จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1730

ตอนที่ 1730 เทือกเขาเทพอสูร
เทือกเขาเทพอสูรนั้นทอดตัวยาวไม่รู้กี่ล้านกิโลเมตรและเป็นที่หลบซ่อนตัวของสัตว์อสูรจำนวนมากมาย

ส่วนที่ติดกับเทือกเขาเทพอสูรนั้นก็คือที่ราบเทพอสูร

เมื่อนับที่ราบเทพสูรเข้ากับเทือกเขาเทพอสูรแล้ว มันก็จะเรียกรวมๆ ว่าอาณาจักรเทพอสูร

นี่คือสถานที่ดั่งสรวงสวรรค์ของเผ่าอสูร

และในขณะนี้ก็มีนักยุทธในชุดธรรมดาๆ หกคนกำลังเดินทางอยู่ภายในเทือกเขาเทพอสูรนี้

ชายวัยกลางคนท่าทางผอมแห้งคนหนึ่งบอกด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ “นี่หัวหน้าด้วน ทำไมเราต้องพาราชันพระเจ้าสามดาวมาด้วยเนี่ย?”

เสียงของเขานั้นดังมากอย่างไม่มีการปิดบังดูท่าจะเจตนาตั้งใจให้ทุกผู้คนได้ยินมัน

หัวหน้าด้วนมองดูที่เด็กหนุ่มที่ตามหลังกลุ่มมาและบอกอย่างเสียไม่ได้ “ไม่มีทางเลือกแล้ว ช่วงนี้พวกสัตว์อสูรในเทือกเขาเทพอสูรนี้มันก็ทำตัวไม่ปกติด้วย คนที่คิดอยากจะเข้ามาในเทือกเขามันมีน้อยเป็นทุนเดิมแล้ว และครานี้ข้าก็ช้าเองพวกเก่งๆ โดนคนอื่นเขาเลือกกันไปหมดแล้ว”

ชายร่างผอมแห้งนั้นตอบกลับมา “หัวหน้าด้วน เขาว่าไปตัวเปล่ายังดีกว่าไปกับตัวถ่วงนะ ไม่รู้หรือ? พาขยะแบบนี้มาด้วยมันจะช่วยอะไรเราได้? แถมเสร็จงานมันยังต้องมาแบ่งสมบัติกับเราอีก นี่มันเสียประโยชน์ไปเปล่าๆ เลยมิใช่หรือ?”

เอาล่ะ ลัวยอง ไหนๆ ก็มากันแล้วจะยังว่ากล่าวอะไรให้เสียเวลาอีก? มีคนเพิ่มย่อมเป็นประโยชน์ช่วยเสริมกำลังได้เสมอแหละ”

เป็นตอนนั้นเองที่มีสาวงามคนหนึ่งในกลุ่มที่ทนฟังไม่ไหวต้องออกมาช่วยพูดแทนให้

สาวงามนางนี้มีนามว่าหยูจิง เป็นสมาชิกหญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มและเป็นราชันพระเจ้าห้าดาว

เมื่อเห็นว่าหยูจิงออกมาพูดเช่นนั้น ลัวยองจึงเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางกลับมาพูดด้วยรอยยิ้มทันที “หึๆ ไหนๆ น้องจิงก็ว่ามาแล้วข้าเองก็จะไม่พูดถึงมันอีกละกัน หากไม่เห็นแก่หน้าน้องจิงแล้ว ลัวคนนี้คงไม่ยอมมาในครานี้แน่ๆ แต่ว่าหากเจ้าเด็กคนนั้นมันไม่พยายามช่วยอะไรเราจริงๆ และยังอยากแบ่งสมบัติ ลัวคนนี้จะหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ไม่ยอมหรอกนะ!”

