อาณาจักรเทพถ่องแท้นั้นมันคือความฝันอันสูงสุดของเขา!
แต่แม้เขาจะเป็นผู้มากพรสวรรค์แค่ไหน การขึ้นไปให้ถึงแค่อาณาจักรนภาสวรรค์ก็ยังเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญไม่ต้องไปพูดถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้เลย
แม้จะไม่มองตัวเอง แต่ดูอย่างเจิ่งชี เกาหยุนหรือหลิงจี้คุน คนเหล่านั้นล้วนต่างถูกขนานนามว่าเป็นยอดคนมากความสามารถสวรรค์ส่งมาเกิดในรุ่นของตัวเองทั้งสิ้น
แต่หลายหมื่นปีผ่านไป พวกเขาทั้งหลายก็ยังคงติดอยู่ที่ยอดของอาณาจักรราชันพระเจ้า
หนิงเทียนปิงเข้าใจดีว่าหากไม่ใช่เพราะโอสถสุริยันจักรวาลขั้นเทวะโมฆะของเย่หยวน เขาคงไม่มีทางที่จะสามารถบ่มเพาะได้รวดเร็วปานนี้แน่
หากเขาอยากขึ้นมาถึงระดับที่ตัวเองยืนอยู่ตอนนี้โดยไม่พึ่งมันคงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยๆ เป็นพันปี
เพราะว่าการบรรลุระดับบ่มเพาะนั้น ยิ่งสูง มันก็ยิ่งยากเย็น
ฉะนั้นในจิตใจของหนิงเทียนปิงเขาถึงได้เคารพในตัวเย่หยวนอย่างมาก
หลังจากวันนั้นเย่หยวนไม่เคยที่จะทำการหลอมโอสถสุริยันจักรวาลขั้นเทวะโมฆะขึ้นอีกเลย!
สำหรับคนนอก เย่หยวนจะอ้างบอกว่าครานั้นเป็นเรื่องที่พิเศษจริงๆ และคนนอกก็เชื่อไปอย่างง่ายดาย
เพราะยังไงเสีย โอสถสุริยันจักรวาลขั้นเทวะโมฆะมันก็ไม่ใช่สิ่งของที่หาได้ง่ายๆ ไม่ใช่สิ่งที่คนอยากหลอมก็จะหลอมได้
แต่หนิงเทียนปิงนั้นติดตามเย่หยวนมานานหลายร้อยปี เขารู้ดีว่าความสามารถด้านการโอสถของเย่หยวนมันน่ากลัวแค่ไหน
“แบบนี้นี่เอง แล้วเมืองหลวงลาภสายน้ำนี้มันมีตลาดค้าขายสมบัติที่ไหนบ้างไหม?” หนิงเทียนปิงถามต่อ
นักยุทธคนนั้นจึงตอบขึ้น “ตลาดของเมืองหลวงลาภสายน้ำนั้นมีมากมาย แต่หากจะให้พูดถึงที่ใหญ่ที่สุดล่ะก็มันคงอยู่ทางตะวันตกของ ตลาดที่อยู่ใต้การดูแลของกลุ่มเครือข่ายสวรรค์ กลุ่มเครือข่ายสวรรค์นั้นเป็นกลุ่มการค้าที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันของสาม ขั้วอำนาจใหญ่ มันมีสมบัติของหายากมากมาย หากนายใหญ่อยากซื้อขายมันก็ควรจะพาผู้ติดตามไปยังที่แห่งนั้นดู”
หนิงเทียนปิงยิ้มขึ้น “ขอบคุณมากพี่ชาย แต่… เจ้ากล่าวผิดแล้ว ข้านั้นเป็นเพียงแค่ผู้ติดตามอันต่ำต้อยต่างหาก”
นักยุทธคนนั้นมองดูแผ่นหลังของเขามาอย่างมึนงงหลังได้ยิน พูดเรื่องอะไรกัน?
เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนหนิงเทียนปิงก็ต้องเป็นทายาทศิษย์ตระกูลใหญ่ไม่ผิดแน่ๆ ด้วยอายุเพียงแค่นี้
แต่อัจฉริยะแบบนี้กลับมาเป็นผู้ติดตามนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า?
