กัวซิงหวางเดิมคิดว่าเย่หยวนยามนี้เป็นเพียงลูกพลัมอ่อนนุ่ม แต่ไหนเลยคิดว่าอีกฝ่ายจะซ่อนแผ่นเหล็กไว้เช่นนี้?
“หยุด!”
เย่หยวนคำรามเสียงดังลั่น
ร่างของกัวซิงหวางที่กำลังจะก้าวเดินออกไปพลันฉะงักค้างแข็งในทันใด เขาพยายามฝืนยิ้มกระด้างแข็งทั้งน้ำตาพลางกล่าวว่า
“เอ่อ…เอ่อ…ท่านปรมาจารย์เย่มีสิ่งใดต้องการชี้แนะ?”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นเอ่ยว่า
“เขาโดนอะไรกันแน่?”
หหวางเชียนถือเป็นผู้ป่วยของเขา และเย่หยวนเพิ่งรักษาจนหายดีได้ไม่นาน ยามนี้กลับถูกทำร้ายจนสาหัสกลับมา มีหรือจะไม่รู้สึกโกรธภายในใจ?
แม้ว่าจุดยืนระหว่างทั้งสองฝ่ายจะคนละด้าน แต่เย่หยวนกลับชื่นชมความรักและห่วงใยระหว่างลุงกับหลานชายคู่นี้มาก
ที่สำคัญที่สุด หวางเชียนถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่เขาภาคภูมิใจที่สุด
การจะหลอมกลั่นโอสถชำระไขกระดูกสวรรค์นับเป็นเรื่องยากลำบากมาก กระทั่งเย่หยวนเองยังต้องใช้ความพยายามไม่น้อยกับการรักษา
หากมิใช่เช่นนั้น เขาคงไม่ใช่เวลากว่าสองชั่วยามในการวินิจฉัยอาการของหวางเชียนแน่นอน
อันที่จริง เย่หยวนพอจะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าความสำเร็จของเขาจะสร้งาความอับอายให้แก่หอเต๋ออี้มาก
แต่ใครจะไปคิดว่าอู๋เฟินที่เสียหน้าหนักจะมาจุดไฟระบายความโกรธกับคู่ลุงหลานขนาดนี้?
การที่หวางเชียงปรากฏตัวในสภาพอนาถขนาดนี้ นั้นหมายความว่าสภาพของหวางห่าวหลานจักต้องน่าสยดสยองกว่านี้หลายเท่านัก
เย่หยวนหาใช่คนดีเลิศจิตใจงดงามปานนั้น พวกเขาทั้งสองเองก็มิได้มีความสัมพันธ์เขามากมายนัก ย่อมไม่จำเป็นต้องทวงคืนความเป็นธรรมแก่พวกเขา
แต่การที่หอเต๋ออี้ไล่ล่าอีกฝ่ายจนเข้ามาบุกรุกล้ำเส้นคนอื่นแบบนี้ มันทำให้เย่หยวนหงุดหงิดอย่างมาก
“นี่…นี่…”
กัวซิงหวางกล่าวตะกุกตะกักไม่ทราบเลยว่าตนควรตอบอย่างไรดี
เย่หยวนเอ่ยตอบเสียงเย็นว่า
“หากพวกเจ้าจับเขาตั้งแต่อยู่ด้านนอก ข้าเองก็มิได้สนใจหรือไม่จำต้องสนใจเช่นกัน แต่ในแห่กันเข้ามาในร้านขายโอสถรับจ้ารสารพัดแล้ว ยามนี้คิดจะเดินออก ก็เดินออกไปง่ายๆขนาดนั้นเชียว?”
สีหน้าการแสดงออกของกัวซิงหวางบิดเบี้ยวน่าเกลียดถึงขีดสุด เขาเอ่ยกล่าวอย่างเชื่องช้าขึ้นว่า
“ท่านปรมาจารย์เย่ นี่…นี่ผู้ต่ำต้อยตระหนักทราบดี…ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง!”
เย่หยวนตะโกนเสียงเย็นชืดใส่ว่า
“โทษประหารเท่านั้น! เรื่องนี้ยากเกินจะผ่อนปรน!”
กัวซิงหวางแทบร้องระงมขื่นขมภายในใจ แต่ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้ายืนอยู่ตรงหน้า เขาหรือจะกล้าอวดดี มีแต่กล่าวตอบไปกว่า
“ท่านปรมาจารย์เย่…หากเป็นอย่างอื่นข้ายินดีรับโทษทั้งหมด! ขอเพียงท่านโปรดเอ่ยกล่าว?”
