จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1508

สรุปบท ตอนที่ 1508 ทำนองแห่งยอดเต๋า!: จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1508 ทำนองแห่งยอดเต๋า! – ตอนที่ต้องอ่านของ จอมเทพโอสถ

ตอนนี้ของ จอมเทพโอสถ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1508 ทำนองแห่งยอดเต๋า! จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1508 ทำนองแห่งยอดเต๋า!
ตอนที่ 1508 ทำนองแห่งยอดเต๋า!
โดย
Ink Stone_Fantasy
เพื่อใช้สถานที่ในการจัดงานบรรยายครั้งใหญ่ ลานประลองเลือดถึงขั้นประกาศหยุดพักชั่วคราวเป็นเวลาครึ่งเดือน

แม้การหยุดแบบนี้จะก่อเกิดความสูญเสียจำนวนมาก แต่อินทรีโลหิตก็หาได้สนใจไม่เลย!

ภายในลานประลองเลือดสามารถรองรับผู้คนได้จำนวนกว่าหลายสิบหมื่น

ณ ปัจจุบัน บนลานประลองหลักมีเพียงเย่หยวนยืนตระหง่านอยู่แค่คนเดียว

แต่ร่างนี้กลับทรงอิทธิพลและทรงพลังอย่างยิ่งภายในสายตาของกลุ่มนักปรุงโอสถปีศาจ

นั้นคือการดำรงอยู่ที่พวกเขาเลื่อมใสและสรรเสริญ!

เหล่านักสู้ต่างเคารพในความแข็งแกร่ง

เหล่านักปรุงโอสถปีศาจล้วนเคารพต่ออำนาจ!

พวกเขาล้วนเคารพนับถือเย่หยวนจากก้นบึ้งของหัวใจ!

ภายใต้ทุกสายตาที่จับจ้อง เย่หยวนค่อยๆเอ่ยปากกล่าวขึ้นว่า

“เต๋าแห่งโอสถเป็นสิ่งที่ซับซ้อนไร้ซึ่งระเบียบ ดูราวกับเป็นสรรพสิ่งอย่างสับสนไปหมด แต่ตราบใดที่พวกเจ้าสามารถแยกปลายเส้นด้ายด้านหนึ่งได้ เจ้าย่อมสามารถสาวไปถึงรังอีกฝั่งได้เช่นกัน”

“ศาสตร์แห่งโอสถหาใช่แค่การหลอมกลั่นโอสถเฉยๆและตายตัว หากเข้าใจว่ามันเป็นเพียงศาสตร์หนึ่งที่น่าเบื่อหน่าย เจ้าก็จะกลายเป็นนักหลอมโอสถธรรมดาทั่วไป”

“ศาสตร์แห่งโอสถคือยอดเต๋า! แกนแท้ของโอสถมิได้อยู่ที่ตัวโอสถ”

“….”

สุ่มเสียงเย่หยวนดังกึกก้องทั่วทั้งลานประลองเลือด

นักปรุงโอสถุปีศาจทั้งหมดต่างนิ่งเงียบรับฟังเย่หยวนราวกะบถูกมนต์สะกด

หลังจากที่เย่หยวนเลื่อนระดับชั้นขึ้นเป็นจอมเทพโอสถ ความเข้าใจของเย่หยวนต่อเต๋าโอสถก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น

การบรรยายชนิดที่ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยในเวลานี้ เสมือนกับการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อยภายในบ้าน

แต่นักปรุงโอสถปีศาจแต่ละคนต่างหูพึง วาจาสอนแต่ละคำของเย่หยวนล้วนเป็นดั่งอัญมณีล้ำค่าแห่งยอดเต๋า

การบรรยายครั้งนี้ของเย่หยวนดำเนินต่อเนื่องถึงสิบห้าวันโดยไม่มีหยุดพักใดๆ

สำหรับเซียนอาณาจักรพระเจ้า การมิได้นอนพักสิบห้าวันกลับไม่นับเป็นอันใด แต่การบรรยายถึงศาสตร์แห่งเต๋าเช่นนี้จำต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมาก สำหรับคนธรรมดาทั่วไป สามารถยืนพูดได้ห้าวันติดก็นับว่าเก่งมากแล้ว

