เพราะผู้อาวุโสที่ได้รับคุณประโยชน์จากเย่หยวนไปนั้นมันมิใช่จำนวนที่น้อยๆ เลย
ยังไงเสียเย่หยวนก็เป็นตัวตนที่น่าเกรงขามในหมู่จอมเทพโอสถสามดาว เขาคนนี้ครั้งหนึ่งเคยที่จะชนะผู้อาวุโสที่สอง หรงซูได้เสียด้วยซ้ำ
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายในนี้มีใครบ้างที่ไม่มีศิษย์เลยสักคน?
การหาโอสถดีๆ มาช่วยศิษย์ที่รักนั้นมันเป็นเรื่องราวที่แสนจะปกติ
แต่เพราะว่าเย่หยวนนั้นเป็นแค่จอมเทพโอสถสามดาว ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเก่งกาจขนาดไหนมันก็ยังไม่เพียงพอ
พวกเขาอาจจะพอจำคุณของเย่หยวนไว้ได้ระยะหนึ่ง แต่คงไม่มีทางจำมันไปจนวันตาย
หากไม่มีใครพูดถึงขึ้นมาพวกเขาทั้งหลายก็อาจจะลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ
แต่การที่เล่งหยูกล่าวถึงมันขึ้นมาแบบนี้มันจึงทำให้พวกเขาทั้งหลายแสดงสีหน้าสุดละอายออกมา
หรงซูที่เห็นแบบนั้นจึงคิดว่าเรื่องกำลังไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้องและกล่าวขึ้นมา “ท่านปู่ยุทธนั้นพูดไม่ถูกต้อง ทุกคนตอนนี้หาได้โยนหินลงบ่อน้ำไม่ พวกเราทั้งหลายแค่กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็เท่านั้น ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อพูดถึงตำแหน่งผู้อาวุโสของเย่หยวน หาได้คิดจะทำอะไรตัวเขาไม่ เพราะยังไงเสียการที่ให้นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ามาเป็นผู้อาวุโสมันก็ไม่เหมาะไม่ควรมาตั้งแต่แรกแล้ว!”
ด้วยคำกล่าวของหรงซู ทุกคนที่เหลือจึงรีบเสริมขึ้นมาแก้ต่างให้ตัวเอง
“ใช่ ใช่ ต่อให้เย่หยวนไม่สมควรกับตำแหน่งผู้อาวุโส แต่เขาก็ยังเป็นศิษย์คนสำคัญของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เรา!”
“ด้วยความสามารถของเย่หยวน เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ในเมืองจักรพรรดิได้อย่างสบายๆ มีใครบ้างล่ะที่จะไม่อยากได้โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม?”
“เราไม่ได้ลืมบุญคุณคน เพียงแค่ตอนนี้มันมีเสียงบ่นไม่พอใจเกิดขึ้นต่อหอโอสถและหอยุทธ์มากมายก็เท่านั้น มันช่วยไม่ได้”
…
เล่งหยูได้แต่ถอนหายใจแรงด้วยความโกรธจนไม่สามารถหาคำไหนมาพูดได้อีก
เขารู้ดีว่าคนเหล่านี้พูดจาออกมาด้วยเหตุผล
แต่ว่าหากเย่หยวนเสียตำแหน่งผู้อาวุโสไป อนาคตของเขาคงต้องพบเจอความยากลำบากมากมายแน่
สบาย?
เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้
เล่งหยูนั้นได้รับการช่วยเหลือจากเย่หยวน จึงมีความรู้สึกขอบคุณต่อเย่หยวนมาเป็นทุนเดิม
จากนั้นเย่หยวนยังช่วยเจิ่งชีสังหารเกาหยุน ศัตรูแค้นของอู๋ซิงถังศิษย์ของตัวเขา ทำให้เล่งหยูยิ่งมองเย่หยวนดีเข้าไปใหญ่
เมื่อต้องมาเห็นเย่หยวนมีสภาพที่ยากลำบากแบบนี้ เขาจึงโกรธแค้นอยู่ในจิตใจ
แต่เป็นเวลานี้ที่เองที่จู่ๆ ผู้อาวุโสหอยุทธ์คนหนึ่งก็เปิดปากพูดขึ้นตาม “การให้นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขึ้นเป็นผู้อาวุโสนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรจริงๆ ข้าคิดว่าตอนนี้เราควรปลดตำแหน่งผู้อาวุโสของเย่หยวนออกก่อน และหากวันข้างหน้าเขาสามารถบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าได้ก็ค่อยแต่งตั้งเขาขึ้นมาใหม่มันก็ยังไม่สาย!”
เมื่อคำพูดนั้นหลุดออกมา ทุกผู้คนต่างแตกตื่นกันทันที
เพราะผู้ที่พูดนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือผู้นำตระกูลหนิง หนิงจื่อหยวน
ในสายตาของทุกคนตระกูลหนิงกับเย่หยวนนั้นมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาก ไม่มีใครคิดว่าผู้ที่ลงดาบสุดท้ายกับเย่หยวนในเวลานี้จะกลายเป็นหนิงจื่อหยวนเอง
ซวนอี้นั้นตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ทั้งตื่นตกใจและโกรธเคือง “หนิงจื่อหยวน!”
หนิงจื่อหยวนจึงตอบกลับมาเรียบๆ “ผู้อาวุโสใหญ่ เราในฐานะผู้อาวุโสแห่งเมืองจักรพรรดิย่อมมีหน้าที่ในการดูแลพัฒนาเมือง ตระกูลหนิงนั้นสนิทสนมกับเย่หยวนมากจริงๆ แต่ตอนนี้ตัวตนของเย่หยวนมันทำให้การดำเนินงานต่างๆ ของเมืองเริ่มสั่นคลอนแล้ว! ข้าเกรงว่าทางเดียวที่เรามีคือการถอดตำแหน่งผู้อาวุโสของเขาออกเท่านั้น!”
หรงซูนั้นยิ้มกว้างออกมา ตอนนี้นอกจากซวนอี้และเล่งหยูแล้วไม่มีใครเลยที่อยู่ข้างเดียวกับเย่หยวน
ตัวตนของผู้อาวุโสเย่หยวนมันได้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
เล่งหยูเองก็ไม่เคยคาดคิดเช่นกันว่าเรื่องมันจะลุกลามมาจนถึงขั้นนี้แล้ว
ตอนที่เล่งหยูกำลังคิดจะเปิดปากออกพูดอีกครั้ง เขากลับเห็นรอยยิ้มจางๆ ของเย่หยวนก่อนเขาจะกล่าวขึ้น “ข้าคิดว่าคำพูดของผู้อาวุโสหนิงนั้นมีเหตุผล เย่คนนี้ไม่สามารถบรรลุอาณาจักรมาได้เป็นเวลานาน จึงไม่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้อาวุโสแล้วจริงๆ วันนี้ต่อหน้ายอดผู้อาวุโส ข้าจึงอยากจะขอลาออกจากตำแหน่งผู้อาวุโส”
คำพูดนั้นมันทำให้ทุกคนตื่นตะลึงไปทันที รวมไปถึงหรงซูด้วย
เขานั้นเคยคิดว่าเย่หยวนจะต้องยืนหยัดต่อสู้จนวินาทีสุดท้าย เขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่หยวนจะถอยกลับไปอย่างง่ายดายเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...