เย่หยวนกวาดตามองเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ท้ายหลัง และกล่าวขึ้นว่า
“พวกเจ้า! รุมทุบตีเขาจนกว่าจะสาหัส! อย่าคิดออมมือ ส่วนเจ้าลงไปนอนราบบนพื้นและรอให้คนของเจ้ากระทืบ!”
“พ๊วดด…ฮ่าๆๆๆ…”
ทั้งหนิงซื่ออวี๋และเหลียงหวางหรูต่างระเบิดหัวเราะลั่นเดินจนอดกลั้นไหว
คำสั่งของเย่หยวนดูโรคจิตเกินไป
ในทางตรงกันข้าม เหล่าผู้ใต้บัญชากลับมีใบหน้าค้างกระด้าง พวกเขาเคลื่อนสายตาแปลกๆจับจ้องไปที่กัวซิงหวาง
กัวซิงหวางเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“ข้าขอดูหน่อยเสียว่า พวกเจ้าจะมีใครกล้าเคลื่อนไหวบ้าง!!?”
กัวซิงหวางสาดสายตาสวนกลับพร้อมคำรามคำขู่
“โอ้? หากไม่มีใครกล้า คงต้องให้ท่านพี่เซียวเชิญลงมือ”
เย่หยวนประสามือให้เซียวเฟิง
ภายในใจกัวซิงหวางกรนด่าสาปแช่งเย่หยวนไม่หยุดหย่อน แต่ในความเป็นจริงกลับไม่กล้าแม้กระทั่งเอ่ยปากขขัด!
เพียงเหลียวไปจับจ้องเหล่าบรรดาผู้ใต้บัญชาอีกครั้ง พร้อมชี้หน้าเรียงตัวกล่าวว่า
“ตีข้าเดี๋ยวนี้! กระทืบข้าให้หนัก!”
ส่วนพวกเขาต่างเหลียวซ้ายแลขวาจับจ้องไปมาอย่างฉงนรวนเรยิ่ง และไม่มีใครกล้าวเคลื่อนไหวกันเลยสักคน
ขณะเหลือบมองเย่หยวน สีหน้าการแสดงออกของเขาก็ดูเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ จนกัวซิงหวางมิอาจทนต่อไปได้อีก และรีบนอนราบบนพื้นต่อหน้าผู้ใต้บัญชาทุกคนโดยไว
“ไอ้พวกบัดซบ! ข้าเอ่ยสั่งไปไม่ได้ยินรึไง! หรือพวกเจ้าอยากให้ข้าถูกคนอื่นกระทืบตาย! เร็วเข้า! กระทืบข้าเร็วๆ!!”
กังซิงหวานนอนแผ่สองสลึงพร้อมคำรามสั่นการพร้อมสีหน้าแสนเดือดดุ
เฝ้ามองพฤติกรรมของกัวซิงหวางจวบจนบัดนี้ ทั้งสองสาวต่างปิดปากกลั้นขำจนตัวสั่น แม้แต่เซียวเฟิงเองยังแอบยิ้มเช่นกัน
เย่หยวนคนนี้ทั้งความคิดและจิตใจเลือดเย็นมิใช่น้อย ใครคิดเป็นศัตรูกับเขาคงต้องเหนื่อยหน่อย
เมื่อเหล่าผู้ใต้บัญชาเห็นว่า เจ้านายของตนสั่งมาแบบนี้ จึงได้แต่กัดฟันยกบาทาเข้ากระทืบทันที!
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
สักพักหนึ่งต่อมา ทั้งเตะทั้งต่อยลูกกระบวนท่าร่างมาครบองค์ประชุม กัวซิงหวางที่ถูกตะลุมบอนต่อเนื่อง กลิ้งซ้ายกลิ้งขวากระเด็นไปมาราวกับลูกหนังพร้อมหน้าดำค้ำเครียด
แม้ความแข็งแกร่งของเหล่าผู้ใต้บัญชาจะอ่อนด้อยกว่าเขามาก แต่ยามนี้เขาเปิดฉากให้พวกเขากระทืบโดยไม่ต่อต้านใดๆ จึงย่อมรู้สึกเจ็บปวดตามร่างกายโดยธรรมชาติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...