นี่คือผลึกปราณเทวะก้อนสุดท้ายของเย่หยวนแล้ว
แม้แต่ผลึกปราณเทวะที่เก็บไว้ใช้ขับเคลื่อนโถงบัลลังก์ม่วง เย่หยวนก็นำมมันออกมาใช้จนหมดเกลี้ยง
ตอนนี้เย่หยวนนั้นไม่มีเงินติดตัวแม้สักผลึกปราณเทวะเดียว
เมื่อได้มาเห็นหน้าแผงของตัวเองจริงๆ เย่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาไม่คิดจะเก็บส่วนต่าง เพราะที่ตั้งของแผงนี้นั้นมันเป็นตำแหน่งที่ไม่มีใครคิดสนใจ
การหาที่ตั้งร้านนั้นมันก็เป็นทักษะอย่างหนึ่งเหมือนกัน นักยุทธที่ชำนานการออกมาเดินตลาดนั้นก็รู้ว่าผู้ที่ไม่มีปัญญาจะจ่ายค่าเช่าแผงดีๆ มันก็คงไม่มีของดีๆ ขายเช่นกัน
เพราะฉะนั้นร้านในพื้นที่แผงระดับสุดท้ายนี้จึงไม่มีใครคิดจะสนใจ
แน่นอนว่าตอนนี้มันมีนักยุทธมากมายมหาศาลมาที่เมือง ทำให้กลุ่มเครือข่ายสวรรค์นั้นคึกคักขึ้นมาก ทำให้เหล่าแผงระดับสุดท้ายเองก็ได้จำนวนลูกค้าเพิ่มมากขึ้นด้วย
เพียงแค่ว่าที่ตั้งแผงของเย่หยวนนั้นมันช่างห่างไกลผู้คนเหลือเกิน จะเรียกมันว่าเป็นแผงระดับสุดท้ายในหมู่แผงระดับสุดท้ายด้วยกันมันก็คงไม่ผิดนัก
เหล่านักยุทธที่มาเดินดูของนั้นแค่เดินมาจนถึงหน้าเขตแผงระดับสุดท้ายพวกเขาก็หมดความสนใจที่จะเข้ามาต่อแล้ว ไม่ต้องพูดถึงแผงที่อยู่หลังสุดแบบนี้เลย
แต่เย่หยวนก็ไม่ได้ใส่ใจมาก ตราบเท่าที่มีคนมาถึง ชื่อเสียงของเขาจะต้องโด่งดังขึ้นได้แน่
เมื่อเจ้าของแผงข้างๆ เห็นว่าเย่หยวนมาตั้งแผงใกล้ๆ เขาจึงออกมาทักทายเพราะความเบื่อหน่ายที่ต้องนั่งเฝ้าแผงโดยไม่ได้ขายอะไร
“นี่ ทำไมเจ้าถึงคิดเช่าแผงนี้ล่ะ? มันจะไม่ห่วยเกินไปหน่อยรึ?”
เย่หยวนยิ้มออกมา “ไม่เกี่ยวหรอก ตราบเท่าที่มันยังเป็นแผงข้าก็พอใจแล้ว”
เจ้าของแผงข้างๆ คนนี้เบื่อหน่ายจนถึงขีดสุด เมื่อได้มีเพื่อนคุยอย่างเย่หยวนเขาจึงยิ้มขึ้น “โห ข้าเองก็เหมือนกัน ทีแรกไม่รู้อะไรถึงได้คิดมาเช่าแผงนี้ สุดท้ายข้าก็เพิ่งจะมาขายของชิ้นแรกได้เมื่อกี้นี้เอง นี่ เจ้าขายอะไรรึ?”
เย่หยวนนั้นก็ไม่ได้คิดจะกัดผู้คนออกห่างแต่แรกเขาจึงตอบไป “โอสถ”
เมื่อเจ้าของร้านแผงข้างๆ ได้ยินแบบนั้นเขาก็ตอบกลับมาด้วยท่าทางดูแคลน “ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเป็นนักหลอมโอสถด้วย! แต่แผงด้านหน้าเองก็มีโอสถขาย หากไม่ถึงพันก็น่าจะสัก แปดร้อยร้านได้ทำไมเจ้าถึงคิดว่าแผงในซอกแบบนี้จะมีคนมาซื้อเล่า?”
เย่หยวนยิ้ม “โอสถของข้านั้นไม่ต้องห่วงเรื่องขายได้ไม่ได้หรอก”
เมื่อเจ้าของร้านแผงข้างๆ ได้ยินแบบนั้นเขาก็หัวเราะขึ้น “เด็กน้อยเจ้ามันไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา! เจ้าคงเป็นแค่จอมเทพโอสถสามดาวใช่ไหมเล่า? ที่ด้านนอกนั้นมันมีจอมเทพโอสถสี่ดาวตั้งร้านอยู่ไม่น้อย แถมพวกเขายังขายโอสถระดับสามด้วย ไม่ว่าโอสถของเจ้ามันจะดีแค่ไหนแต่มันจะสู้ของจอมเทพโอสถสี่ดาวได้รึ?”
เย่หยวนยิ้มเบาๆ และตอบออกมา “ได้!”
คำตอบอันหนักแน่นนั้นทำให้เจ้าของร้านแผงข้างๆ เงียบลงทันที เขาได้รับรู้แล้วว่าเด็กคนนี้มันช่างมั่นใจจนเกินกว่าเหตุผลจะเข้าถึง
ระหว่างนั้นเย่หยวนก็หยิบป้ายร้านออกมา บนป้ายนั้นมันเขียนไว้ว่า ‘ร้านขายโอสถ’
ชื่อโคตรสิ้นคิด!
เจ้าของร้านแผงข้างๆ คนนั้นได้แต่ตบมุกอยู่ในใจ
แต่ว่าเย่หยวนกลับไม่นำโอสถออกมาแสดงเลยสักเม็ด เขาแค่วางป้ายต่างๆ ไว้บนแผงร้าน
มันเป็นราคาที่แบ่งจากหนึ่งถึงเก้าตามระดับความยากของโอสถ ระดับหนึ่งราคา หนึ่งร้อยล้าน ส่วนระดับเก้า ราคา สามพันล้าน
ได้เห็นป้ายราคานั้นเจ้าของร้านแผงข้างๆ ก็แทบทรุดลง
เด็กคนนี้มันมาเล่นตลกรึ?
โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม ราคาสามพันล้าน?
นี่มาปล้นคนรึยังไง?
ร้านขายโอสถปกติแล้วจะต้องตั้งแสดงเม็ดยาที่ตัวเองภาคภูมิใจเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่เย่หยวนกลับไม่ทำ
เพราะโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะนั้นมันต่างจากโอสถศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาๆ เพราะว่ามันบริสุทธิ์มาก จึงง่ายต่อการเสื่อมสภาพ ทำให้คุณภาพของโอสถลดต่ำลงทันที
เพราะฉะนั้นหลังจากเย่หยวนหลอมโอสถเสร็จเขาก็จะใช้เทคนิคพิเศษในการเก็บรักษามันก่อนจะเก็บมันเข้าไปในแหวนอีกที
แหวนเก็บของเหล่านี้มันจะดูด้อยค่าไปทันทีเมื่อต้องมาเจอกับค่าของโอสถเหล่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...