จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1482

จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1482 เปลี่ยนกฎ
ตอนที่ 1482 เปลี่ยนกฎ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ทางด้านของฟางอวี้ กลุ่มผู้นำทั้งสามมีนามว่าซิวหนิง

คู่ต่อสู้ของเขาคือเย่หยวนอย่างแม่นยำ

อย่างไรก็ตามแต่ซิวหนิงได้เห็นฝีไม้ลายมือของเย่หยวนไปแล้ว และเห็นได้ชัดว่ามันค่อนข้างเกรงขามต่ออีกฝ่ายอย่ามาก

“น้องบรรพกาลราตรี เจ้ามีทักษะฝีมือที่ยอดเยี่ยม ซิวหนิงของชื่นชม อย่างไรก็ตาม ลั่วฉีและเป่ยหลานกลับอ่อนแอเกินไป พวกเขาไม่สามารถเอาชนะสุริยันดาราได้แน่นอน ไฉนเจ้าถึงไม่ยอมแพ้ไปตั้งแต่ตอนนี้ สมบัติทั้งแปดที่ได้รับ พวกเราค่อยนำมาแบ่งกันอีกทีคนละสองชิ้น เจ้าคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”

ซิ่วหนิงจับจ้องไปที่เย่หยวนพร้อมเอ่ยปากสนทนาด้วย

ลั่วฉีและเป่ยหลานที่ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าการแสดงออกพลันเปลี่ยนไปทันที พวกเขากล่าวเสียงขรึมว่า

“ซิ่วหนิง ที่เจ้าหมายความอย่างไรกัน?”

ซิ่วหนิงเอ่ยตอบเสียงเย็นว่า

“พวกเราย่อมรู้ตื้นลึกหนาบางของพวกเรากันเอง แม้ว่าพวกเจ้าจะพึ่งพาน้องบรรพกาลราตรีเพื่อเอาชนะเราได้ แต่กลับเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะเอาชนะสุริยันดารา ดังนั้นพวกเจ้ายอมแพ้ไปก่อนดีกว่า”

ลั่วฉีที่ได้ยินเช่นนั้นพลันโกรธจัดแทบสำลัก มันคำรามเสียงเย็นชาขึ้นว่า

“ความหมายของเจ้าคือ พวกเราไม่สามารถเอาชนะพวกเจ้าได้หากไม่พึ่งพาไอ้เด็กนั้น?”

ซิ่วหนิงกล่าวตอบว่า

“กล่าวตามสัตย์จริง ก็ตามที่เจ้าพูด อย่างน้อยพวกเราก็มีโอกาสชนะในรอบต่อไปมากกว่าพวกเจ้า?”

ลั่วฉีกับเป่ยหลานจากที่มีสีหน้าสดใน ยามนี้กลับดูไม่เต็มใจขมขื่นอย่างยิ่ง

แต่ทั้งคู่ก็ทราบดีว่า สิ่งที่ซิ่วหนิงกล่าวไปล้วนถูกต้องแล้ว

จากศึกสองรอบก่อนหน้า ทำให้พวกเขาตระหนักดีว่าจุดแข็งของสุริยันดาราและอีกสองตน มันมิได้อยู่ในระดับชั้นเดียวกับพวกเขาเลย

“พวกเจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้ เช่นนั้นให้ข้าไปเองดีกว่า”

เย่หยวนเอ่ยปากล่าวขึ้น

สีหน้าการแสดงออกของซิวหนิงพลันแปรเปลี่ยนไป แต่ลั่วฉีและเผ่ยหลาน สีหน้าทั้งคู่เผยถึงความสุขใจขึ้นมาทันควัน

“เริ่มได้!”

เย่หยวนกล่าวขึ้น

สีหน้าของซิ่วหนิงเคร่งขรึมขึ้นทันที พร้อมกระซัดหมัดเหล็กเข้าซัดจู่โจมพร้อมเสียงดังก้อง

ในขณะที่เขาปลดปล่อยกระบวนโจมตีออกมา ราวกับสามารถพลิกสมุทรโค่นบรรพตได้อย่างใดอย่างนั้น

ความแข็งแกร่งของซิวหนิงหาใช่สิ่งที่ลั่วฉีหรือเป่ยหลานจะเปรียบเคียงได้ก็จริง แต่สำหรับหนานฉี ทั้งคู่อาจอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน

หากให้เปรียบเทียบกันจริงๆคือ ฉินเทียนอ่อนแอกว่าอย่างไม่น่าเชื่อ

สิ่งนี้น่าตกใจอย่างมากเพราะในท้ายที่สุดนี้ซิวหนิงมีพลังเพียงสองดาวขั้นสุด ในขณะที่ฉินเทียนเป็นถึงเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าครึ่งขั้น

