สีหน้าของเฮาเหลียงเปลี่ยนไปทันที เพราะวันนี้พวกเขามากันแค่ สี่คน จะเอาคนที่ห้า มาจากไหน?
หรือเด็กคนนี้มันจะกุเรื่องคนที่ห้า ขึ้นมาเพื่อข่มขู่พวกเขาแล้วใช้โอกาสนั้นหลบหนีไป?
เย่หยวนยิ้มออกมา “เหมือนว่าพวกเจ้าจะมาเพื่อเขาหน่วงเทพบรรพกาลสินะ ต่อให้ข้ามอบเขาหน่วงเทพบรรพกาลให้เจ้าไป เจ้าจะมีปัญญาเอามันไปหรือ?”
เฮาเหลียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมา “เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องมาสนใจ! แน่สิ คงอยากคิดจะขู่เราล่ะสินะ? เฮอะ เฮอะ คนที่ห้า มันจากมาจากที่ไหนกัน?”
เฮาเหลียงนั้นมองดูไปรอบตัวทุกทิศแต่ไม่เจอว่าจะมีร่องรอยของใครอยู่เลย จึงเริ่มมั่นใจในการคาดเดาของตัวเอง
เย่หยวนนั้นก็ตกใจไม่น้อย เพราะเขาคิดว่าพวกเขามากันห้าคน แต่ปรากฏว่าเขาคาดผิด
เย่หยวนจึงหันไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งและกล่าวขึ้น “ยังไม่ออกมาอีกรึ หรือต้องให้ข้าปูพรมเชิญก่อน?”
พูดจบเงาร่างหนึ่งก็ลอยตัวลงมาจากต้นไม้
“หนิงเทียนปิง!” เฮาเหลียงพูดออกมา
เขาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีคนที่ห้า อยู่จริงๆ
เย่หยวนเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เพราะเขาไม่เคยคาดคิดว่าคนที่ห้า ที่ว่านี้จะเป็นหนิงเทียนปิง
หนิงเทียนปิงหันมาหาเย่หยวนด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อนแรง “นายใหญ่ เดิมทีข้าคิดจะลอบโจมตีเฮาเหลียงแท้ๆ แต่เมื่อโดนท่านเรียกออกมาแบบนี้ข้าจะต้องทำยังไงต่อดีล่ะเนี่ย?”
เย่หยวนจึงหัวเราะออกมาอย่างไม่คิดมากมายนัก “แค่หมูหมากาไก่ข้างทาง ทำไมต้องลอบโจมตีมันด้วย?”
หนิงเทียนปิงหัวเราะขึ้นเบาๆ “ข้ารู้ดีว่านายใหญ่นั้นมีวิธีสู้ พวกโง่เหล่านี้มันคงไม่พอมือนายใหญ่หรอก!”
คนทั้งสองหัวเราะออกมาพร้อมๆ กันอย่างไม่คิดจะสนใจพวกเฮาเหลียงแม้แต่น้อย
เฮาเหลียงนั้นโกรธจัด!
“เย่หยวนเจ้านั้นมิใช่ผู้อาวุโสอีกต่อไปแล้ว เจ้ายังคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักหรือ? แค่หนิงเทียนปิงคนเดียวคิดว่ามันจะมาช่วยเจ้าได้รึ?” เฮาเหลียงตะโกนออกมา
หนิงเทียนปิงหันไปมองเฮาเหลียงด้วยสีหน้าสุดเหนื่อยหน่าย “วิธีการต่อสู้ของนายใหญ่นั้นคนอย่างเจ้าไม่คิดทางคาดคิดถึงได้หรอก! ต่อให้ข้าไม่มาพวกเจ้าคิดหรือว่าตัวเองจะสังหารเขาลงได้?”
เฮาเหลียงยิ้มขึ้น “น่าขัน! แค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคนหนึ่ง ต่อให้มันรู้แนวคิดแห่งห้วงมิติแล้วจะทำไม คิดว่ามันจะรอดจากมือของพวกข้าสี่คนไปได้รึ? ข้าจัดการหนิงเทียนปิงเอง พวกเจ้าทั้งสาม ไปจัดการเย่หยวนเสีย!”
“ขอครับ!” คนทั้งสามตอบกลับก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาเย่หยวน
เมื่อร่างของเฮาเหลียงขยับ มันก็มุ่งหน้าเข้ามาหาหนิงเทียนปิงทันที
หนิงเทียนปิงนั้นไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ยกดาบขึ้นมาโจมตีสวนไป!
ในเวลา สามร้อยปีที่ผ่านมานี้ หนิงเทียนปิงไม่ได้มีพลังบ่มเพาะที่รวดเร็วเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เขารู้ได้เลยว่าผลของโอสถสุริยันจักรวาลได้หมดลงแล้ว
เพราะแค่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม มันไม่มีทางส่งผลยาวชั่วชีวิตได้
แต่แค่เฮาเหลียง หนิงเทียนปิงในตอนนี้มั่นใจมากว่าจะจัดการอีกฝ่ายได้
คนทั้งสองมีพลังฝีมือที่เทียบเคียงกัน จนไม่สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้ไปพักใหญ่
ระหว่างนั้นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวทั้งสามคนก็ได้เข้ามาล้อมเย่หยวนไว้ตรงกลางแล้ว
“โจมตี!”
คนทั้งสามพยายมโจมตีล้อมเป็นวงพร้อมๆ กันออกมา โจมตีเข้าใส่เย่หยวนจากสามทิศทาง
สำหรับนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าแล้วมันคงเป็นสถานการณ์แห่งความตาย
แต่ว่าเย่หยวนนั้นไม่คิดที่จะหลบเลยแม้แต่น้อย และไม่คิดที่จะขยับตัวเลยสักนิด
ตู้ม!
จู่ๆ ก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น
คลื่นพลังงานจากการระเบิดอันรุนแรงนั้นมันทำให้พวกเฮาเหลียงต้องหยุดดาบลงตามไปด้วย
ตอนนี้ร่างหนึ่งของยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวกำลังลอยกระเด็นออกไปไกล
ร่างของเย่หยวนเองก็ปลิวออกไปหลายร้อยเมตร
ตึบ!
ร่างไร้วิญญาณของยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวคนนั้นตกลงกระแทกพื้นด้วยเสียงดัง ราวค้อนที่ทุบเข้าไปในดวงใจของทุกคน
ตอนนี้ร่างกายนั้นมันเหลือแค่เศษเนื้อกองหนัง เป็นความตายที่ชัดเจน ดูท่าเขาคงถูกระเบิดตาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...