จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1642

สรุปบท ตอนที่ 1642 ไล่ล่า: จอมเทพโอสถ

อ่านสรุป ตอนที่ 1642 ไล่ล่า จาก จอมเทพโอสถ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1642 ไล่ล่า คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction จอมเทพโอสถ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 1642 ไล่ล่า
การจากไปของเย่หยวนในครั้งนี้มันดูกระจอกงอกง่อยไม่น้อย เพราะนอกจากพวกซวนอี้ เล่งหยูและเจิ่งชีแล้ว มันก็ไม่มีใครอีกเลยที่ตามมาส่ง

เล่งหยูตบบ่าเย่หยวนและพูดให้กำลังใจเขา “เด็กน้อยเจ้าทำได้แน่ ชายแก่คนนี้จะรอวันที่เจ้าได้ก้าวข้ามประตูมังกร”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าไม่เคยสงสัยเรื่องนั้นอยู่แล้ว”

เล่งหยูจึงหัวเราะลั่นเมื่อได้ยิน “ดีมาก เด็กที่มีทุกอย่างเพียบพร้อมเจ้านี่ข้าไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนจริง ๆ แต่การเดินทางครั้งนี้มันแสนไกล จงระวังตัวไว้ให้ดีเถิด!”

หากเป็นอัจฉริยะธรรมดา ๆ การติดอยู่ในอาณาจักรเดิม ๆ แบบนี้มานานหลายต่อหลายปี พวกเขาอาจจะหมดแรงที่จะอยู่ต่อและปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความสิ้นหวัง

แต่เล่งหยูนั้นไม่เห็นอารมณ์ด้านลบใด ๆ ออกมาจากตัวของเย่หยวนเลยแม้แต่น้อย

เขายังคงมีท่าทีสดใสและสดชื่น ทำให้ผู้ได้พบเห็นรู้สึกโล่งใจและสงบอย่างบอกไม่ถูก

นี่คือสิ่งที่ทำให้พวกเล่งหยูทั้งหลายมั่นใจ มั่นใจว่าสักวันเย่หยวนต้องบรรลุอาณาจักรขึ้นมาได้แน่ ๆ

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ขอโปรดวางใจ เย่ผู้นี้มีไม้เด็ดใช้ปกป้องตัวเองได้ไม่ยาก พวกเจ้าทั้งหลายจงรอฟังข่าวดีเถิด ปัญหาเดียวที่กวนใจข้าตอนนี้คือข้าไม่สามารถรักษาผู้อาวุโสใหญ่ให้หายได้ก่อนจะออกเดินทาง”

เจิ่งชีนั้นมีสภาพที่ย่ำแย่มากเหมือนคนป่วยหนักใกล้ตายเต็มที แต่เขาก็ยังสามารถมีชีวิตทนอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้

เมื่อได้ยินว่าเย่หยวนจะเดินทางออกจากเมือง เจิ่งชีจึงยืนยันอย่างสุดตัวว่าเขาจะต้องออกมาส่งเย่หยวนให้ได้

เจิ่งชียิ้มออกมา “หากไม่ใช่เพราะเจ้า ชายแก่คนนี้คงไม่มีชีวิตไปแล้วเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้เมื่อความแค้นของอาจารย์ถูกสะสางแล้ว ชายแก่คนนี้ก็ไม่มีอะไรค้างคาในโลกอีก เจ้าจงไปเถอะ หากข้าทนมาจนถึงทุกวันนี้ได้ข้าก็ทนรอจนกว่าเจ้าจะกลับมาได้!”

เมื่อได้เห็นว่าสภาพจิตใจของเจิ่งชียังดี เย่หยวนก็ยิ้มและพยักหน้ารับ

ที่ด้านข้าง หนิงซืออวี๋นั้นมีท่าทางไม่ค่อยพอใจมาก ก่อนจะบ่นออกมาเบา ๆ “หนิงเทียนปิงนี่มันช่างไร้สำนึกเสียจริง ๆ ไหนว่าจะออกมาส่งเขาด้วยกัน แต่สุดท้ายกลับหายหน้าไปเนี่ย”

เวลากว่า 300 ปีมานี้หนิงซืออวี๋เองก็สามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้แล้วและกลายเป็นจอมเทพโอสถ 4 ดาว

นี่เองก็เป็นส่วนหนึ่งในเหตุผลของความไม่พอใจจากทุก ๆ คนรอบตัว

เพราะหนิงซืออวี๋ผู้นี้นับได้ว่าเป็นศิษย์ของเย่หยวนไปครึ่งตัว ตอนนี้แม้แต่ศิษย์ยังบรรลุได้ แต่อาจารย์กลับยังย่ำอยู่ในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า มันเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนต่างดูถูกเขาหนักขึ้น

แต่ว่าตัวหนิงซืออวี๋นั้นไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย นางรู้สึกขอบพระคุณในตัวเย่หยวนมาก

เพราะหากไม่มีเย่หยวนแล้ว มีหรือที่นางจะบรรลุได้รวดเร็วขนาดนี้ แถมเขายังช่วยสอนเรื่องราวต่าง ๆ ในวิชาโอสถให้นางอีกมากมาย

เย่หยวนยิ้มตอบมา “หากสวรรค์อยากให้เราลาจากเราก็ไม่มีทางใด ๆ ไปขัดขืนได้ แค่พวกเจ้ามากันในวันนี้ข้าก็รู้สึกซาบซึ้งจนไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรแล้ว”

เพราะเพื่อนแท้คือเพื่อนยามยาก!

