ตอนนี้แม้จะอยู่ต่อหน้าเย่หยวนแต่เจิ่งชีก็ไม่สามารถห้ามน้ำตาที่ไหลนองหน้าได้
การบรรลุเป้าหมายที่เขาหมายตามานับหมื่นๆ ปีนี้มันทำให้จิตใจของเขาโล่งขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
เดิมทีเขานั้นหมดสิ้นซึ่งความหวังใดๆ แล้ว แต่เป็นเย่หยวนที่นำเขาขึ้นมาจากห้วงแห่งความสิ้นหวังนั้น
ความขอบคุณในจิตใจของเขานั้นมันยากเกินกว่าจะใช้คำใดๆ อธิบายออกมา จึงได้แต่พูดคำสั้นๆ ง่ายเช่นนี้
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ผู้อาวุโสใหญ่นั้นช่างมีจิตใจที่แน่วแน่นัก เย่หยวนผู้นี้ขอนับถือ ความช่วยเหลือของข้านั้นมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเลย แต่เราก็ไม่ควรจะอยู่ที่นี่ต่อนานนัก รีบกลับไปกันก่อนดีกว่า”
คนทั้งสองกลับมาหาพวกหนิงเทียนปิงและเย่หยวนก็ใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมา นำพาผู้คนที่เหลือรอดทั้งหลายกลับขึ้นมาจากเหวลึก
“ในที่สุดก็ได้เห็นตะวันอีกครา! การเดินทางครั้งนี้มันช่างแสนเหนื่อยยากนัก!”
“อืม จู่ๆ ก็ถูกกดพลังบ่มเพาะอย่างไม่มีเหตุผล มันรู้สึกแย่เสียจริงๆ”
“ต้องขอบคุณผู้อาวุโสเย่! ไม่เช่นนั้นคงไม่มีพวกเราคนใดรอดออกมาได้แน่”
…
คนฝั่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
สถานที่ที่ความเป็นความตายคาบเกี่ยวขนาดนี้ แม้แต่พวกเขาที่เป็นผู้อาวุโสและผู้พิทักษ์ก็ยังไม่เคยพบเจอกับสถานที่ใดที่จะอันตรายได้ขนาดนี้มาก่อนเลย
พวกเขานั้นไม่ได้หวาดกลัวเหล่าสัตว์อสูรอันทรงพลังนั้น แต่สิ่งที่พวกเขาเกรงกลัวที่สุดคือการถูกกดพลังบ่มเพาะต่างหาก
ความไร้พลังนั้นมันทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวังขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
โชคยังดีที่พวกเขามีเย่หยวนด้วย จึงสามารถรอดกลับออกมาได้
ทางเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นก็มีผู้สูญเสียไปไม่น้อยเพราะการต่อสู้กับปีศาจ แต่หากเทียบกับเมืองจักรพรรดิอื่นๆ แล้วความเสียหายที่พวกเขามีนั้นนับได้ว่าน้อยที่สุด
เพราะฉะนั้นตอนนี้จิตใจของพวกเขาทั้งหลายจึงรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งเย่หยวนอยู่อย่างเต็มอก
เมื่อพวกเขาทั้งหลายกำลังจะแยกย้ายกันกลับไป ก็มีเงาร่างสองเงาปรากฏขึ้นมาจากภายในเหว แน่นอนว่ามันคือซ่งหยูและเล่ออี้ที่เพิ่งจะกลับขึ้นมา
ทั้งสองคนนั้นร่วมมือกันจัดการข่านซัวจนบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ไม่สามารถปลิดชีวิตอีกฝ่ายลงได้
สุดท้ายพวกเขาจึงกลับขึ้นมาพ้นจากสนามแรงโน้มถ่วงและกลับมาเป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์เต็มตัวอีกครั้ง
ทั้งสองคนคุยกันพักหนึ่งและหันหน้ากลับมา
เย่หยวนมองดูพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเย็นชา “อะไรรึ? หรือพวกเจ้าคิดจะปล้นคนกลางวันแสกๆ เช่นนี้?”
ซ่งหยูจึงกล่าวขึ้น “ส่งเขาหน่วงเทพบรรพกาลมา! มิเช่นนั้นเจ้าก็ลืมไปได้เลยว่าจะรอดออกไปจากอาณาเขตของเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ได้! ต่อให้ตอนนี้เราสังหารเจ้าไม่ได้แต่เจ้าคิดหรือว่าจะหนีรอดออกไปได้?”
เย่หยวนจึงนำเขาหน่วงเทพบรรพกาลออกมาถือไว้ในมือ ก่อนจะยิ้มขึ้นน้อยๆ “หากเจ้าอยากได้ก็เอาไปเถอะ!”
พูดจบเย่หยวนก็ส่งมันออกมาเบาๆ ส่งเขาหน่วงเทพบรรพกาลอันใหญ่มหึมานั้นพุ่งตรงไปยังคนทั้งสองด้วยความเร็วสูง
คนทั้งสองไม่ได้รู้สึกถึงแนวคิดใดๆ จึงคิดว่าเย่หยวนยอมที่จะมอบมันออกมาดีๆ จริงๆ
เพราะเมื่อทั้งสองได้กลับมาเป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์แล้ว หากเย่หยวนไม่ได้ใช้แนวคิดใดๆ ออกมาแบบนี้น้ำหนักของเขาหน่วงเทพบรรพกาลเองมันก็ไม่ได้เป็นภัยกับพวกเขาเลย
เมื่อทั้งสองเห็น พวกเขาจึงตื่นเต้นดีใจอย่างบอกไม่ถูก พยายามจะยื่นมือออกมารับเขาหน่วงเทพบรรพกาลไว้ด้วยตัวเอง
แต่ทว่าเมื่อพวกเขาแตะโดนเขาหน่วงเทพบรรพกาลเข้า พวกเขาก็ได้รู้สึกพลังความหนักหน่วงของยอดเขาใหญ่มหาสมุทรไพศาลส่งมายังร่าง
ตู้ม!
“อ่อก!”
คนทั้งสองถูกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งรับจึงทำให้ร่างของทั้งคู่ลอยกระเด็นออกไปไกล
และเขาหน่วงเทพบรรพกาลเองก็รับแรงกระแทกสะท้อนกลับมายังมือของเย่หยวนอีกครา
“พวกเจ้านี่มันช่างใจกว้างกันเสียจริงๆ หากพวกเจ้าไม่อยากได้งั้นข้าก็จะรับมันไว้เอง” เย่หยวนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เรื่องนี้มันทำให้คนรอบๆ ต้องยืนนิ่งไม่กล้าไหวติง ได้แต่ยืนมองภาพตรงหน้าอย่างไม่รู้ต้องทำตัวยังไง
ซ่งหยูและเล่ออี้นั้นคือยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์!
แม้ว่าพวกเขาจะบาดเจ็บหนักหน่วงแค่ไหน แต่อาณาจักรนภาสวรรค์นั้นก็ยังเป็นอาณาจักรนภาสวรรค์อยู่วันยันค่ำ พวกเขาคือตัวตนที่ไม่มีทางพ่ายแพ้แก่ใคร
แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับส่งร่างของคนทั้งสองลอยละลิ่วด้วยเขาลูกนั้น!
พลังของเขาลูกนี้มันช่างทรงพลังจนเกินกว่าจะทนทานไหว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...