ในที่สุดการต่อสู้นี้ก็จบลงด้วยชัยชนะของหรงซู!
ซวนอี้นั้นเป็นผู้อาวุโสใหญ่มาหลายต่อหลายปี แต่กลับแทบไม่มีพลังอำนาจใดๆ เลย
เรื่องราวใหญ่น้อยทั้งหลายต่างล้วนเป็นหรงซูนั้นที่จัดการ
ซวนอี้เป็นได้แค่หัวโขน
หากเป็นคนอื่น การแบกรับหน้าที่ที่ไร้ความหมายเช่นนี้ มันก็คงไม่แปลกที่พวกเขาจะลงจากตำแหน่งเพื่อหลีกเลี่ยงความอับอายที่ตามมา
หรงซูแสดงสีหน้าอันตื่นเต้นดีใจอย่างถึงที่สุด เขานั้นกดดันซวนอี้มานานหลายต่อหลายปี และจู่ๆ ก็ได้รับข่าวว่าศัตรูของเขาถอนตัวแบบนี้ มีหรือที่หรงซูจะยังไม่ดีใจได้?
ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ล้มซวนอี้ลงจนได้
หรงซูนั้นแทบไม่มีโอกาสที่จะสามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรนภาสวรรค์และกลายเป็นจอมเทพโอสถห้าดาวได้
แต่ความกระหายในอำนาจของเขานั้นกลับมีไม่สิ้นสุด
การเสียตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่ไปนั้นมันนับเป็นความอับอายครั้งใหญ่ของเขา
วันนี้ ในที่สุดความอับอายนั้นก็จะได้หายไปแล้ว!
เหล่าผู้อาวุโสของหอโอสถเองก็มีท่าทีตื่นเต้นดีใจเช่นกัน ดูท่าพวกเขาเองก็คงดีใจที่ฝ่ายตัวเองชนะลงจนได้ในที่สุด
แน่นอนว่าด้วยเรื่องราวตรงหน้าเช่นนี้ พวกเขาทั้งหลายจะยังแสดงอาการท่าทาดีใจออกมาไม่ได้อย่างแท้จริง แต่พวกเขานั้นก็พร้อมจะกลับไปจัดงานเลี้ยงฉลองกันเต็มทีแล้ว
“ผู้อาวุโสใหญ่ ทำไมท่านถึงทำแบบนี้กัน? ในหอโอสถของเรานั้นท่านเป็นกำลังสำคัญ ตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่นี้ ท่านเหมาะสมที่สุดแล้ว!”
“ใช่ ผู้อาวุโสใหญ่ ขอท่านคิดดูอีกสักครั้งเถอะ!”
“ผู้อาวุโสใหญ่ เรื่องแบบนี้มันไม่ขำนะ ท่านต้องมั่นใจและทำทุกย่างก้าวอย่างระมัดระวัง!”
…
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต่างถกเถียงกันไป ติดอยู่แค่ตรงที่น้ำเสียงของพวกเขามันขาดซึ่งความจริงใจอย่างถึงที่สุด
คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มากประสบการณ์ มีหรือที่พวกเขาจะมองไม่ออก?
