“บ้าน่า! มัน… มันมีความสามารถใดกัน?”
“ต่อให้มันจะบรรลุมาได้ การจะให้ขึ้นเป็นผู้อาวุโสใหญ่นี่มันก็จะเกินไปหน่อยไหม? ข้าไม่ยอมรับ!”
…
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสได้ยินคำพูดของโซชูเจีย พวกเขาต่างแสดงความตื่นตกใจกันออกมาในรูปแบบต่างๆ กัน
เด็กน้อยที่เพิ่งจะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้ามาได้หมาดๆ การจะให้คนเช่นนั้นขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งหอโอสถนั้นมันคงจะเป็นการดูถูกตำแหน่งนั้นเกินไปหน่อยแล้ว
พวกเขาไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมท่านเจ้าเมืองถึงได้ประเมินเย่หยวนไว้สูงขนาดนั้น
หรงซูนั้นมีจิตใจที่ไม่ยอมรับอย่างเต็มที่ แค่ให้ซวนอี้มายืนเหยียบหัวเขามันก็เป็นเรื่องที่น่าชิงชังมากพอแล้ว
ตอนนี้กลับจะให้เย่หยวนขึ้นมาเหยียบแทน มันยิ่งทำให้เขาทนไม่ได้หนักเข้าไปใหญ่
เขากัดฟันแน่นก่อนจะบอก “ท่านเจ้าเมือง เรื่องนี้… ข้าไม่ยอมรับ! เด็กอาณาจักรราชันพระเจ้าที่เพิ่งจะบรรลุมาได้ จะให้คนเช่นนี้มาเป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ มันจะไม่เป็นการล้อเล่นที่หนักไปหน่อยหรือ?”
โซชูเจียหันไปมองเขาและกล่าว “ผู้อาวุโสใหญ่นั้นคือผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเก่งกาจ ไม่เช่นนั้นมีหรือที่ผู้คนจะยอมรับได้? การเชิญเย่หยวนขึ้นรับตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่นี้มันก็หมายความว่าเย่หยวนมีความสามารถพอ เพราะฝีมือของเขามันดีพอที่จะชักจูงผู้คนให้ยอมรับได้!”
ทุกคนต่างแสดงใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อคำพูดนั้นออกมาเมื่อได้ยินมัน
เพราะเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายนี้ต่างเป็นยอดจอมเทพโอสถ พวกเขาไม่ใช่คนที่จะโดนหลอกได้ง่ายๆ
ต่อให้คนผู้นั้นจะสามารถหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามได้จนถึงขั้นเหนือฟ้าขนาดไหน มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำแบบนั้นได้กับโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่
เหมือนอย่างวิชายุทธก็เช่นกัน ความแตกต่างระหว่างนักยุทธระดับสามกับนักยุทธระดับสี่นั้นมันเหมือนฟ้ากับเหว
และความต่างนี้มันต้องใช้เวลาข้าม
โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ มันเป็นโอสถที่ต้องใช้พลังโลกในการช่วยหลอม
และวิชาทักษะที่จะหลอมนั้นมันก็ไม่สามารถฝึกฝนให้ชำนาญได้ง่ายๆ ด้วยเวลาแค่สองสามวัน
พลังฝีมือด้านโอสถของเย่หยวนนั้นไร้ที่เปรียบ ไม่มีใครสงสัยว่าเขาจะหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ขึ้นสูงได้ในวันข้างหน้าเหมือนที่เขาทำกับโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม
แต่อย่างมากสุดตอนนี้เย่หยวนก็เพิ่งจะบรรลุมาได้ไม่กี่สิบปี มีหรือที่เขาจะมีความรู้ด้านโอสถระดับสี่มากมายปานนั้น?
หรงซูแสดงสีหน้ที่ไม่ยอมรับอย่างเต็มที่ “ท่านเจ้าเมืองจะบอกว่าความสามารถด้านโอสถของเย่หยวนนั้นอยู่เหนือล้ำข้าไปแล้ว? หรงซูไม่ยอมรับ! ข้าขอท้าเขาดวล!”
โซชูเจียยิ้ม “ไม่ต้อง! ให้เจ้าได้เห็นเลยแล้วจะเข้าใจเอง! เจิ่งชี!”
ตอนนั้นเองที่มีร่างหนึ่งเดินเข้ามาในโถงอีกครา และเขาคนนั้นก็คือเจิ่งชีที่หายหน้าหายตาไปนานแสนนาน!
เมื่อได้เห็นเจิ่งชี ทุกคนต่างแสดงสีหน้าที่แตกต่างกันออกมา
“อาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว! ผู้อาวุโสใหญ่เจิ่งชี เขา… เขาบรรลุแล้ว?”
“แถมเจ้าอาการบาดเจ็บทั้งหลายที่เขามียังไม่เหลืออยู่แม้แต่น้อย!”
“นี่… จะบอกว่าเป็นฝีมือเย่หยวน? บ้าน่า”
…
เมื่อทุกคนได้เห็นเจิ่งชี สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันควัน
อย่าว่าแต่อาการบาดเจ็บที่หายดี เขาถึงขั้นบรรลุ!
เจิ่งชีค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องโถง ท่าทางอ่อนโรยแรงเมื่อก่อนหายไปจนสิ้น ตอนนี้ร่างของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังงาน
เขายกมือขึ้นมากล่าวคารวะโซชูเจียและเหอชง “ขอคารวะท่านเจ้าเมืองและยอดผู้อาวุโส”
โซชูเจียค่อยๆ พยักหน้า “เย่หยวนนั้นรักษาอาการบาดเจ็บของเจิ่งชีจนสิ้น ทั้งยังช่วยให้เขาบรรลุอาณาจักรขึ้นได้ด้วย ความสามารถนี้ของเย่หยวน ซวนอี้เองก็ถึงกับออกปากยอมแพ้เอง เพราะเช่นนั้นเขาถึงได้เลือกที่จะลงจากตำแหน่ง พวกเจ้า… ยังมีใครจะค้านหรือไม่?”
เหล่าผู้อาวุโสต่างหันมองหน้ากัน ได้แต่ตื่นตกใจกับเรื่องราวอันแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในวันนี้
ก่อนที่จะมา พวกเขายังเอาแต่ด่าว่าเย่หยวนไม่มีหน้าออกมาสู้ผู้คน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...