แม้ต้องมาเจอกับพลังแห่งโลกของหนูยักษ์แทะกระดูก เย่หยวนกลับไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย
เพราะคลื่นดาบฉีของเขาในตอนนี้ดูท่าใกล้จะพังมิติที่ห่อหุ้มตัวอีกฝ่ายได้แล้วเสียด้วยซ้ำ
นั่นทำให้ทุกผู้คนที่ได้เห็นต้องเบิกตาค้าง แต่ตัวเย่หยวนเองกลับได้แต่ถอนหายใจ
ที่เขาออกมาสำรวจด้วยในครั้งนี้สมบัตินั้นเป็นแค่เพียงแค่ของแถม เป้าหมายที่แท้จริงของเย่หยวนคือการหาวิธีการบรรลุอาณาจักรต่างหาก
และการปรากฏตัวของเจ้าหนูยักษ์แทะกระดูกมันก็เหมาะสมที่จะให้เขาได้ทดสอบฝึกฝนตัวเอง
การต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับสัตว์อสูรที่ทรงพลังอาจจะช่วยให้เขาสามารถเข้าใจอะไรได้ มันอาจจะช่วยให้เขาก้าวขึ้นไปยังระดับสี่ได้
แต่ตอนนี้ที่เท่าที่ได้ลองต่อสู้ดูแล้ว มันเหมือนกับการโยนหินถามทางลงมหาสมุทร
การปล่อยเพลงดาบเมฆาลับแลออกมาพร้อมกับบัญญัติเทพแห่งถงเทียนนั้นสามารถยกระดับตัวเองให้ทัดเทียมกับสัตว์อสูรระดับสี่ได้
แต่สุดท้ายเขาก็ยังหาต้นเหตุไม่ได้ว่าปัญหามันอยู่ตรงไหนกันแน่
เย่หยวนในตอนนี้นั้นเหมือนคนที่กำลังหลงทางอยู่กลางมหาสมุทร
แม้จะดูยิ่งใหญ่แต่เส้นทางภายหน้าช่างมืดมน
หากเขาไม่สามารถหาเส้นทางไปต่อที่ถูกต้องได้ สุดท้ายศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาจะพอสู้ได้ก็คงมีแต่นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวเท่านั้น
“เพลงดาบเมฆาลับแลสิ้นแนวมิติควบแน่น!”
เย่หยวนร้องออกมาพร้อมผสานวิชาเข้าด้วยกัน ดาบนี้ของเขาทะลุผ่านโลกของเจ้าหนูยักษ์แทะกระดูกระดับสี่ ได้ทันที ส่งร่างของมันลงไปกองกับพื้นอย่างง่ายดาย
สิ้นแนวมิติควบแน่นนี่คือกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เย่หยวนมีในตอนนี้ด้วยการผสานแนวคิดแห่งดาบและแนวคิดแห่งห้วงมิติเข้าด้วยกัน เป็นไม้ตายของเย่หยวน
เขาผสมแนวคิดแห่งห้วงมิติเข้ากับเพลงดาบ ด้วยคลื่นดาบฉีที่เข้ารวมพลังกันในช่องว่างแห่งมิติ ทำให้นี่กลายเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เย่หยวนทำได้
เมื่อนำมันมารวมกับพลังจากดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าที่เป็นสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำนี่ทำให้เย่หยวนสามารถเจาะทะลุโลกของสัตว์อสูรระดับสี่ได้
ตอนนี้เจ้าหนูยักษ์แทะกระดูกระดับสี่ ได้แต่นอนอยู่กับพื้นพร้อมดิ้นอย่างทุรนทุราย ดูท่าคงไม่มีชีวิตรอดแล้ว
ทุกคนที่ได้เห็นแบบนั้นตกตะลึงจนตาแทบทะลุออกมาจากเบ้า
คมดาบนั้นมันทำให้พวกเขาเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาว สายตาที่พวกเขามีต่อเย่หยวนนั้นตอนนี้มันมีอารมณ์แห่งความกลัวเข้ามาผสมไปด้วย
เพราะนี่คือนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าที่สังหารสัตว์อสูรระดับสี่ ลงได้ มันช่างเป็นอะไรที่เหนือจินตนาการของทุกผู้คน
เพราะหากตัวพวกเขาเหล่านั้นต้องไปต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับสี่ ด้วยตัวเอง พวกเขาก็ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าจะจัดการมันลงได้!
เพราะฉะนั้นมันจึงหมายความว่าเย่หยวนเองก็สามารถสังหารพวกเขาลงได้ไม่ยากเช่นกัน!
เย่หยวนเก็บดาบลงและยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ร่างกายผอมบางของเขาในตอนนี้มันกลับดูยิ่งใหญ่หนักแน่นในสายตาของผู้ที่ได้เห็น
“ผู้อาวุโสเย่ช่าง… ข-แข็งแกร่ง!”
“อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าสังหารอาณาจักรราชันพระเจ้ามันเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน!”
“อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้เลยรึนี่?”
“แนวคิดแห่งห้วงมิติช่างเหนือล้ำ มีพลังถึงขนาดนี้เลยเชียว! หากข้าสามารถเข้าใจมันได้แม้สักเล็กน้อยมันคงมีประโยชน์กับข้าไม่น้อยเลย!”
…
เหล่าผู้ดูแลและผู้พิทักษ์ต่างจ้องมองไปด้วยสายตาเปี่ยมความชื่นชมในตัวเย่หยวน
เจิ่งชีเองก็มองไปทางเย่หยวนก่อนจะกล่าวพึมพำกับตัวเองขึ้น “เย่หยวนสามารถสังหารสัตว์อสูรระดับสี่ ลงได้แบบนี้มิใช่เพราะว่าเขาพึ่งพาแนวคิดแห่งห้วงมิติเพียงอย่างเดียว! พลังการบ่มเพาะของเขาเองก็เหนือล้ำไม่แพ้ใคร เพราะแบบนั้นมันถึงสามารถรองรับวิชาแบบนั้นได้! ข้าเกรงว่าสิ่งที่น่าเกรงขามที่สุดในตัวเย่หยวนนั้นจะเป็นวรยุทธบ่มเพาะของเขานั่นแหละ!”
เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้นพวกเขาก็ยิ่งตื่นตะลึงหนักเข้าไปอีก
จะเป็นวรยุทธบ่มเพาะแบบไหนที่สามารถช่วยให้อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าสังหารสัตว์อสูรระดับสี่ ลงได้?
วรยุทธบ่มเพาะแบบนั้นมันจะไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยรึ?
ดวงตาของเจิ่งชีเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม แต่ในวินาทีนั้นเขากลับเห็นความผิดหวังในดวงตาของเย่หยวน มันทำให้ เจิ่งชีต้องประหลาดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
พลังการต่อสู้ที่เหนือล้ำขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าเด็กคนนี้ยังไม่พอใจกับมัน?
ความผิดหวังนั้นไม่ใช่สิ่งที่เย่หยวนต้องการจะแสดง
เย่หยวนนั้นพยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะเก็บอารมณ์เหล่านั้นไว้ในใจ แต่เจิ่งชีกลับทันสังเกตเห็นมันได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...