กงหลินหน้าซีดเผือด เขายื่นมือออกไปและรับกระดาษนั้นมาไว้
วินาทีที่กระดาษนั้นถูกโดนมือเขา มันกลับให้ความรู้สึกที่แสนร้อนแรง!
พรึ่บ!
จู่ๆ กระดาษนั้นก็ไหม้หายกลายเป็นเถ้าไป!
“นี่มัน…อุณหภูมิจุดติดไฟ! เจ้าทำมันได้อย่างไร?” กงหลินมองดูใบหน้าของเย่หยวนอย่างตื่นตะลึง
คนที่มาในครั้งนี้นั้นต่างล้วนเป็นมืออาชีพ พวกเขาย่อมรู้ดีว่าเย่หยวนไม่ได้ทำพลาดและปล่อยให้กระดาษไหม้
เหตุที่กระดาษนั้นมันไหม้จนเป็นเถ้าไปนั้นมันเป็นเพราะว่าอุณหภูมิของกระดาษอยู่ในจุดติดไฟ อุณหภูมิที่สามารถติดไฟได้ในทันที
เมื่อกงหลินรับกระดาษนั้นไปมันจึงเกิดความร้อนขึ้นมาจากการสัมผัส และความร้อนอันน้อยนิดมันก็ทำให้กระดาษเข้าสู่จุดติดไฟอย่างแท้จริงและทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้น
จนกระดาษนั้นไม่เหลือแม้แต่ซาก!
พลังความสามารถทักษะการควบคุมไฟนี้มันช่างเหนือล้ำ
ในการทดสอบปกติแล้วมันไม่มีใครกล้าจะเล่นกับไฟถึงขั้นนี้ไม่ว่าพวกเขาจะมีทักษะที่สูงส่งขนาดไหน!
เพราะว่าจุดติดไฟนั้นมันเป็นสิ่งที่ยากจะรู้ หากควบคุมมันได้ไม่ดีพออุณหภูมิเกินไปแม้แต่องศาเดียว กระดาษเผ่นนั้นก็คงไหม้เป็นจุล
หากเย่หยวนใช้กระดาษไม้หลิวเมฆาทำเรื่องแบบนี้ แม้มันจะยอดเยี่ยมแค่ไหนมันก็ไม่มีทางน่าเหลือเชื่อได้ถึงขั้นนี้
แต่เขากลับใช้กระดาษสามัญ เรื่องแบบนี้มันน่ากลัวจนเกินจะบรรยาย!
เย่หยวนยักไหล่ตอบ “เรื่องนี้หาได้ยากเย็นไม่ ตอนที่ข้าอายุสามร้อยข้าก็ทำมันได้แล้ว ถ้าพวกท่านหากระดาษสามัญชั้นหนึ่งมาได้ ข้าถึงจะแสดงความสามารถจริงๆ ออกมาได้”
ทุกคนตื่นตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
กระดาษสามัญชั้นหนึ่งนั้นมันหาไม่ได้ในมหาพิภพถงเทียน
ในเทือกเขาเทพอสูรนั้นมีต้นไม้มากมายหลากหลาย แต่มันไม่มีต้นไม้สามัญชั้นหนึ่ง แค่ชั้นห้าหรือหกก็หาไม่ได้แล้ว
หากอยากได้ต้นไม้สามัญชั้นหนึ่งจริงๆ คงมีแต่ต้องลงไปหายังโลกเบื้องล่างเท่านั้น
ที่สำคัญที่เย่หยวนบอกว่าทำได้ตั้งแต่อายุสามร้อยนั้นไม่ใช่อายุสามร้อยของชาตินี้ แต่เป็นอายุสามร้อยปีเมื่อชาติก่อน!
ชาติก่อนตอนที่เขายังเป็นจี้ฉิงหยุน เขาสามารถทำแบบนี้ได้ตั้งแต่อายุสามร้อยปี
ตอนนี้เวลาผ่านไปได้กว่าพันปีแล้ว ทักษะการควบคุมไฟของเย่หยวนย่อมเหนือล้ำจนแม้แต่กระดาษสามัญชั้นหนึ่งก็มิใช่ปัญหาอีกต่อไป
แต่แค่นี้มันก็น่าตกตะลึงพอแล้ว!
บนที่นั่งประธานผู้อาวุโสทั้งสามได้แต่มองลงมาอย่างตกตะลึง
“เจ้าหนุ่ม เจ้ามีนามว่า?” ฉีหยูเปิดปากถามขึ้น
“เย่หยวน!”
ฉีหยูพยักหน้ารับ “เย่หยวน เจ้ามีทักษะการคุมไฟที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! ต่อให้เป็นคนเฒ่าคนแก่อย่างเราก็ยังไม่น่าจะเทียบเจ้าได้”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าว เหล่าผู้คนทดสอบคนอื่นๆ ก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างไม่อาจหุบได้
คนที่เก่งกาจระดับผู้อาวุโสฉีหยูกลับยอมรับว่าตัวเองด้อยกว่าชายหนุ่มคนนี้?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมู่หยวนชุนที่ตอนนี้แทบอยากจะเอาหน้ามุดดินหนีไปเมื่อได้ยิน
คำพูดนี้ของฉีหยูมันตบหน้าเขาชัดๆ เลยไม่ใช่หรือ?
เดิมทีเย่หยวนบอกว่าสามัญสำนึกใช้ไม่ได้กับบางคน
แล้วตอนนี้มันจะไม่ใช่การยืนยันคำพูดนั้นให้หรือ?
เหล่าผู้อาวุโสที่ด้านบนนั้นพวกเขาต่างล้วนเป็นยอดคนที่อายุยาวนานเกินกว่าแสนปีไปทั้งสิ้น
การฝึกฝนบ่มเพาะของพวกเขานั้นมันเหนือล้ำกว่าที่ใครจะจินตนาการตามได้
แต่ว่าเย่หยวนกลับบอกว่าเขาทำเช่นนี้ได้ตอนอายุสามร้อยปี มันยังจะมีอะไรน่าอับอายไปมากกว่านี้ไหม?
แต่ฉีหยูก็เปลี่ยนน้ำเสียงไป “แต่การหลอมโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นมันต่างจากการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ของมนุษย์ เจ้าต้องผ่านอีกสองรอบหลังไปให้ได้ด้วยเราจึงจะนับว่าผ่านจริงๆ”
เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะ “ขอรับท่านผู้อาวุโส เย่หยวนจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
ฉีหยูพยักหน้ารับ “งั้นจงทำต่อไป”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นกงหลินจึงตั้งสติได้และประกาศออกมา “ต่อไป รอบที่สองเป็นการทดสอบศาสตร์หลอมอสูร! คนที่ไม่ผ่านรอบแรกมานั้นไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมทดสอบแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...