หลังหนิงเทียนปิงกลับมาเย่หยวนก็พูดขึ้น “เจ้าไม่เห็นต้องไปอธิบายให้เขาฟังเลย ที่สำคัญข้าเองก็ไม่ได้คิดกับเจ้าเหมือนเป็นแค่ผู้ติดตามด้วย”
หนิงเทียนปิงยิ้มออกมา “นายใหญ่ สักวันท่านต้องได้กลับไปสู่ตำแหน่งผู้อาวุโส พลังของข้าคนนี้มันเพียงพอแค่จะเป็นผู้ติดตามท่านเท่านั้น การมาอวดอ้างตัวต่อหน้าท่านในวันนี้มีแต่จะทำให้ข้าลำบากในวันหน้า”
เย่หยวนได้แต่ยิ้มออกมาหลังได้ยิน
…
กลุ่มเครือข่ายสวรรค์นั้นเป็นตลาดย่านการค้าที่กินพื้นที่ใหญ่โตมหาศาล มันถูกแบ่งออกเป็น สามส่วนใหญ่ๆ ซึ่งจะขึ้นตรงต่อ สามขั้วอำนาจ
นักยุทธแต่ละคนที่คิดจะเข้ามาในพื้นที่นี้ ไม่ว่าจะมาเพื่อตั้งร้านหรือเพื่อซื้อหาแลกเปลี่ยนสมบัติ พวกเขาต่างต้องจ่ายค่าเข้ามาด้วยผลึกปราณเทวะ
หลังจากเย่หยวนจ่ายผลึกปราณเทวะให้ในราคาของสองคนแล้ว เขาก็พาหนิงเทียนปิงเข้ามายังพื้นที่ค้าขาย
หนิงเทียนปิงกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าไม่ค่อยพอใจ “น่าสงสัยนัก! เราแค่เข้ามาด้านในแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ต้องจ่ายหนึ่งแสนผลึกปราณเทวะเสียแล้ว! คนในนี้มันมีตั้งมากมายแค่ไหน วันๆ หนึ่งคนที่ดูแลที่นี่มันจะได้ผลึกปราณเทวะไปเท่าไหร่กัน?”
เย่หยวนยิ้มออกมา “นักยุทธหลายต่อหลายคนพยายามที่จะก่อตั้งค่ายสำนักของตัวเองหรือไม่ก็หาค่ายสำนักเข้าอยู่ เพราะว่ามีแค่ค่ายสักนำที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่จะหาผลึกปราณเทวะมาได้ง่ายๆ ช่วยในการฝึกฝนบ่มเพาะได้มาก เหมือนที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เองก็เช่นกัน ผู้ที่คิดจะเข้าไปในเมืองต้องจ่ายผลึกปราณเทวะมาจำนวนหนึ่ง ตอนนั้นข้าต้องจ่ายไปถึงหนึ่งล้านตอนที่เข้าเมืองมา”
หนิงเทียนปิงนั้นเกิดและเติบโตมาในเมืองชั้นใน ด้วยการปกป้องของตระกูล จึงไม่สามารถเข้าใจโลกของนักยุทธระดับล่างได้เลย
เมื่อเขาได้ยินเย่หยวนพูดแบบนั้น มันก็คงเกิดเรื่องแบบนี้เป็นปกติจริงๆ
ไม่ว่าคนเราจะมีพลังยุทธที่เก่งกาจปานใด มันก็ยังมีขีดจำกัดที่คนๆ หนึ่งจะหาผลึกปราณเทวะมาได้
แต่หากพวกเขารวมตัวกันเป็นค่ายสำนัก เรื่องนั้นมันก็จะง่ายขึ้นมาก
จะบอกว่าคนเหล่านั้นแค่นอนตีพุงรอนับเงินอยู่ในบ้านก็ไม่ผิดนัก
คนทั้งสองเดินไปรอบๆ มองดูสินค้าในร้านรวงต่างๆ หนิงเทียนปิงนั้นมองภาพรอบตัวด้วยความตกใจอย่างสุดขีด
“ยอดขนนกเกลียวดาว บัววิเศษมั่งคั่ง… ของพวกนี้มันคือยอดสมบัติหายากแท้ๆ แต่ที่นี่กลับมีพวกมันทั้งหมด!”
หนิงเทียนปิงนั้นคือผู้ที่ไม่เคยได้ออกมาเปิดหูเปิดตาในโลกกว้าง จนตอนนี้เขาได้แต่มองภาพสมบัติอันหายากรอบกายราวกับเด็กน้อยที่ได้เห็นของเล่นแปลกตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...