นี่คือเจิ่งชีที่เจ็บใกล้ตายจริงๆ น่ะรึ?
เจิ่งชีนั้นติดอยู่ที่อาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวมานานแสนนาน นานจนไม่รุ้ว่าเขาติดอยู่ตรงนั้นมากี่หมื่นปี
เพราะความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวและอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวนั้นมันแตกต่างกันอย่างมหาศาล
อาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวนั้นคือผู้คนที่จะสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ได้อย่างแท้จริงในทุกเมื่อ ทุกเวลา
แม้ว่าโอกาสจะมิได้มากมาย แต่หากสักวันพวกเขาเกิดได้ไปเจออะไรดีๆ เข้าล่ะ?
เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ของเมืองจักรพรรดิต่างๆ เองก็ล้วนแล้วแต่เดินผ่านขั้นนี้กันมาแล้วทั้งสิ้น จนสุดท้ายก็บรรลุได้จริง
คนที่มากพรสวรรค์จนสามารถบรรลุได้ในคราเดียวนั้นมันหาได้ยากมาก
ไม่ใช่ว่ามันไม่มีนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าที่บรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้ในคราเดียว มันมีแต่เพียงแค่มันมีน้อยมากๆ
น้อยจนผู้คนไม่นึกถึงมัน!
เหล่านักยุทธทั้งหลายส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เดินผ่านขั้นตอนนี้ในการขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ทั้งสิ้น
แต่แค่โอสถของเย่หยวนไม่กี่เม็ดกลับสามารถช่วยให้เขาบรรลุผ่านคอขวดที่เขาติดอยู่มานับหมื่นๆ ปีได้?
เรื่องราวแบบนั้นมันจะเหลือเชื่อเกินไปแล้วหรือไม่?
เมื่อได้เห็นเจิ่งชีที่สดใสและแข็งแรงเช่นนั้น เย่หยวนก็ตอบรับกลับไปอย่างดีใจ “ฮ่าๆ พี่เจิ่งผู้สดใสเปี่ยมพลังเหมือนในอดีตกลับมาหาเราอีกครั้งแล้ว!”
เจิ่งชีหัวเราะร่า “เรื่องราวทั้งหลายย่อมต้องขอบคุณเจ้าแล้ว! ข้าไม่คิดเลยว่าโอสถของเจ้ามันจะมีผลวิเศษเช่นนี้! ไอ้พวกสารเลวไม่รู้จักคุณคนพวกนั้นมันคงเสียดายจนหน้าเขียวแน่ๆ ใช่ไหม? หากให้ข้าแนะนำ วันข้างหน้าก็อย่าได้ไปสนใจพวกมันอีก! ไม่ว่าใครจะมาขอโอสถ ก็ให้มันจ่ายผลึกปราณเทวะออกมา โอสถหนึ่งเม็ดสามหมื่นล้าน ไม่ต้องลดให้มันแม้แต่ผลึกเดียว! อ่าว หนิงจื่อหยวนเจ้าก็มาด้วยรึ?”
เจิ่งชีนั้นเดินเข้ามาด้วยสายตาที่มองแต่เย่หยวน จนตอนนี้ในที่สุดเขาก็เห็นว่าที่ด้านข้างมีหนิงจื่อหยวนที่ทำสีหน้าสุดละอายออกมา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
หนิงจื่อหยวนมีสีหน้าที่แสนละอาย แต่เขาก็ยังฝืนยิ้มออกมา “ยินดีกับพี่เจิ่งด้วยที่หายดี แถมยังพัฒนาตนไปได้อีกขั้น!”
เจิ่งชีกลอกตาหนีทันที่และยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “หนิงจื่อหยวน เจ้ามีจมูกดีนี่! เย่หยวนเพิ่งจะกลับมาถึงและเจ้าก็มาหาเขาจนเจอแล้ว! เรื่องที่ตระกูลหนิงทำไว้ในตอนนี้นั้นมันยังฝังอยู่ในใจผู้คน!”