เล่งหยูมองดูภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่แสนเหยียดหยาม
ส่วนทางหนิงจื่อหยวนได้แต่ก้มหน้าก้มตา ทำท่าทางเหมือนเรื่องราวทั้งหมดมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย
ดูท่าเขาคงเลือกที่จะอยู่อย่างฉลาดแล้ว
เพราะเรื่องในวันนี้มันแปลกประหลาด ดูท่าคงเกี่ยวกับเย่หยวนไม่ผิดแน่ เปิดปากออกไปตอนนี้อีกเขาก็คงเป็นคนโง่เง่าแล้ว
ตอนนี้หนิงจื่อหยวนนั้นขอบคุณหนิงเทียนปิงอยู่ในใจ เพราะหากไม่ใช่เพราะเขา ตระกูลหนิงเองก็คงคิดทำการเอาหน้าร่วมเข้ากับกระแสไปแล้วเหมือนกัน
แต่การทำเช่นนั้นอีกในวันนี้มันคงทำให้เย่หยวนไม่พอใจอย่างกู่ไม่กลับ
ในน้ำเสียงที่ต่างบอกให้เขาอยู่ต่อนั้น ซวนอี้รับรู้ได้ในใจว่ามันไม่มีเรื่องจริงเลยแต่เขาก็ยังยิ้มออกมาได้ “ขอบพระคุณท่านทั้งหลาย การไม่ได้เป็นผู้อาวุโสใหญ่นั้นมิได้หมายความว่าข้าจะมิได้เป็นผู้อาวุโสของหอโอสถอีก ข้ายังทำคุณประโยชน์ให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราได้อีกมาก”
หรงซูยิ้มเย้ยออกมาอย่างไม่มีปิดบังแต่ก็ยังเลือกที่จะพูดดีๆ “จริงๆ แล้วมันก็เป็นเรื่องดีเช่นกันที่น้องซวนอี้จะลงจากตำแหน่งไปก่อนชั่วคราว เพราะตอนนี้เขาต่างจากการเป็นจอมเทพโอสถห้าดาวอีกแค่ก้าวเดียว มันได้เวลาวางเรื่องทางโลกและหาโอกาสบรรลุที่เหมาะสมแล้ว หากน้องซวนอี้บรรลุขึ้นเป็นจอมเทพโอสถห้าดาวได้จริง มันก็คงจะเป็นประโยชน์แก่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราอย่างมาก!”
คำพูดพวกนั้นมันฟังดูดี แต่การขึ้นเป็นจอมเทพโอสถห้าดาวนั้นมันพูดง่ายกว่าทำจริง
เพราะมันไม่ใช่แค่การขึ้นไปอยู่อาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว แต่คนผู้นั้นต้องพยายามบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ให้ได้จริงๆ
ดูเกาหยุนเป็นตัวอย่าง ชายแก่คนนั้นขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวมาได้นับหมื่นๆ ปีแต่กลับไม่สามารถจะบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ที่แท้จริงได้
หลังจากนั้นเหล่าผู้อาวุโสก็เริ่มการพูดยื้อปลอมๆ ขึ้นมาอีกรอบก่อนที่ซวนอี้จะบอกขึ้น “ทุกท่านขออย่าได้รั้งข้าอีกเลย ชายแก่คนนี้ตัดสินใจไปแล้ว”
ตอนนี้งานฉากหน้าจบลงแล้ว คนที่เหลือจึงไม่มีใครคิดจะยื้อเขาไว้อีก
เหอชงกล่าว “ที่หรงซูว่ามามันก็ถูก ซวนอี้นั้นอยู่ในอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวไปแล้ว มันเป็นเวลาที่สมควรแล้วที่เขาจะได้เข้าสู่การเก็บตัวและมุ่งหน้าสู่การเป็นจอมเทพโอสถห้าดาว เมื่อตอนนี้เขาตัดสินใจได้แล้ว เรื่องนี้มันก็จบลงตั้งแต่เริ่มแล้ว ตอนนี้ได้เวลาที่ข้าจะประกาศผู้จะขึ้นเป็นผู้อาวุโสใหญ่คนใหม่แล้ว”
ได้ยินแบบนั้นหรงซูก็ยิ้มจนออกนอกหน้า
คนอื่นๆ เองก็หันมามองที่เขาเช่นกัน
หรงซูนั้นตื่นเต้นในหัวใจ การได้เป็นที่สนใจแบบนี้มันให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ
ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้ ตำแหน่งในหอโอสถนั้นมีพลังและอำนาจท่าสูงส่ง จะบอกว่าอยู่ต่ำกว่าแค่สองคนและอยู่สูงกว่าคนนับหมื่นก็ว่าได้
พลังอำนาจแบบนั้น มีใครบ้างที่จะไม่อยากได้?
เหอชงค่อยๆ เปิดปากพูด “ตำแหน่งผู้อาวุโสหอโอสถนั้นเป็นตำแหน่งที่แสนสำคัญในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เรา แน่นอนว่าผู้ที่ได้รับตำแหน่งไปย่อมต้องมีพลังความสามารถที่คู่ควร และคนผู้นี้ก็คือ…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...