การนับว่าคนเรามีเพื่อนแท้มากแค่ไหนนั้นไม่ได้นับจากจำนวนคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเมื่อเรามีอำนาจและเงินตรา แต่เป็นการนับคนที่ยังยอมอยู่รอบตัวเราเวลาเราลำบากและหัวเราะไปด้วยกันในยามที่เราตกร่วงลงมาสู่จุดต่ำสุด

และแน่นอนว่าผู้คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเย่หยวนในวันนี้คือเพื่อนแท้ของเขาในเมืองเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่เรื่องของหนิงเทียนปิงนั้นกลับอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของเย่หยวนไปมาก

เพราะด้วยความเข้าใจที่ตัวเขามีต่อหนิงเทียนปิง เขาไม่น่าจะเป็นคนที่เลวร้ายใด ๆ

เว้นเสียแต่ว่าเขาจะปกปิดนิสัยที่แท้จริงได้เก่งกาจปานนั้น

แต่นายน้อยอย่างหนิงเทียนปิง เขาก็ไม่น่าจะเป็นคนที่เลวทรามไปถึงแก่นได้

“เอาล่ะ แม้ต่อให้พวกเจ้าเดินไปส่งแจกไกลนับหมื่นลี้แต่สุดท้ายเราก็ต้องลาจาก เพราะฉะนั้นทุกคนโปรดกลับเข้าเมืองเถอะ”

เย่หยวนยกมือขึ้นประกบหมัดเป็นท่าแสดงความคารวะต่อทุกคนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหน้าเดินจากไป

บนยอดหอยุทธ์ มีสายตาสองคู่กำลังจ้องมองการจากไปของเย่หยวน

เย่หยวนไม่ได้รับรู้เลยว่าโซชูเจียประเมินตัวเขาไว้สูงแค่ไหน

เขาเดินทางออกมาเรื่อย ๆ จนไกลลิบนับล้านลี้

ในป่าทึบแห่งหนึ่ง จู่ ๆ เย่หยวนก็หยุดฝีเท้าลง

เย่หยวนกล่าวขึ้น “ที่นี่มันก็ไกลพอแล้ว เป็นสถานที่เหมาะจะดักปล้นฆ่าคนนัก หากพวกเจ้ายังไม่คิดแสดงตัวออกมาแล้วจะยังรออะไรอีก?”

เขานั้นไม่ได้ใช้โถงบัลลังก์ม่วงเลยระหว่างที่เดินทางมา เพราะเขาสัมผัสได้ถึงร่องรอยของผู้คนที่ติดตามมาในก้าวแรกที่เดินออกจากเมือง

และไม่นานนักเมื่อเสียงค่อย ๆ เงียบลงก็ปรากฏเงาร่างสี่เงาออกมาในป่าทึบล้อมเย่หยวนไว้ทุกทิศ

ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวคนหนึ่งที่นำมากล่าวขึ้น “เฮอะ ตาดีสมเป็นผู้อาวุโส! เราดูถูกเจ้าเกินไปจริง ๆ”

ชายคนนี้เป็นคนที่เย่หยวนรู้จัก เขามีนามว่าเฮาเหลียงเป็นผู้พิทักษ์หอยุทธ์ชั้นสูง และเป็นเพื่อนคนหนึ่งของหลินตงด้วย

ดูท่ากลุ่มนักล่าในครานี้จะเกี่ยวพันกับหลินตง

“ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาว และยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวสามคน พวกเจ้าจะประเมินเย่คนนี้สูงเกินไปแล้ว!” เย่หยวนตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่เย็นเหยียบ

เฮาเหลียงที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าตำแหน่งล้อมเย่หยวนกล่าวขึ้น “ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าผู้อาวุโสเย่แม้จะเป็นแค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าแต่กลับสังหารนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวได้ การจัดการคนเช่นนี้ไม่ว่าเราจะเตรียมตัวมาหนักแค่ไหนมันก็ไม่มีคำว่าเกินไปหรอก! ด้วยจำนวนเท่านี้เราต้องสามารถสังหารเจ้าลงได้แน่”

แต่เย่หยวนกลับยิ้มตอบ “ยังมีอีกคนไม่ใช่รึ? ทำไมไม่ออกมาหน่อยล่ะ?”

เมื่อสิ้นคำพูดนั้น พวกเฮาเหลียงทุกคนต่างมีหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