เพราะเหล่าผู้อาวุโสแห่งวิหารนักบวชนั้นล้วนแล้วแต่ใช้เวลานานหลายต่อหลายปีในการฝึกฝนวิชาโอสถมา
ไม่ว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์หรือเผ่าอสูร สุดท้ายแล้วนักหลอมโอสถมันก็คืออาชีพที่ต้องใช้เวลาฝึกฝนตัวอย่างมากอาชีพหนึ่ง เป็นเรื่องที่ทุกผู้คนต่างรู้ดี
แต่เย่หยวนกลับมาพูดจาอวดดีเช่นนี้!
เรื่องนี้ทำให้เหล่าอสูรหนุ่มทั้งหลายต่างหันมาชี้หน้าเย่หยวนและว่ากล่าวไปต่างๆ นาๆ
ไม่ใช่ว่าเย่หยวนนั้นเกิดอยากอวดดีขึ้นมา แต่เป็นเพราะว่าเขาอยากจะยืมพลังของวิหารนักบวชมากจริงๆ เขาจึงเลือกที่จะดึงดูดความสนใจผู้หลักผู้ใหญ่ของวิหารมาให้ได้
เพราะเหล่าอัจฉริยะทั่วๆ ไปจะมีปัญญาพูดแบบนี้หรือ?
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาก็ต้องทำตัวเองให้เด่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้เหล่าผู้อาวุโสในวิหารนักบวชได้เห็นความสามารถ!
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะยังไม่มีปัญญาไปพูดเรื่องความสามารถใดๆ ก็ตาม
เย่หยวนบอกกลับไป “อย่ามาพูดกันให้มากความอีกเลย สุดท้ายนี่ก็เป็นการสอบ ผลลัพธ์ย่อมเหนือคำพูดอยู่แล้ว”
เฒ่าที่ทำหน้าที่รับสมัครจึงถามขึ้น “เจ้าหนุ่ม หากข้ารู้ว่าเจ้าแค่คิดมาป่วนวิหารนักบวชเราเจ้าจะได้เจอดีแน่!”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ผู้น้อยย่อมรู้ถึงเรื่องนั้นดี!”
ชายแก่จึงถาม “เจ้ามีนามว่า?”
“เย่หยวน!”
ชายแก่คนนั้นพยักหน้ารับและโยนป้ายไม้ไปให้เย่หยวน
เย่หยวนรับป้ายมาและเข้าไปต่อแถวอยู่ในตำแหน่งท้ายสุด
ในกลุ่มยอดอสูรที่มากันวันนี้ เย่หยวนมองดูพวกเขาอยากตื่นตา
ตอนนี้บนที่นั่งเหนือวิหารนั้นมีชายชราสามคนปรากฏตัวขึ้น คลื่นพลังที่ออกมาจากร่างของพวกเขาทั้งหลายนี้ช่างเหนือล้ำ
ชายชราทั้งสามนี่แต่งตัวด้วยชุดนักบวชวีม่วง พร้อมดาวห้าดวงบนอก นั่นแสดงว่าพวกเขาทั้งสามนี้คือนักบวชห้าดาว และยังเป็นผู้อาวุโสของวิหารด้วย!”
ผู้อาวุโสคนตรงกลางค่อยๆ เปิดปากขึ้นพูด “กงหลิน เริ่ม!”
กงหลินก้มหัวรับคำสั่ง “ขอรับท่านอาจารย์!”