ความเข้าใจต่อแนวคิดของซิวหนิงลึกซึ้งอย่างมาก รวมไปถึงประสบการณ์การต่อสู้ด้วยเช่นกัน เขาสวมหมัดเหล็กซึ่งเป็นถึงเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เลิศล้ำคู่แกร่ง นี่นับเป็นคู่ต่อสู้ที่ดีของเย่หยวน

อย่างไรก็ตาม เย่หยวนในปัจจุบันหาใช่เย่หยวนในอดีตอีกต่อไป

หากเขาพบฉินเทียนตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นเลยด้วยซ้ำ เพียงบิดาผู้นี้ก็เพียงพอแล้ว

ฉินเทียนทรงพลังก็จริง แต่นั่นก็ทรงพลังแค่ภายในสถานศึกษาหวูเมิ่ง

ในบรรดาเหล่ายอดฝีมือในระดับชั้นเดียวกันของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ ผู้ที่เหนือชั้นกว่าเขามีมากมายมหาศาลเกินไป

เย่หยวนที่เข้าฝึกปรือภายในห้วงมิติบ่มเพาะแห่งความตายแทบตลอด มันช่วยขัดเกลาสัญชาตญาณการต่อสู้ของเขาให้เฉียบคมขึ้นทุกวัน

ระดับชั้นอย่างซิวหนิงไม่มีทางคุกคามเขาได้เลย

วูบบบ!

ดาบพิชิตมารฟ้าร่ายรำประดุจภูตผีเป็นประกายเงา พร้อมดิ่งตรงถึงหน้าซิ่วหนิงในชั่วพริบตา

อีกเพียงเสี้ยวนิ้วเดียว ชีวิตของซิ่วหนิงจะพลันดับสูญในทันที

“ทุกคนจงยอมแพ้เดี๋ยวนี้ พวกเราเป็นพวกเดียวกัน ข้าเองก็ไม่อยากให้ทุกคนประสบความสูญเสียเช่นกัน”

เย่หยวนเอ่ยลั่นวาจาดั่งคำขาด

อีกสองคนไม่คิดไม่ฝันว่าทุกอย่างจะลงเอยเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าซิ่วหนิงพ่ายลงแล้วอย่างรวดเร็ว

พวกเขายังคิดที่จะโค่นลั่วฉีและเป่ยหลานให้ไวที่สุด เพื่อล้อมปราบปรามรุมเย่หยวนในตอนท้าย

และทันทีทันใด อีกสองคนกลับต้องชะงักฝีเท้าทันที

เย่หยวนกล่าวเสริมขึ้นว่า

“ข้าจะให้โอกาสเพียงครั้งเดียว หากเจ้ายังผืนต่อไป ก็อย่าตำหนิว่าข้าไร้ซึ่งเมตตา!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงคมดาบที่ลุถึงปลายจมูกของตน ร่างของซิ่วหนิงพลันชโลมชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นจะเปียกแฉะ

“ข้า…ข้าขอยอมแพ้!”

ซิ่วหนิงกล่าวอย่างไม่เต็มใจนัก

สีหน้าการแสดงออกของทั้งสองดูรวนเรอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็จำใจกล่าวยอมแพ้ลงในท้ายที่สุด

ด้วยเหตุนี้ กลุ่มของเย่หยวนจึงสามารถคว้าชัยชนะไปได้โดยไม่ต้องคลั่งโลหิตออกมาเลยสักหยด

ลั่วฉีและเป่ยหลานสีหน้าท่าทางดูร่าเริงอย่างมาก พวกเขาในตอนนี้อยู่ห่างจากสมบัติทั้งแปดเพียงไม่กี่ก้าวแล้วเท่านั้น

เย่หยวนจะไม่ทราบได้อย่างไรว่า ทั้งสองตนนี้ดีใจขนาดนี้เพราะเหตุใด เขาเพียงหัวเราะเยาะเย้ยหยันทั้งคู่อยู่ภายในใจ

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดบนผืนพิภพหาใช่ศัตรูที่ทรงพลัง แต่เป็นการประเมินความสามารถตนเองที่สูงเกินไป

แม้สมบัติเหล่านั้นจะเป็นของดี แต่ก็ควรรับมันไปพร้อมกับชีวิตที่ยังมีอยู่ด้วย!

ไคซินจับจ้องภาพฉากตรงหน้า ยามนี้ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวแลดูน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่

เขาเอ่ยเรียกสุริยันดารามาข้างกายและกระซิบถามเบาๆว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