ไม่ต้องตรวจสอบดูก็รู้ว่าแหวนกว่ารอยวงนี้มันคงมีค่าที่มากมายมหาศาลอย่างแน่นอน
คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มาจากเมืองจักรพรรดิ พวกเขาย่อมีทรัพย์สินแตกต่างจากยอดอัจฉริยะทั่วๆ ไปมาก
เมื่อตอนนี้เย่หยวนบรรลุขึ้นมาอยู่ในอาณาจักรวายุพระเจ้าแล้ว เขาจึงต้องการเงินทองติดตัวเพิ่มไว้อีกสักหน่อย
เมื่อเก็บพวกมันไว้เย่หยวนก็ลอบออกมาด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าไปทำความเข้าใจยอดเต๋าต่อเถอะ ข้าไม่กวนแล้ว หากโชคชะตาต้องกันเราคงได้พบกันใหม่”
พูดจบเย่หยวนก็หันหลังเดินจากไปทันที
“อ-เอาเป็นว่าตามนั้นแล้วกัน” ทุกคนตอบกลับมาด้วยท่าทางตื่นตระหนกไม่หาย
เขาแห่งถงเทียนนั้นหาใช่สถานที่ที่พวกเขาคิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไปได้ง่ายๆ ไม่ ทุกครั้งที่พวกเขาได้ขึ้นมาบนเขาแห่งถงเทียนนี้ ร่างของเหล่านักยุทธนั้นจะรับคลื่นยอดเต๋าไปด้วย
และหลังจากพวกเขาสามารถซับคลื่นพลังนั้นได้จนหมดแล้วเท่านั้นที่จะสามารถขึ้นมาได้อีก
สำหรับอัจฉริยะระดับเล้งชิวหลิงหรือซัวหานนั้นพวกเขาสามารถกลืนยอดเต๋าทั้งหมดไปได้ด้วยเวลาเพียงร้อยปี
แต่กับนักยุทธที่ไม่ค่อยมีพรสวรรค์นักแล้ว พวกเขาต้องใช้เวลานับพันปีจนไปถึงหมื่นปีเพื่อที่จะกลืนย่อยคลื่นยอดเต๋าที่ติดตัวเหล่านั้นให้หมด
เพราะฉะนั้นการมาในเขาแห่งถงเทียนแต่ละครั้งมันจึงเป็นโอกาสที่แสนล่ำค่าต่อพวกเขาทั้งหลาย มันเป็นโอกาสที่พวกเขาล้วนมองว่าสำคัญอย่างยิ่ง
แต่ดูจากท่าทางของเย่หยวนในตอนนี้เขากลับคิดที่จะออกไปก่อนจะถึงเวลา
เพราะเป้าหมายของการมาเขาแห่งถงเทียนของเย่หยวนในครั้งนี้ได้ลุล่วงไปแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่นี้อีกต่อไป
สร้างวรยุทธบ่มเพาะระดับสี่ ก่อนที่เย่หยวนจะไปถึงระดับห้าเขาก็ไม่มีทางจะไปติดคอขวดที่ไหนอีกแน่
ตอนนี้ปัญหาที่เหลือย่อมแก้ไขได้ด้วยโอสถทั้งสิ้น
ที่สำคัญกว่านั้นด้วยเขาน้อยแห่งถงเทียนในตัว หากไม่ได้เจอคอขวดที่ยิ่งใหญ่เหมือนครานี้เย่หยวนอาจจะไม่จำเป็นต้องมาที่เขาแห่งถงเทียนอีกก็ได้
การพาเขาน้อยแห่งถงเทียนไปไหนมาไหนด้วยนั้นมันเป็นเรื่องเยี่ยมยอด
เมื่อได้เห็นแผ่นหลังของเย่หยวนค่อย ๆ เล็กลงไป เล้งชิวหลิงก็รู้สึกถึงอารมณ์เศร้าโศกที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ
นางนั้นตกใจกับอารมณ์นี้ของตัวเองมากเพราะนางไม่เคยจะมีอารมณ์แบบนี้ต่อชายหนุ่มมาก่อนเลย
เรื่องแบบนี้… มันเป็นไปไม่ได้!
แต่เล้งชิวหลิงนั้นเป็นคนที่เย็นชาโดยสัญชาตญาณจึงสามารถเรียกความคิดกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มทำความเข้าใจในยอดเต๋าต่อทันที
เพราะนางนั้นมาที่เขาแห่งถงเทียนนี้เพื่อที่จะบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ในคราเดียว
แต่ตอนนี้กลับต้องเสียเวลาไปมากแล้ว จะชักช้าไปกว่านี้เห็นทีคงไม่ได้
เย่หยวนเดินมาถึงส่วนตีนเขาและพบกับหนิงเทียนปิงที่กำลังนั่งสมาธิพินิจยอดเต๋าอยู่ไม่ไกลจึงเข้าไปทักทันที
เมื่อหนิงเทียนปิงเห็นเย่หยวนดวงตาของเขาก็เบิกกว้างและกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้น “นายใหญ่ ท่าน… ท่านบรรลุแล้ว!”
หนิงเทียนปิงนั้นตื่นตกใจไม่น้อย เพราะเขาไม่ค่อยจะเข้าใจมันนัก ด้วยพลังฝีมือของเขาในตอนนี้เขากลับไม่สามารถที่จะมองหยั่งพลังของเย่หยวนได้เลย
เขารู้แค่ว่าคลื่นพลังจากตัวเย่หยวนนั้นมันพุ่งสูงขึ้นมา เขาต้องผ่านขึ้นมาถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าได้แล้วแน่ๆ
เย่หยวนยิ้ม “การเดินทางครั้งนี้มันไม่สูญเปล่าจริงๆ ไปกันเถอะ ลงเขากัน!”
หนิงเทียนปิงไม่คิดจะลังเลและพยักหน้ารับทันที “ขอรับ!”
แต่ทว่าโม่ลี่เฟยกลับทักขึ้น “โอกาสในการมาถึงเขาแห่งถงเทียนนั้นมิใช่จะหาได้ง่ายๆ เจ้าจะยอมแพ้ไปครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ได้อย่างไร?”
เย่หยวนหันไปมองหนิงเทียนปิงและยิ้มโดยไม่ตอบอะไร
หนิงเทียนปิงก็ยิ้มขึ้น “อาจารย์ ท่านยังไม่เข้าใจความเก่งกาจของนายใหญ่มากพอ ตอนนี้เมื่อเขาสามารถบรรลุระดับสี่ได้แล้วมันก็หมายความว่าการบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ของศิษย์นั้นอยู่แค่เอื้อมแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาให้กับเขาแห่งถงเทียนอีก”
โม่ลี่เฟยนั้นทั้งมึนงงและสับสนอย่างถึงที่สุด
หนิงเทียนปิงจึงบอกต่อ “ท่านอาจารย์นั้นยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตอนนี้นายใหญ่นั้นเป็นถึงจอมเทพโอสถสี่ดาวแล้ว!”
โม่ลี่เฟยคิดขึ้นมาว่าเย่หยวนมีพรสวรรค์ที่แสนอัศจรรย์จริงๆ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นต่อ “จอมเทพโอสถสี่ดาวนั้นมันมีมากมายในโลกใบนี้! ก็จริงที่ว่าเขานั้นเก่งกาจมากที่ทำแบบนั้นได้แต่ความเก่งกาจของเขามันก็ไม่สามารถถ่ายทอดให้เจ้าได้นี่! จอมเทพโอสถสี่ดาวจะช่วยให้เจ้าบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงอาณาจักรนภาสวรรค์ก็คงไร้ค่าไปแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...