ซวนอี้หยุดไปพักหนึ่งก่อนจะตอบมา “พลังของอาณาจักรเต๋านั้นมันต่างจากอะไรที่เราจะเข้าใจได้ สำหรับพวกเรา เรายังอยู่ในอาณาจักรที่เห็นภูเขาเป็นภูเขา แต่กับเขาบางทีตอนนี้เขาอาจจะไปถึงอาณาจักรที่ไม่เห็นภูเขาเป็นภูเขาอีกแล้วก็ได้! สิ่งที่เขาได้พบเจอนั้นคือยอดวิถีแห่งโอสถ เรียนรู้ได้มากกว่าเท่าตัวด้วยเวลาที่น้อยกว่าเท่าตัว มันต่างจากอะไรที่คนธรรมดาๆ จะนึกภาพได้มาก”
เล่งหยูนั้นไม่เข้าใจว่าอะไรคือวิถีโอสถ แต่เขาก็รู้ถึงฝีมือของซวนอี้ดี
การที่ซวนอี้พูดถึงขนาดนั้นมันก็หมายความว่าความรู้ด้านโอสถของเย่หยวนนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่เขาจะจินตนาการได้แล้ว
ก่อนที่จู่ๆ เล่งหยูจะนึกอะไรขึ้นมาได้และถามซวนอี้ออกไป “เจ้ารู้สึกว่าอาณาจักรของเขามันต่างไปหน่อยไหม? ดูไม่เหมือนกับอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวทั่วๆ ไปเลย!”
ซวนอี้เองก็พยักหน้ารับ “การเห็นเขาเมื่อสักครู่นี้มันให้ความรู้สึกราวกับเขาได้เกิดใหม่ขึ้นมา ที่สำคัญกว่านั้นข้ายังไม่เห็นเลยว่าพลังที่แท้จริงของเขามันเป็นยังไง มันเหมือนจะเป็นอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาว แต่ก็เหมือนจะไม่ใช่!”
เล่งหยูหายใจเข้าลึก “ข้ารู้สึกเลยอนาคตของเด็กคนนี้มันต้องสูงส่งจนเกินกว่าที่เราคนใดจะจินตนาการได้แน่ๆ”
ซวนอี้พยักหน้า เพราะตัวเขาเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน
หลังจากผ่านไปได้หลายชั่วโมง ในที่สุดเย่หยวนก็ออกมาจากการเก็บตัว
เย่หยวนยื่นโอสถสองเม็ดให้พวกเขาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อนไม่น้อย “นี่คือโอสถหยางแกร่งบริสุทธิ์และโอสถเสริมอายุขัยยืนยาว ให้พี่เจิ่งได้กินมันเถอะ”
ดูท่าแล้วโอสถทั้งวสองเม็ดนี้มันคงหนักหนาไม่น้อยสำหรับตัวเขาในตอนนี้
โอสถหยางแกร่งบริสุทธิ์นั้นคือโอสถที่มีฤทธิ์ช่วยขับพลังหยินออกจากร่าง ส่วนโอสถเสริมอายุขัยยืนยาวนั้นคือโอสถที่จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเลือดของผู้กินมันเข้าไป ช่วยเพิ่มพูนพลังงานให้แก่ผู้ได้รับมันไป
เจิ่งชีนั้นใช้ดาบคลั่งเลือนสลายออกไปในตอนนั้น ทำให้พลังชีวิตของเขามันเหือดแห้งมานานมากแล้ว มันจึงยากมากที่จะมีโอสถตัวใดช่วยเสริมสร้างสิ่งที่เหือดแห้งขนาดนั้นได้
เพราะเช่นนั้นซวนอี้ถึงได้แต่กุมขมับกับสภาพตรงหน้าเพราะเขาไม่สามารถที่จะหลอมโอสถเสริมอายุขัยยืนยาวให้ได้ถึงขั้นสูง
แต่เมื่อซวนอี้ได้เห็นโอสถทั้งสองเม็ด ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านและตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ “ข-ขั้นเทวะ! เจ้าเพิ่งจะบรรลุอาณาจักรมาได้หมาดๆ แต่กลับสามารถหลอมโอสถสองอย่างนี้ได้จนถึงขั้นเทวะเลย คาดไม่ถึงโดยแท้!”
