพุ่ง มันเฉี่ยวซ้ายเฉี่ยวขวารอดมาได้หวุดหวิด

กรงเล็บเหล่านี้มิอาจเข้าสัมผัสร่างเย่หยวน แม้จะขาดไปเศษเสี้ยวนิ้ว แต่กลับมิอาจสัมผัสร่างได้ นี่แทบทำให้หนานฉีคลั่ง

“ไอ้เด็กเหลือขอ แน่จริงก็โจมตีข้าหากมีปัญญา! เอาแต่หนีเลี่ยงหลบนับเป็นความสามารถได้อย่างไร?”

กลางลานประลอง เสียงคำรามของหนานฉีดังขึ้นมา

“นี่คือสิ่งที่เจ้าอยากพูด?”

ร่างของเย่หยวนเคลื่อนหลบพลิ้วไปมาด้วยความเร็วสูง ทว่าเนื้อเสียงที่เอ่ยกล่าวยังคงเรียบนิ่งดูไม่เหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด

“เศษสวะ! แน่นอนนี่คือสิ่งที่ข้าอยากกล่าว! หากเจ้ามีความสามารถจริงๆ ก็จงสู้อย่างเปิดเผย! ไอ้เด็กเหลือขอหน้าหวานเป็นแต่หลบกระมัง?”

หนานฉีตะโกนอย่างสุดจะเดือดดาล

ซวบบบ!

ทันใดนั้นเอง คมดาบยาวทะลวงกะโหลกศีรษะของหนานฉีโดยตรง กระทั่งแกนวิญญาณปีศาจยังแหลกเป็นเสี่ยงๆ

เสียงคำรามของมันหยุดลงกะทันหัน

“ตอนที่ข้าเริ่มโจมตี เจ้าก็กลับตายเสียแล้ว”

ช้อนสายตาจับจ้องศพของหนานฉี เย่หยวนเอ่ยปากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

“บัดซบ! สำแดงกระบวนท่านับร้อย แต่ไม่สามารถสัมผัสปลายเสื้อมันได้! มันกลับหาตระหนักถึงความแตกต่างไม่ แล้วยังท้าทายให้อีกฝ่ายโจมตี! รนหาที่ตายแล้วจริงๆ!”

โหย่วตันเค้นเสียงเย็นสะท้านเอ่ยกล่าว

โหย่วเนี่ยเอ่ยขึ้นอย่างโง่งมว่า

“นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ในสายตาของหนานฉี มันมั่นใจอย่างมากว่าต้องสามารถจัดการเย่หยวนได้แน่นอน

แล้วไฉนกลับเป็นตัวมาเสียเองที่ถูกจำกัดในพริบตาเดียว?

สีหน้าการแสดงออกของไคซินแปรเปลี่ยนเป็นสีดำทมิฬ ยามนี้ฉายแววประหลาดใจออกมาอยู่คู่ดวงตา เจืออารมณ์โกรธปะทุ แต่ท้ายที่สุดเขาก็เงียบสงัดไป

สายตาคู่งามของหลี่จีจับจ้องด้วยความมึนงงไม่คลายอ่อน

ทุกท่วงท่ากระบวนเคลื่อนไหวของเย่หยวน ช่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติอย่างแท้จริง

หากพินิจให้ดี ความแกร่งกล้าของเขาช่างดูน่าเกรงขามนัก และไม่สามารถจับผิดหรือหาจุดติได้เลยแม้สักนิด!

นอกจากนั้น นางยังไม่คิดไม่ฝันเลยว่า เย่หยวนจะทรงพลังขนาดนี้!

ดูท่าแล้ว ตอนที่เขาสังหารหลางเก๋อ เย่หยวนยังมิได้ใช้พลังเต็มที่

“เจ้าหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก! ดูเหมือนว่าพวกเราจะประเมินเขาต่ำเกินไป!”

“แต่เดิม ใครๆต่างก็คิดว่า เขาอ่อนแอที่สุดในบรรดาทั้งสาม แต่ข้าไม่คิดเลยว่า เขากลับเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด!”

“เขาเป็นแค่แม่ทัพปีศาจสองดาวชั้นกลาง น่าเหลือเชื่อจริงๆ!”

“เอ๊ะ? เขา…เขากำลังทำอะไร?”

…………………..

ท่ามกลางเสียงอุทานแซ่ซ้องของทุกคน เย่หยวนกลับเก็บดาบเข้ามากอดและค่อยๆถอยกลับไปนั่งที่ขอบสนาม สักครู่หนึ่งได้มุมดีจึงเหยียดตัวนอนลงทันที

ลั่วฉีกับเป่ยหลานเข้าสัประยุทธ์ต้านรับอย่างขมขื่น ในขณะเดียวกัน พวกมันยก็ทราบแล้วว่า ศึกด้านนั้นเย่หยวนเป็นฝ่ายชนะแล้ว

เดิมทีพวกเขาคิดว่าเย่หยวนจะมาช่วยพวกมันอีกแรง แต่ในท้ายที่สุด เมื่อสบโอกาสเหลียวมอง กลับพบว่าเย่หยวนเหยียดตัวยืดนอนบนข้างสนามไปเสียแล้ว ยามเห็นดังนั้นควันพิโรธแทบพุ่งออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของทั้งคู่

“เจ้าเด็กนี่! รีบมาช่วยพวกเราเร็ว!”