ได้เห็นเช่นนั้นเหล่าอสูรที่ด้านล่างก็เริ่มประหม่ากันขึ้นมา
กงหลินเดินไปที่ด้านหน้าผู้คนและกล่าวขึ้นอย่างชัดเจน “เริ่มการสอบนักบวชฝึกหัดได้ รอบแรกเป็นการสอบควบคุมไฟ! ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทั้งหลายย่อมคุ้นเคยกับมันดี มันจะมีกระดาษอยู่ทั้งหมดสามแบบที่ทำมาจากไม้ที่ต่างกันไป คือไม้ไหมทองเทวะ ไม้หอมควันม่วงเทวะและไม้หลิวเมฆา พวกเจ้าจงเลือกมันตามพลังฝีมือของตน ตราบเท่าที่พวกเจ้าไม่เผามันจนไหม้ ก็จะถือว่าผ่าน! แต่ข้าต้องขอเตือนไว้ด้วยว่าพวกเจ้าจงเลือกตามฝีมือของตัวเองให้ดี การเลือกกระดาษนี้เหล่าผู้อาวุโสจะคอจับตามองมันอย่างดี มันจะเป็นตัวตัดสินทรัพยากรต่างๆ ที่เจ้าจะได้หลังจากเจ้ามาเป็นนักบวชฝึกหัดแล้ว เพราะเช่นนั้นจงแสดงพลังฝีมือที่ตัวเองมีออกมาให้ถึงที่สุด ให้เหล่าผู้อาวุโสท่านได้เห็น! แต่ละคนมีโอกาสสองครั้ง เริ่มได้!”
เย่หยวนมองดูที่กระดาษตรงหน้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
เพราะไม้เทวะทั้งสามชนิดนี้มันแตกต่างกันอย่างมาก ความต้านทานความร้อนของไม้แต่ละชนิดหลังจากทำมาเป็นกระดาษมันจึงย่อมแตกต่างกันไป
การใช้ไฟศักดิ์สิทธิ์เผากระดาษไม่ให้ไหม้นั้นมันหมายความว่านักหลอมโอสถผู้นั้นต้องมีเทคนิคการควบคุมไฟชั้นสูง
แค่ประมาทนิดเดียวมันก็จะเปลี่ยนให้กระดาษกลายเป็นเถ้าได้
เพราะอย่างไรเสียไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่นั้นมันก็รุนแรงมากพอที่จะเผานักยุทธระดับสามลงได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องพูดถึงกระดาษที่บางราวปีกแมลงนี้เลย
การทดสอบเช่นนี้มันเป็นอะไรที่ยากเย็นมากจริงๆ ทดสอบความแม่นยำและความบริสุทธิ์ ช่วยเปิดหูเปิดตาเย่หยวนอย่างมาก
แต่การควบคุมไฟนั้นมันง่ายแสนง่ายสำหรับเขา
ภายใต้คำของกงหลิน เหล่าอสูรหนุ่มทั้งหลายต่างเริ่มออกมาทำการทดสอบไปทีละคนๆ แต่ส่วนมากที่พวกเขาเลือกนั้นก็จะเป็นกระดาษที่ทำจากไม้ไหมทองเทวะ
ในไม้ทั้งสามนี้ ไม้ไหมทองเทวะทนไฟได้ดีที่สุด ส่วนไม้หลิวเมฆาทนไฟได้น้อยสุด
หมายความว่าพวกเขาทั้งหลายเลือกที่จะใช้ของง่าย เช่นนี้แล้วมันก็คงไม่ไหม้ไปง่ายๆ
เย่หยวนมองดูเหล่าอัจฉริยะทั้งหลายนี้ควบคุมไฟและได้แต่ส่ายหัวออกมา
อ่อนเกิน!
แม้ว่าเผ่าอสูรจะมีการสร้างระบบหลอมโอสถของตนขึ้นมาเอง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ดีกว่าเผ่าปีศาจมากนัก เผ่าอสูรนั้นยังมีฝีมือที่หยาบกระด้างมากหากเอาไปเทียบกับเผ่ามนุษย์
งานละเอียดอ่อนเช่นนี้ พวกเขายังคงทาบมนุษย์ไม่ติด
แต่อย่างน้อยๆ พวกเผ่าอสูรก็ยังเก่งกว่าเผ่าปีศาจ
“พระเจ้าช่วย! อีกนิดเดียว!”
“อย่าไหม้นะ อย่าไหม้! พระเจ้าช่วย!”
“ให้ตายเถอะ ทำไมมันถึงไหม้อีกแล้วเล่า? สิบปีของข้าสูญเปล่าอีกแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...