เย่หยวนที่ยืนบรรยายเป็นเวลาสิบห้าวันรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบเช่นนี้ แทบไม่มีใครเคยเห็นบนผืนพิภพมาก่อน

เพื่อประโยชน์ต่อการบรรยายครั้งนี้ เย่หยวนได้จัดเตรียมเนื้อหาคำสอนต่างๆที่เขาเรียนรู้มาตั้งแต่ขึ้นกลายจอมเทพโอสถ

ในเวลานี้เอง เขายังคงบรรยายต่อไปอย่างเป็นธรรมชาติและราบรื่นยิ่ง ปราศจากอาการเอื่อยเฉื่อยแม้แต่น้อย

เย่หยวนเริ่มต้นบรรยายตั้งแต่เนื้อหาที่ตื้นเขินไปยังลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ

ในวันแรกที่ทุกคนเริ่มฟังเสมือนกับเป็นการปูพื้นแห่งปัญญา ยังมีหลายจุดนักที่พวกเขายังไม่เคยทำความรู้จักและเข้าใจ ยามนี้เมื่อได้ฟังราวกับรู้แจ้งในคราเดียว

วันที่สองเย่หยวนเริ่มเจาะละเอียดเนื้อหาที่ลึกซึ้งมากขึ้น มีเพียงคนส่วนน้อยที่รู้สึกดั่งว่ามีไอหมอกอยู่ในก้อนเมฆ

วันที่สาม..วันที่สี่..วันที่ห้า…

เนื้อหาที่เย่หยวนกล่าวถึงยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่นักปรุงโอสถระดับสามเองก็ยังรู้สึกว่า ตนเริ่มที่จะไม่เข้าใจแล้ว

จนท้ายที่สุด ก็ไม่เหลือใครเข้าใจแม้แต่คนเดียว

พวกเขาตระหนักได้ว่า สิ่งที่เย่หยวนกำลังกล่าวถึงนั้นยากมาก แม้พวกเขาจะไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่นี่ก็เป็นประสบการณ์หายากที่จะมีโอกาสได้ฟัง

เย่หยวนหยิบใช้วิธีที่ง่ายที่สุดในการอธิบายและแสดงให้เห็นภาพแกนแท้ของศาสตร์แห่งโอสถ

แม้พวกเขาจะดูไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่นี่ก็เป็นประสบการณ์ชนิดหนึ่งที่ชั่วชีวิตนี้พวกเขาอาจหาไม่ได้อีกแล้ว

ในอดีตที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขาคือเมฆหมอกหนาทึบ และไม่สามารถมองเห็นปลายทางที่ชัดเจนได้เลย

แต่ตอนนี้เปรียบเสมือนว่า เย่หยวนช่วยผลักดันเมฆหมอกที่หนาทึบเหล่านี้ออกไป เพื่อให้พวกเขามองเห็นโดยรอบชัดแจ้งยิ่งขึ้น

ซึ่งโอกาสเช่นนี้หาใช่ว่าทุกคนจะได้รับกัน!

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่รู้เลยว่ากลิ่นอายลึกลับที่พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้นั้นมันคืออะไร

แต่กลิ่นอายลึกลับเหล่านี้กลับเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเหลือพวกเขาให้พัฒนาขึ้นจากความอ่อนแอไปสู่ความแข็งแกร่ง

ทันใดนั้นเองพวกเขาก็ค้นพบว่า เสียงของเย่หยวนในยามนี้แม้นอยู่ใกล้แต่กลับรู้สึกห่างเหินมากขึ้นเรื่อยๆ

เย่หยวนยังคงยืนบรรยายเสียงดังฟังชัดอยู่กลางลานประลองดังเดิม แต่สุ่มเสียงของเขาเสมือนกับว่าดังขึ้นจากสุดขอบฟ้าไกล

“นี่…นี่เกิดอะไรขึ้น?”