หัวหน้าด้วนบอก “ข้าพูดกับสหายเย่เรื่องนี้ไว้แล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลไป”

ลัวยองพ่นลมหายใจและในที่สุดก็หยุดพูดลง

หยูจิงเดินเข้ามาหาตัวเด็กหนุ่มและบอก “น้องเย่หยวนอย่าได้ไปสนคำของลัวยองเลย เขาแค่พูดไปเท่านั้นแหละมันไม่ได้มีเจตนาร้ายหรอก อย่าใสใจเลยนะ”

แน่นอนว่าชายหนุ่มคนที่ว่านี้ย่อมเป็นเย่หยวนที่เดินทางมาแสนไกล

เดิมทีเขาคิดที่จะเข้ามาในเทือกเขาเทพอสูรนี้ด้วยตัวเองแต่ด้วยคำรบเร้าชี้นำของหวู่เฉินสุดท้ายเขาจึงเลือกที่จะยอมทำตาม

กลุ่มนักล่าแถบเทือกเขาเทพอสูรนั้นมีหลายต่อหลายกลุ่ม และการเข้าไปคนเดียวนั้นมันจะโดดเด่นจนเกินไป

พลังฝีมือที่เย่หยวนแสดงออกมานั้นมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากมายด้วย มันจะดึงดูดสายตาผู้คนเข้ามาหาได้จนเกินพอดี

แม้ว่าเย่หยวนจะไม่กลัวเรื่องราวแบบนั้น แต่เลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยงก่อน

ที่สำคัญเหล่านักล่าเหล่านี้นั้นคุ้นชินกับเทือกเขาเทพอสูรมาก รู้ดีว่าที่ไหนปลอดภัย ที่ไหนอันตราย พวกนี้รู้ดีถึงสิ่งเหล่านั้น

การตามติดพวกเขาเหล่านี้ไปย่อมจะช่วยให้เขาได้เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ของเทือกเขาเทพอสูร

ไม่เช่นนั้นหากเผลอเดินเข้าดินแดนของยอดอสูร ถึงเวลานั้นต่อให้เย่หยวนจะมีสามหัวหกแขนมันก็คงไม่พอที่จะจัดการรับมือ

ในเมืองจักรพรรดิแนบอสูรใกล้ๆ นี้มีสถานที่ที่คอยรับสมัครนักยุทธอยู่

และนี่ก็คือกลุ่มนักล่าที่รวมตัวกันเฉพาะกิจ

หัวหน้าด้วนนั้นมีนามว่าด้วนเผิง เขาเป็นราชันพระเจ้าหกดาว

ตอนที่เขาคิดอยากเข้ามาในเทือกเขาเขาก็ได้ไปยังสถานที่รวมตัวนักยุทธและหาตัวเพื่อนร่วมกลุ่มมาช่วยกันหลายคน

แน่นอนว่าพวกเขาเหล่านั้นย่อมต้องมีการตกลงราคาค่าจ้างช่วยเหลือกันไป

สมบัติใดๆ ที่พบเจอในเทือกเขาเทพอสูรนี้ย่อมต้องตกเป็นของพวกเขาส่วนหนึ่งด้วย

และด้วยพลังบ่มเพาะของเย่หยวนที่ดูเหมือนราชันพระเจ้าสามดาว มันจึงไม่มีใครในเมืองสนใจเขามากมายนัก

หากไม่ใช่เพราะต้องไปเลือกขอเหลือทิ้งมา หัวหน้าดวนเองก็คงไม่คิดสนใจเย่หยวนเช่นกัน

เย่หยวนยิ้มตอบหยูจิง “ขอบพระคุณที่พี่หญิงช่วยพูดให้ข้า”

หยูจิงยิ้ม “นี่เจ้าเองก็กล้าไม่เบานะถึงขนาดไปสัญญากับหัวหน้าด้วนได้! ที่ที่เขาคิดอยากไปนั้นมันไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะไปได้เลย หากให้ข้าเดาเจ้าคงเป็นลูกหลานศิษย์ตระกูลใหญ่ที่ไหนสักแห่งที่มาเทือกเขาเทพอสูรเพื่อฝึกตัวใช่ไหม?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