“นี่! เจ้าบรรพกาลราตรี! เจ้าไม่ต้องการสมบัติพวกนั้นรึไง?”

ทั้งสองเริ่มตะโกนโห่ลั่นด้วยความเป็นกังวลสุดขีด แต่สิ่งที่ดังตอบกลับให้พวกเขากลับเป็นเสียงกรนของเย่หยวน

ไอ้เด็กเวรตัวนี้มันหลับจริงๆ?

มันต้องบ้าแค่ไหน!

หรือไอ้เด็กเวรนี่ไม่รู้จักคำว่า วาดภาพให้ใหญ่โตก่อนเป็นอันดับแรก?

แม้ว่าทั้งคู่ขุ่นข้องหมองใจเพียงใด แต่ว่าอย่างไรพวกมันต้องชำระบัญชีแค้นแน่นอนหลังสู้เสร็จ!

ฝ่ายของโหย่วเนี่ยที่เห็นอยู่สองคน เดิมทีพวกมันคิดว่าดเย่หยวนจะเข้ามาช่วยเป็นกำลังเสริม

แต่ในท้ายที่สุดเย่หยวนกลับหลับไปจริงๆ แถมยังกรนเสียงดังมาก!

แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของกลุ่มไคซินไร้เทียมทานอย่างมาก ศึกสัประยุทธ์ของกลุ่มนี้จบลงอย่างง่ายดายราวกับปัดฝุ่น

กลุ่มของโหย่วต้าสามารถเอาชนะกลุ่มของเหลียนฮวาไปได้ โดยผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ

ในขณะที่กลุ่มของฟางอวี้เองก็เอาชนะกลุ่มของตระกูลโม่ได้ ส่งผลให้ขึ้นติดสี่อันดับแรกเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ตระกูลฟางจึงกำจัดกลุ่มของตระกูลโม่ได้โดยตรง

คล้อยหลังการจับฉลากรอบนี้ ปรากฏว่าคู่พี่ชายและน้องสาวตระกูลฟาง กลับถูกจัดคู่ให้มาเจ้ากันในรอบต่อไป

หลี่จีเอ่ยกล่าวด้วยวาจาสุภาพว่า

“พี่ใหญ่ มิใช่ท่านเคยบอกรึว่า คนของข้าอ่อนแอดูธรรมดา คราวนี้กลุ่มของท่านพี่กับน้องสาวคนนี้กำลังจะเข้าสัประยุทธ์กันแล้ว!”

ต่อหน้าความแข็งแกร่งของเย่หยวน ฟางอวี้เองก็ประหลาดใจอย่างมากเช่นกัน

เพียงแค่นี้เขาก็ทราบแล้วว่า ตนเข้าใจน้องสาวนางนี้ผิดไปจริงๆ

บรรพกาลราตรีมิได้มีดีแค่รูปลักษณะเท่านั้น แต่เขายังทรงพลังอย่างมากอีกด้วย!

ข้อโต้แย้งที่เย่หยวนอาศัยรูปลักษณ์มาได้ไกลขนาดนี้เป็นอันยุติลงในที่สุด ปรากฏว่าเรื่องนี้เป็นเท็จ

“หุหุ ถ้าเช่นนั้นพวกเราพี่น้องคงต้องแข่งกันสักตั้ง! ข้าขอบอกไว้ก่อนเลยว่า พวกเขาหาใช่เรื่องง่ายที่จะโค่นล้ม ต่อให้ข้าบอกให้พวกเขาล้มมวย แต่ดูท่าพวกเขาเองกลับไม่เต็มใจเช่นกัน!”

ฟางอวี้เอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะ

หลี่จียิ้มและกล่าวว่า

“ข้าเองก็ไม่ยอมง่ายๆเช่นกัน!”

คู่แรกของรอบนี้คือ กลุ่มของไคซินปะทะกับกลุ่มของโหย่วตัน หลังจากการต่อสู้อันดุเดือด ผลกลับกลายเป็นกลุ่มของไคซินที่ได้รับชัยชนะไป

ศึกการต่อสู้ดังกล่าว สิ่งที่ต้องถูกทดสอบมากที่สุดคือ ความสมดุลและร่วมมือกันระหว่างสามคน

และเห็นได้ชัดว่า ความสามัคคีและความแข็งแกร่งของกลุ่มไคซินทั้งสามเองก็เหนือชั้นจนน่ากลัว

ข้อได้เปรียบ ณ จุดนี้ เป็นสิ่งที่ฝ่ายสามตระกูลใหญ่ไม่สามารถโค่นฝ่ายตำหนักเจ้าเมืองได้เลย

เมื่อคู่ที่สองกำลังจะเริ่มศึกประลอง เป่ยหลานก็ดึงลั่วฉีเข้ามากระซิบว่า

“รอบนี้ หากมันยังกล้านอนหลับอีก เราจะแกล้งทำเป็นไม่ไหวและขอยอมแพ้โดยตรง! คราวนี้เด็กนั้นมีหวังหน้าถอดสีแน่นอน! กลุ่มของนายน้อยฟางอวี้เองก็หาใช่ชนชั้นกินเจไม่ ต่อให้พวกเราจะทำอย่างไรก็แพ้อยู่ดี เช่นนั้นปล่อยให้ไอ้เด็กฉลาดนั้นจัดการที่เหลือไป บางทีอาจยังพอมีหวังที่จะชนะ”

ลั่วฉีพยักหน้าและกล่าวว่า

“ตกลงตามนั้นเลย!”

……………………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