“รัศมีแห่งเต๋า! นั้นคือรัศมีแห่งยอดเต๋า!”

คล้อยหลังที่พวกเขาเดินทางออกไปจากลานประลองเลือด ด้วยความเร่งรีบของทุกคน แต่ละคนเร่งควานหาสถานที่พักพึงทันทีเพื่อปลีกวิเวกเก็บตัว

ภายในโลกแห่งศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ เบื้องหน้าหุบเขาถงเทียนจำลองปรากฏเป็นร่างของเย่หยวนที่ถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งยอดเต๋าอันไร้ขอบเขต

เย่หยวนค่อยๆลืมตาทั้งสองข้างขึ้นก่อนเผยให้เห็นรอยยิ้มแห่งความปีติยินดี

ณ ปัจจุบัน เย่หยวนก้าวขอบเขตเดิมของเขาขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้วโดยไม่รู้ตัว และบรรลุถึงระดับสองขั้นสุด!

“ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยว่า การปลูกต้นหลิวโดยมิได้ตั้งใจ กลับกลายมาเป็นร่มเงาได้ในภายหลัง การบรรยายครั้งนี้ทำให้ข้าสามารถเลื่อนระดับชั้นไปได้ ไม่เพียงแค่สร้างโอสถตราสวรรค์บำรุงฤทัยเท่านั้น แต่ยังเปิดประตูแห่งบัญญัติเทพแห่งถงเทียนสู่ระดับสามได้อีกด้วย!”

หวูเฉินเอ่ยถามขึ้นเจือน้ำเสียงประหลาดใจว่า

“ตอนนี้เจ้าอยู่ในระดับชั้นใดแล้ว?”

ศาสตร์แห่งโอสถเปรียบดั่งนามอธรรมไม่จีรัง ต่อให้นำเขาเปรียบเทียบกับจอมเทพโอสถระดับสองคนอื่นๆ แต่ในด้านความแกร่งกล้ากลับแตกต่างกันเสมือนฟ้ากับเหว

ดังนั้นแล้วเพียงระดับชั้นกลับไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างบุคคลได้

บางทีจอมเทพโอสถระดับสองอาจสามารถหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ได้มากกว่าจอมเทพโอสถระดับสองคนอื่นๆ

แต่ปัจจุบัน เย่หยวนเหนือกว่าระดับชั้นนั้นอย่างชัดเจน แค่หลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสองกลับกลายเป็นเรื่องง่ายดายแล้ว นั้นจึงเป็นเหตุผลที่หวู่เฉินเอ่ยถามเรื่องนี้ขึ้นมา

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“อืม…ข้าก็ไม่สามารถกล่าวได้เช่นกัน แต่ตอนนี้ข้าคิดว่า โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสองหาใช่หรือสร้างความลำบากใดให้ข้าอีกแล้ว?”

ม่านตาดำของหวู้เฉินหดแคบในทันใด เขาค่อนข้างแปลกใจยิ่งต่อคำกล่าวของเย่หยวน

เขารู้ว่าเย่หยวนหาใช่คนที่จะกล่าวอวดอ้างไปเรื่องโดยไม่มีมูลเหตุ

สำหรับเย่หยวนที่กล้ากล่าวออกมาขนาดนี้ แสดงว่าเขาต้องมีความมั่นใจในระดับนึง

การหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสองหาใช่ปัญหา? คำกล่าวแบบนี้คงมีแต่ท่านบรรพชนโอสถเท่านั้นกระมังที่กล้ากล่าวแบบนี้?

“เมื่อนานมาแล้ว ท่านบรรพชนโอสถเคยก็เคยเรียกปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋ามาได้เช่นกันในขณะที่บรรยาย หรือเป็นไปได้ไหมว่าเจ้าจะอยู่ในระดับชั้นเดียวกับเขาแล้ว?”

หวูเฉินเอ่ยขึ้นในทันที

…………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