โอสถทั้งสองนั้นไม่ใช่โอสถที่ง่ายดายนัก มันยากมากถึงขนาดที่ว่าแม้แต่ซวนอี้ก็ยังไม่สามารถจะหลอมมันได้ถึงขั้นสูง แต่เย่หยวนที่เพิ่งจะบรรลุมาได้หมาดๆ กลับสามารถหลอมมันได้ถึงขั้นเทวะ มีหรือที่เขาจะยังทนไม่ตื่นตกใจได้?
มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าหลังจากบรรลุขึ้นระดับสี่มาได้ ทักษะในการหลอมโอสถของเย่หยวนนั้นก็ได้เหนือล้ำกว่าเขาไปในทุกๆ ด้านแล้ว
ตอนนี้มันคงได้เวลาเปลี่ยนตำแหน่งยอดนักหลอมโอสถอันดับหนึ่งแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้ว!
เย่หยวนยิ้ม “พี่ซวนอี้ เวลากว่าสี่ร้อยปีนี้ข้าไม่ได้แค่คิดจะบรรลุอาณาจักรอย่างเดียวเสียหน่อย! เหล่าโอสถระดับสี่ทั้งหลายนั้นข้าล้วนแล้วแต่คุ้นชิ้นกับมันมาแล้วทั้งสิ้น สิ่งเดียวที่ยังขาดก็คือการบรรลุเท่านั้น”
ซวนอี้ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “ต่อให้เป็นอย่างนั้น มันก็ยังสุดยอดอยู่ดี!”
สี่ร้อยปี?
ซวนอี้นั้นหมดตัวอยู่กับโอสถระดับสี่มากว่าสี่หมื่นปี แต่เย่หยวนกลับใช้เวลาแค่สี่ร้อยปีในการก้าวขึ้นไปอยู่เหนือเขา
เรื่องแบบนั้น… มันอาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างอัจฉริยะกับคนธรรมดาก็ได้ละมั้ง?
แต่ซวนอี้ไม่ได้รู้สึกอิจฉาริษยาใดๆ แม้แต่น้อย เขานั้นกลับรู้สึกดีใจแทนเย่หยวนเสียด้วยซ้ำ
เพราะตอนนี้เย่หยวนนั้นคือตัวตนที่เหนือล้ำของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปแล้วเรียบร้อย
เย่หยวนยิ้ม “พี่เล่งหยู พี่เจิ่งนั้นมีร่างกายที่อ่อนแอมากจนไม่สามารถจะดูดซับโอสถได้ด้วยตัวเอง ท่านโปรดช่วยเขาในเรื่องนั้นด้วย”
เล่งหยูพยักหน้ารับ “ได้ ข้าจะพาเขาไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากคนทั้งสองจากไป เย่หยวนก็คิดที่จะกลับเข้าเก็บตัวเพื่อพักฟื้นปราณเทวะของตัวเขาเองก่อนที่คนใช้ด้านนอกจะมารายงานว่าหนิงจื่อหยวนแห่งตระกูลหนิงได้มาขอพบ
เมื่อซวนอี้ได้ยินแบบนั้น เขาก็ได้แต่หัวเราะเย้ยออกมา “เฮอะ พวกเห็นแก่ได้! ตอนนั้นที่เจ้าไม่สามารถบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าได้มันกลับคิดโยนหินลงถมบ่อน้ำในงานประชุมผู้อาวุโส ตอนนี้เมื่อมันเห็นว่าเจ้าบรรลุแล้วมันกลับมาตามหาตัวเจ้าเสียอย่างนั้น!”
เย่หยวนตอบ “โลกเรามันก็เป็นแบบนี้! เจ้าออกไปบอกพวกเขาเถอะว่าข้ากำลังช่วยผู้อาวุโสใหญ่เจิ่งชีอยู่ ไม่ว่างพบแขกหน้าไหน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...