หนิงจื่อหยวนเตรียมพร้อมเต็มที่ที่จะไม่ไว้ท่าใดๆ อีก เขาถอนหายใจยาวและบอก “ใช่แล้ว หนิงผู้นี้มีตาหามีแววไม่ ตอนนั้นข้าโยนหินลงบ่อไปกับเขาด้วยในงานประชุมผู้อาวุโส! หนิงคนนี้จึงมาเพื่อขอโทษต่อผู้อาวุโสเย่อย่างสุดใจ!”
เจิ่งชีนั้นหัวเราะ “มีใครไม่รู้บ้างว่างานปักย่อมต้องเพิ่มลายดอก? โลกใบนี้มันมีอะไรดีไม่ดี? เจ้าคิดว่าถึงตอนนี้เย่หยวนยังต้องการคำขอโทษจากเจ้าอีกรึ?”
หนิงจื่อหยวนนั้นมีท่าทางเหมือนคนที่เจอเรื่องราวสุดเลวร้ายที่ไม่ว่าทำยังไงมันก็ไม่มีทางเลวร้ายไปได้กว่าเก่าแล้ว แต่เขาก็ยังแสดงท่าทางสุภาพออกมาอย่างถึงที่สุด “หนิงผู้นี้รู้ดีว่ามันสายไปแล้ว มันเป็นหนิงผู้นี้ที่ตามืดบอด ข้าไม่มีทางไปโทษใครได้ โชคยังดีที่เทียนปิงนั้นเป็นผู้จงรักภักดีเปี่ยมกตัญญู หลบซ่อนตัวจากตระกูลหนิงเราอย่างสุดความสามารถเพื่อออกเดินทางไปรับใช้ผู้อาวุโสเย่ มันคงช่วยลบล้างความผิดของตระกูลหนิงไปได้บ้าง”
ได้ยินคำพูดนั้นของหนิงจื่อหยวน เย่หยวนก็ได้แต่ด่าเฒ่าจิ้งจอกนี้ในใจ
แต่เฒ่าคนนี้ก็เลือกที่จะกลืนความอับอายขายขี้หน้าใดๆ ลงไป ดูท่าแล้วเรื่องนี้เองมันก็คงหนักหนาสำหรับเขาไม่เบา
เพราะเห็นแก่หนิงเทียนปิง เขาเองก็ไม่คิดทำอะไรตระกูลหนิงเช่นกัน
เพราะฉะนั้นเขาจึงเปิดปากพูดออกมาอย่างไม่แยแส “เอาล่ะ เรื่องราวเก่าก่อนแล้วกันไปไม่ต้องขุดขึ้นมาอีก ผู้อาวุโสหนิง ขอเชิญท่านกลับไปได้!”
เมื่อหนิงจื่อหยวนได้ยินเขาก็ยกมือขึ้นมาคารวะอย่างดีอกดีใจ “ผู้อาวุโสเย่ช่างมีน้ำใจงาม! เช่นนั้นหนิงผุ้นี้ต้องขอตัวกลับก่อน วันข้างหน้าหากท่านอยากใช้งานเรื่องใดตระกูลหนิงเราขอให้ผู้อาวุโสเย่บอกมาได้เลย อ่า จริงด้วย ตระกูลหนิงเราได้เก็บรวบรวมสมุนไพรระดับสี่มาไว้มากมายในหลายปีมานี้ ไม่รู้ว่าพวกมันจะมีสิ่งใดเข้าตาผู้อาวุโสเย่บ้างหรือไม่ แต่ขอผู้อาวุโสเย่โปรดรับมันไว้เถอะ!”
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวขึ้น “วางไว้ตรงนั้นแหละ”
…
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งเดือน ข่าวการกลับมาของเย่หยวนจึงแพร่ออกไปราวกับไฟลามทุ่ง
แต่เมื่อรับรู้ข่าวนี้ผู้คนส่วนมากกลับมีท่าทางดูถูกเหยียดหยามไม่เปลี่ยนไป
หรงซูกำลังนำกลุ่มผู้อาวุโสมาคุยกัน ใบหน้าของทุกคนเมื่อได้รู้ข่าวนี้มันเปี่ยมไปด้วยความดูแคลน
“เด็กคนนี้มันกล้ามีหน้ากลับมาจริงๆ คงรู้ตัวว่ามันไม่สามารถรับเรื่องราวภายนอกได้อีกแล้วสินะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...